ย้อนอดีตตำนาน Steam ระบบขายเกม PC ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
08 ตุลาคม 2561 17:50 น.
Share on FacebookTweet about this on TwitterShare on Google+

steam-pc-game-history (1)

สำหรับเพื่อนๆ ชาว Metalbridge ทุกคนเลยนะครับ คงไม่มีใครรู้จักแพลต์ฟอร์มเจ้าใหญ่อย่าง Steam ตลาดเกม PC ในการจัดจำหน่ายจากค่ายเกมต่างๆ ให้เข้าถึงได้ทั่วโลก พร้อมวีรกรรมการลดราคาจัดหนักจัดแหลกที่บางครั้งก็ทำเอาแทบหลังหักกันทุกคนจนกลายเป็นมีมให้เอามาล้อกันจนถึงเวลานี้

ทั้งหมดนี้ก็ต้องขอขอบคุณ Gabe Newell ผู้ก่อตั้งบริษัท Valve ที่ได้กำเนิดแพลต์ฟอร์มยอดนิยมให้พวกเราใช้งานกันมายาวนาน ทว่าน้อยคนนักที่จะรู้ว่ากว่า Steam จะมาถึงจุดนี้ได้ ต้องฝ่าฝันอุปสรรคมามากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นเนื่องในโอกาสวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมาคล้ายกับวันเกิดของ Steam ซึ่งมีอายุถึง 15 ปีแล้ว จะขอเล่าถึงประวัติความเป็นมายาวนานของ Steam กันนะครับ

 

 

steam-pc-game-history (2)

ปี 2003 – 2005 จุดเริ่มต้นที่ไม่ได้สวยหรูอย่างที่คาดเอาไว้

 

หลังจาก Gabe Newell และ Valve ประสบความสำเร็จทั้งยอดขายและคำวิจารณ์จากเกมซีรีส์ระดับตำนานอย่าง Half-Life มาแล้ว ก็ได้วางแผนโครงการใหม่ที่ท้าทายไปอีกขั้น นั้นก็คือ Steam เพื่อเป็นแพลต์ฟอร์มสำหรับจัดจำหน่ายเหล่าเกมต่างๆ ให้เข้าถึงทั่วโลกในบัญชีเดียว และแล้ววันที่ 12 กันยายน ปี 2003 ก็เปิดตัวให้ได้ใช้งานกัน ทว่าความเป็นจริงไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด เพราะหลังจากเปิดให้บริการถึงปี 2005 กลับไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร เนื่องจากปัจจัยหลายสาเหตุตั้งแต่ความยุ่งยากในการใช้งาน, การกรอกข้อมูลลงทะเบียนจุกจิกเกินไปและช่วงเวลาดังกล่าวประสิทธิภาพของอินเทอร์เน็ตที่ใครเคยอยู่มาก่อนจะรู้ว่ามีขีดจำกัดพอสมควร โชคยังดีที่ Steam มีการวางขาย Half-Life 2 เลยช่วยต่ออายุของ Steam มาได้หวุดหวิด

 

steam-pc-game-history (3)

ปี 2006 – 2008 ปรับปรุงระบบให้ดีขึ้นพร้อมกลยุทธ์การตลาดสุดบ้าคลั่ง

เมื่อ Gabe Newell และ Valve เห็นถึงปัญหาดังกล่าวจากการรับฟังสิ่งลูกค้าส่งอีเมล์มาหาพวกเขา เริ่มแรกพวกเขาปรับเปลี่ยน User Interface ออกมาให้เข้าใจง่ายขึ้น, เพิ่มหมวดหมู่ Demo และวิดีโอคุณภาพ HD เกี่ยวกับเกมเข้ามา, มีการใส่ลูกเล่นอย่างคะแนนเสียงตอบรับจากทาง Metacritic เข้ามาในรายละเอียดของเกม, เพิ่มรูปแบบการค้นหาคีย์ลัดโดยเฉพาะ ได้แก่ Top Sellers ,New Releases และ Spotlight เป็นต้น, เริ่มตั้ง Steam Community ไว้สำหรับสร้างกลุ่มให้ชาวเกมตอบโต้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมไปถึงการใช้กลยุทธ์การตลาดลดราคาเหล่าเกมดังมากกว่า 50% แหลกกระจาย ส่งผลให้ในปี 2008 มียอดผู้ใช้งาน Steam ทะลุถึง 20 ล้านคนเลยทีเดียว

 

steam-pc-game-history (4)

ปี 2009 – 2011 Steam กลับมาผงาดสู่สายตาเกมเมอร์ทั่วโลกอีกครั้ง

 

เมื่อผลตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด Steam ก็กลายมาเป็นแพลต์ฟอร์มเจ้าใหญ่ที่ใครหลายคนหันมาใช้บริการอยู่ตลอดเวลา ค่ายเกมดังและทีมพัฒนาอินดี้ก็หันมาติดต่อและเริ่มวางจำหน่ายกับทาง Steam มากขึ้น มีการปรับราคาตามโซนในแต่ละประเทศ ยิ่งกว่านั้นมีการเพิ่มระบบ Steam Guard ไว้ป้องกันบุคคลอื่นมาใช้งานบัญชีของเรา รวมถึง Steam Stats เอาไว้แสดงยอดผู้เล่นที่มีผลต่อเกมนั้นในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือนว่ามีคนเล่นอยู่เท่าไหร ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่หลุดพ้นจากความยากลำบากได้เสียที

