Songbird โควิด23 ไวรัสล้างโลก (2021)

ประเภท: ภาพยนตร์

แนว: ระทึกขวัญ, ดราม่า

อำนวยการสร้างโดย: ไมเคิล เบย์

กำกับโดย: อดัม เมสัน

นำแสดงโดย: เคเจ อาปา, โซเฟีย คาร์สัน, อเล็กซานดร้า ดาแดริโอ, เดมี่ มัวร์

กำหนดฉาย: 21 มกราคม 2021

ถือว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญระดับโลกของปีนี้สำหรับวิฤตการณ์ไวรัสโควิด19 ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ทำให้ผู้กำกับอันดับต้นๆอย่าง ไมเคิ่ล เบย์   หยิบเอาเรื่องราวเชื้อไวรัสที่กำลังเป็นที่จับตามองในเวลานี้มาแต่งเติมจินตนาการ จนสกัดออกมาเป็นผลงานเรื่องล่าสุดในชื่อ Songbird  โควิด23 ไวรัสล้างโลก 

เรื่องย่อ

ในโลกอนาคตปี 2024 เชื้อไวรัสโคโรน่าได้พัฒนาสายพันธุ์ในชื่อ โควิด 23 ที่กลายพันธุ์และแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วจนคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 110 ล้านคนทั่วโลก จนต้องเข้าสู่สภาวะล็อคดาวน์ด้วยการออกกฎขั้นเด็ดขาด โดยให้ผู้คนอยู่ในที่พักอาศัย หากใครฝ่าฝืนหรือละเมิดก็จะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด ทำให้เกิดเรื่องจนได้เมื่อ นิโก ชายหนุ่มผู้มีภูมิคุ้มกันต้องรีบไปช่วย ซาร่า แฟนสาวที่ถูกสงสัยว่าติดเชื่อโควิดก่อนที่เจ้าหน้าที่จะบุกมาหาเธอไม่กี่ชั่วโมง ทำให้เขาต้องฝ่ามฤตยูไวรัสล้างโลกพร้อมกับช่วยแฟนของเขาก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

Songbird โควิด23 ไวรัสล้างโลก เป็นผลงานอำนวยการสร้างของ ไมเคิ่ล เบย์ ผู้อยู่เบื้องหลังหนังดังมากมาย อาทิ Transformers และ The Purge โดยได้มอบหมายให้ อดัม เมสัน รับหน้าที่เขียนบทและกำกับ โดยได้มีการเขียนบทและลงมือถ่ายทำในช่วงที่โควิด 19 ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นวัตถุดิบชั้นดีที่พวกเขาอยากสะท้อนเหตุการณ์เหล่านี้ลงไปในภาพยนตร์ให้ได้มากที่สุด

ในส่วนของนักแสดงด้านฝั่งพระ-นาง ก็ได้ เคเจ อาปา นักแสดงจากนิวซีแลนด์รับบทเป็น นิโก ชายหนุ่มที่ไม่ได้พบแฟนสาวหลังเหตุการณ์วิกฤตไวรัสระบาดก่อนจะฝ่าเชื้อไวรัสไปช่วยเธอในวันที่เธอกำลังถูกทางการต้องการตัว ส่วนทางด้านนางเอกก็จะได้ โซเฟีย คาร์สัน นักแสดงสาวที่มีผลงานภาพยนตร์ทางจอแก้วกับดิสนีย์พลิกบทบาท ในบท ซาร่า หญิงสาวที่ถูกเจ้าหน้าที่ต้องการตัวหลังถูกต้องสงสัยว่าติดเชื้อหรือไม่

นอกจากนี้ยังมีนักแสดงสมทบมากฝีมือมากมาย อาทิ อเล็กซานดร้า ดาแดริโอ, เดมี่ มัวร์, เคร็ก โรบินสัน, แบรดลีย์ วิธฟอร์ด

REVIEW 8/10 Rank B

ความบันเทิงสไตล์หนังรัก “โรมิโอ แอนด์ จูเลียต” ยุคโควิดระบาด

เป็นหนังที่สารภาพว่า ไม่คิดว่าจะได้ดู เพราะว่ากันตามจริง หนังลงโรงในอเมริกามาได้ระยะหนึ่ง บวกกับสถาณการณ์ที่ไม่สู้ดีนักของโรงหนังที่ต้องปรับตัว ลดรอบ ปิดโรงเร็วขึ้น หรือจะอะไรก็ตามแต่ จากข้อมูลที่ได้มา โรงหนัง ยังคงเปิดทำการตามปกติ มีการเว้นระยะ2ที่นั่น ฆ่าเชื้อทุกรอบ ดังนั้นมั่นใจได้ว่า โรงหนังเนี่ย เอาจริงๆ ปลอดภัยกว่าเดินตลาดบางที่อีกนะ 55+ 

นอกเรื่องมาพอควรละ มาพูดถึงตัวหนังกันดีกว่า ตัวหนังเล่นกับกระแสเรื่องโรคระบาดสุดอินเทรนด์อย่าง COVID แต่ในหนังเขาใส่โจทย์ให้ดุเดือดยิ่งขึ้น คือ ใครติดโควิด จะ ตายทันทีใน 48 ชม. เพราะเป็นเชื้อที่ พัฒนากลายพันธุ์จาก COVID 19 มาเป็น COVID  23 และจะมีหน่วยงานสาธารณะสุขมาเก็บกวาด หรือพาคนป่วยเข้าไปยังเขตกักกัน นี่คือ Background ของหนัง

