Dragon Quest VII Reimagined [PS5, Xbox Series, Switch 2, Switch, PC ]
19 พฤศจิกายน 2568 22:00 น.
Share on FacebookTweet about this on TwitterShare on Google+

DQ7-Ann_09-12-25-768x432

 

Type: RPG
Developer / Publisher: Square Enix
Platform: PS5, Xbox Series, Switch 2, Switch, PC (Steam, Microsoft Store)
Release Date: 5 กุมภาพันธ์ 2026

 DQ7R_Field_01

Square Enix ได้ประกาศอย่างยิ่งใหญ่กับการกลับมาของตำนาน RPG คลาสสิก Dragon Quest VII Reimagined ที่จะลงให้กับทุกแพลตฟอร์มหลักทั้ง PS5, Xbox Series, Switch 2, Switch และ PC โดยมีกำหนดวางจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2026 นับเป็นการนำหนึ่งในภาคที่ใหญ่และซับซ้อนที่สุดของซีรีส์กลับมาเล่าใหม่อีกครั้งในยุคกราฟิกและเทคโนโลยีสมัยใหม่

 

ต้นฉบับของเกมนี้คือ Dragon Quest VII: Fragments of the Forgotten Past ที่วางจำหน่ายครั้งแรกบน PlayStation ในปี 2000 และขึ้นแท่นเกมขายดีที่สุดของเครื่องในญี่ปุ่นด้วยยอดขายกว่า 4.06 ล้านชุด โดยมี Yuji Horii รับหน้าที่ออกแบบเกม,  อากิระ โทริยามะ  ผู้ให้กำเนิด Dragon Ball เป็นผู้ออกแบบตัวละคร และ โคอิจิ สุกิยามะ แต่งเพลงประกอบ เกมนี้ยังเคยถูกรีเมคลง Nintendo 3DS ในปี 2013 และเวอร์ชันมือถือในปี 2015

 

Dragon Quest VII Reimagined ถูกตีความใหม่ทั้งภาพและเนื้อเรื่อง ให้แฟน ๆ ได้สัมผัสความคลาสสิกในมุมมองที่ทันสมัยและมีชีวิตชีวา งานภาพของเกมโดดเด่นด้วยสไตล์ “แฮนด์เมด” ตัวละครที่ออกแบบโดย อากิระ โทริยามะ ผู้ล่วงลับ ถูกสร้างเป็นโมเดลตุ๊กตาจริง ๆ แล้วนำมาจัดวางในฉากแบบไดโอรามา ทำให้ผู้เล่นรู้สึกเหมือนกำลังผจญภัยอยู่ในหนังสือนิทานที่มีชีวิต

Dragon Quest VII Reimagined (4)

เนื้อเรื่องของเกมถูกปรับปรุงให้เข้าถึงง่ายและกระชับมากขึ้น แม้จะยังคงเคารพต้นฉบับ พร้อมเพิ่มเควสต์ย่อย มินิเกม และเนื้อหาพิเศษมากมาย เพื่อให้ประสบการณ์การเล่นมีความหลากหลายและน่าติดตาม ตัวละครหลักที่น่าจดจำ เช่น Keifer เจ้าชายแห่ง Estard และ Maribel ลูกสาวนายกเทศมนตรี จะพาผู้เล่นสำรวจโลกกว้างใหญ่ รวบรวมเศษหินเวทมนตร์เพื่อเปิดโลกใหม่ พบกับเมืองและดันเจี้ยนสุดท้าทาย พร้อมเควสต์หลากหลาย

 

Dragon Quest VII ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเกม RPG ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เนื้อเรื่องเล่าถึงเหล่าฮีโร่ที่ออกเดินทางจากเกาะเล็กๆ อย่าง Estard เพื่อตามหาความจริงของเกาะลึกลับที่หายไป และใช้พลังของเศษหินศักดิ์สิทธิ์เปิดประตูสู่ “อดีต” ของแต่ละดินแดนเพื่อปลดปล่อยดินแดนเหล่านั้นจากความมืดมิด ก่อนที่มันจะกลับคืนสู่โลกปัจจุบัน เนื้อเรื่องเต็มไปด้วยการผจญภัยและปริศนาอันเข้มข้น พร้อมการต่อสู้กับอสูรร้ายที่เชื่อมโยงกับชะตากรรมของโลก