 

steam-pc-game-history (5)

ปี 2012 Steam กลายมาเป็นเป็นแพลต์ฟอร์มสุดโด่งดังที่ใครๆ ต่างก็ต้องมีติดตัวไว้จนมาถึงปัจจุบันนี้

 

เรียกว่าพอเข้าปี 2012 Steam ก็อยู่ในช่วงขาขึ้นมาตลอดจนในเวลานี้ เริ่มตั้งแต่การเปิดตัวระบบใหม่ที่เป็นที่ฮือฮาอย่าง Steam Greenlight ซึ่งเปิดโอกาสให้ทีมพัฒนาอินดี้มานำเสนอเกมของพวกเขา โดยมีผู้ใช้บริการ Steam ทั้งหมดเข้ามาร่วมกันโหวตว่ามีเกมไหนบ้างที่ควรนำมาขึ้นในหน้าร้านค้า Steam ให้เราได้ซื้อกัน พร้อมแสดงความคิดเห็นส่งไปยังทีมพัฒนาโดยตรง นอกเหนือจากนี้ Valve ได้พัฒนาแอปพลิเคชั่น Steam สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ มิหนำซ้ำยังเปิดช่องทางให้ผู้ใช้บริการ Steam เติมเงินบัญชีด้วยตนเองง่ายๆ อีกด้วยครับ

 

 

พอมาถึงปี 2013 Steam เริ่มหันมาสนับสนุนระบบปฏิบัติการ Mac และ Linux บ้างแล้ว หลังจากเน้นระบบปฏิบัติการ Window มาเป็นเวลานาน, สร้างระบบ Steam Family Sharing มาแบ่งปันคลังเกมให้คนในครอบครัวเล่นร่วมกันได้ และทีเด็ดในปีนี้คือ การมาของ Early Access เหล่าบรรดาเกมที่อยู่ในหมวดดังกล่าวจะเป็นเกมที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา ไม่เสร็จสมบูรณ์ แถมเปิดโอกาสให้เพื่อนๆ ไปซื้อทดสอบแล้วนำข้อดีข้อเสียมาบอกแก่ทีมพัฒนาเพื่อปรับปรุงตัวเกมให้ดีขึ้น ซึ่งปีนั้นถือว่าเกมประเภท Early Access บูมเอาสุดๆ เลยทีเดียว

 

steam-pc-game-history (6)

จากนั้นในปี 2014 – 2016 Steam อัพเดต User Interface แบบใหม่ที่สามารถปรับเปลี่ยนการค้นหาเกมในหมวดหมู่อย่างที่เราต้องการเอาเอง ยังมาพร้อมกับฮาร์ดแวร์ชนิดใหม่ถึง 3 อุปกรณ์ด้วยกัน ได้แก่ Steam Controller และ Steam Link แถมเริ่มหันมาสนับสนุนเกมแนว VR แล้วด้วยนะครับ

 

steam-pc-game-history (7)

ปัจจุบันได้นำเอา Steam Greenlight ออกแล้วแทนที่ด้วย Steam Direct เพื่อคัดกรองคุณภาพของเกมและลดจำนวนเกมที่ไร้คุณภาพไปในตัวด้วย หากทีมพัฒนาอยากนำเกมขึ้นมาวางขายบน Steam จะต้องจ่ายเงินค่าธรรมเนียมเท่านั้น ล่าสุดก็มีการปรับเปลี่ยนนโยบายสำหรับวางจำหน่ายเกม 18+ ให้วางขายในรูปแบบ Unsecure เต็มรูปแบบ ถือเป็นหมายอันดีที่ไร้ข้อจำกัดในการวางจำหน่ายเกมดังกล่าวเกินไปครับ

 

เป็นยังไงบ้างครับ กับบทความถึงประวัติความเป็นมายาวนานของ Steam ที่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่ง่ายๆ เลย หากไม่เป็นเพราะ Gabe Newell และ Valve หันมาใช้กลยุทธ์การตลาดที่ไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อน จนถึงการพัฒนาปรับปรุงระบบภายในอยู่ตลอดเวลาล่ะก็ Steam อาจไม่อยู่มาถึงขนาดนี้ก็ได้ ยอมรับเลยว่าพวกเขาแบกรับความเสี่ยงเพื่อให้มันออกมาประสบความสำเร็จจนอดชื่นชมไม่ได้เลย ตอนนี้เราก็ไม่อาจทราบได้ว่าในอนาคตSteam จะเป็นยังไง ดูท่าจะยังความนิยมไปอีกนานพอสมควรเลย

 

 

บทความโดย หมาป่าผู้แสนโดดเดี่ยว

Credit ข้อมูลจากPC Gamer