แต่พล๊อตหลักจริงๆ คือเรื่องราวของ “เด็กส่งของ” (ให้นึกถึงพวก GRAB LALAMOVE SHOPEE อะไรแนวๆนี้ได้เลย) ที่ทำงานในโลกที่คนติดโควิดกัน แต่ด้วยความพระเอกไง เลยมีภูมิคุ้มกัน แล้ว “ต้องหาทางพานางเอก ที่ต้องกักตัว หนืออกจากเมืองบ้าๆนี่ไปยังเมืองชายทะเลอันห่างไกลลิบโลก” ที่ๆไร้การติดเชื้อ พระเอกเลยต้องทำเควสท์ เอา “กำไลข้อมือสำหรับผู้มีภูมิคุ้มกัน” เป็นตั๋วเบิกทางที่จะออกไป  แต่ไม่ง่ายเพราะมีอุปสรรคขวางทางตลอด  แถมซับพล๊อตของหนัง มีความทริลเลอร์นิดๆติดมาด้วย ช่วยระทึกขวัญดี 

คือในเรื่องนี่ คนมันแพนิคกันจัด ชนิดที่เรียกว่า “กลัวการหายใจนอกบ้าน” จนไม่ยอมออกจากบ้านไปไหนเลย บางคนมาเที่ยว พอเกิดโรคระบาด ก็เลยติดแหง็กในบ้านพักระหว่างเที่ยว มันขนาดนั้นอ่ะ คือเว่อวังมาก แถมการดูแลของรัฐบาลนี่ก็เล่นใหญ่ มีเคอร์ฟิว  มีขู่ใช้กระสุนจริง มีการให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐแบบเต็มมือในการจัดการคนติดเชื้อราวกับหนังซอมบี้ (ที่ไม่มีซอมบี้ซักตัว 555+)   

นอกจากนั้นแล้ว ตัวหนังเอง ก็ไม่ได้มอบกำลังใจ ให้ความหวัง หรือสู้กับวิกฤติ ซ้ำยังขยี้ทวีจินาการสุดมโน ถึงความเลวร้ายขั้นกว่า จนกลายเป็นโลกที่ไม่น่าอยู่เลยซักนิด

และการเล่าเรื่อง ตัวหนังพยายามเซตติ้งเรื่องราวที่เดิดจากตัวละครหลายๆตัว มีการเฉลี่ยบท แต่ทั้งหมดที่ว่า มันเชื่อมโยงกับ “รอบตัวพระเอกทั้งหมด” จะมีบ้างบางเหตุการณ์ที่ไร้้เหตุผล หรือใส่มาแบบแถๆ อย่างช่วงกลางเรื่องที่พระเอกรอดมาได้ กับช่วงท้ายเรื่องที่เหมือนใส่ๆมาเพื่อหาทางลงให้กับความสัมพันธ์ตัวละคร ไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่มันโอเคลงตัวที่สุดเท่าที่หนังชั่วโมงครึ่งจะมอบความบันเทิงได้แบบไม่ต้องปีนบันไดดู มันเข้าใจง่าย ย่อยง่าย ดูสนุก ลุ้นดีเหมือนกัน

ส่วนใครที่คิดว่า ไมเคิ่ล เบย์ มาทำ แล้วจะได้ดูฉากระเบิดวินาศสันตะโร แอคชั่นจัดเต็ม ขอแสดงความเสียใจด้วย นี่คือหนังรักโรแมนติกที่เกิดขึ้นในช่วงการล๊อกดาวน์กักตัวอยู่บ้าน ไม่มีอะไรมากน้อยไปกว่านี้  เราจะไม่ได้เห็นการระเบิดเขาเผากระท่อม ต้องเข้าใจนะว่าน้าเบย์ แกไม่ได้กำกับ ไม่ได้ทำโปรดัคชั่น แกแค่มานั่งแท่นอำนวยการสร้าง และเคาะสั่งเอาหรือไม่เอา ได้หรือไม่ได้ หาทุนทำ คือแค่นั้นจริงๆ

แต่สิ่งที่เป็นซิกเนเจอร์งานของน้าแกยังคงมีอยู่ เพราะตัวหนังทั้งเรื่อง ใช้งานภาพสไตล์ฟิลม์โทนร้อน ภาพจะอมๆเหลืองนิดๆ ดูรู้สึกมี Dynamic ตามสไตล์ที่เคยทำพวก ทรานสฟอร์เมอร์ภาคแรกๆ และมันทำให้มูฟเม้นท์ตัวละคร ดูเร้าใจขึ้น แม้ว่าซีนนั้นจะเป็นซีนที่ไม่มีอะไรเลยก็ตาม จะว่าไปมันก็เข้ากับหนังแบบแปลกๆดี และส่วนตัวค่อนข้างชอบเลย

เอาเป็นว่า ใครที่ชอบหนังรักโรแมนติกในธีมโควิด หรือใครอยากลองความบันเทิงแบบคลีเช ที่หาดูได้ในหนังทั่วไป  เล่าเรื่องสนุก มีจุด WTF เล็กน้อย ก็ตีตั๋วไปดูได้ครับ ไม่เสียดายตัง

ส่วนตัว แค่ไปดูตาสวยๆ ความเบิ้มๆ บนจอใหญ่ๆ ของ อเล็กซานดร้า ดาแดริโอ ในบทตัวประกอบสุดสวยสะกดสายตา ก็คุ้มค่าตั๋วแล้ว สวยขึ้นจอมากๆ

 Songbird โควิด23 ไวรัสล้างโลก กำหนดฉาย วันที่ 21 มกราคม 2021 ทุกโรงภาพยนตร์

แอดมิน AK47

ข้อมูลประกอบ

-          https://www.majorcineplex.com/news/songbird-copy-5fe1687269b80

-          https://www.imdb.com/title/tt12592252/?ref_=ttmi_tt

-          https://en.wikipedia.org/wiki/Songbird_(film)