 

Dragon Quest VII Reimagined (2)

ระบบการเล่นยังคงความคลาสสิกของ Dragon Quest แต่โดดเด่นด้วย Class System ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นเปลี่ยนสายอาชีพ ตั้งแต่ Warrior, Mage, Thief ไปจนถึงคลาสขั้นสูงอย่าง Hero และ Summoner รวมถึง Monster Class ที่ได้จากการสะสม “Monster Heart” เกมยังอัดแน่นด้วยมินิเกม เช่น Casino, Immigrant Town, Monster Park และระบบ Ranking ต่างๆ ที่ทำให้การเล่นยาวนานกว่าร้อยชั่วโมงโดยไม่รู้สึกซ้ำซาก 

 

ระบบต่อสู้แบบเทิร์นเบสถูกยกเครื่องใหม่ทั้งหมด เพิ่มความเร้าใจด้วยระบบอาชีพที่สามารถใช้สองอาชีพพร้อมกัน, ระบบ “Let Loose” ที่สามารถปลดพลังพิเศษเมื่อเกจเต็ม, และระบบ “Monster Master” ที่เรียกสัตว์ประหลาดมาช่วยต่อสู้ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงคุณภาพชีวิต (QoL) ด้วย UI แบบใหม่และการปรับแต่งระบบเกมให้ลื่นไหล ตอบโจทย์ผู้เล่นยุคใหม่

 

Dragon Quest VII Reimagined (3)

เจาะลึกบทสัมภาษณ์: เหตุผลเบื้องหลังการ “ตีความใหม่” Dragon Quest VII Reimagined

 

การประกาศเปิดตัว Dragon Quest VII Reimagined ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ววงการเกมเมอร์ ไม่ใช่เพียงเพราะการกลับมาของตำนาน แต่เป็นเพราะคำว่า “Reimagined” ที่บ่งบอกว่านี่ไม่ใช่แค่การรีเมคธรรมดา บทสัมภาษณ์ล่าสุดของ คุณอิจิคาวะ ทาเคชิ โปรดิวเซอร์จาก Square Enix ได้เปิดเผยวิสัยทัศน์และเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจครั้งสำคัญต่างๆ ซึ่งเราได้นำมาขยายความให้เห็นภาพชัดเจนในทุกมิติ

 

Dragon Quest VII Reimagined (1)

ทำไมต้องเป็น Dragon Quest VII? และทำไมต้องตอนนี้?
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไม Square Enix ถึงเลือกภาคที่ขึ้นชื่อว่ายาวนานและมีเนื้อหาที่หม่นหมองที่สุดภาคหนึ่งกลับมาทำใหม่ คุณอิจิคาวะได้ให้เหตุผลที่น่าสนใจไว้ 2 ประการ

 

–ธีมเรื่องที่เข้ากับยุคสมัย: เขาเชื่อว่าบรรยากาศของเกมที่ค่อนข้าง “มืดมนและเศร้า” รวมถึงการเล่าเรื่องที่แฝงไปด้วยความ “ไร้เหตุผล” ของโชคชะตาที่ตัวละครต้องเผชิญนั้น จะสามารถสร้างความรู้สึกร่วม (Resonate) กับผู้เล่นในยุคปัจจุบันได้ดีกว่าเมื่อ 25 ปีก่อน สังคมสมัยใหม่เปิดรับเรื่องเล่าที่มีความซับซ้อนและโทนสีเทามากขึ้น การผจญภัยเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่สิ้นหวังในแต่ละเกาะจึงอาจมีความหมายและกระทบใจผู้เล่นได้ลึกซึ้งกว่าเดิม

 

–วาระครบรอบ 25 ปี: ปี 2025 ถือเป็นการครบรอบ 25 ปีของการวางจำหน่าย Dragon Quest VII บนเครื่อง PlayStation รุ่นแรก จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเฉลิมฉลองและนำมรดกอันยอดเยี่ยมนี้กลับมาเล่าใหม่ให้คนรุ่นใหม่ได้สัมผัส

 

“Reimagined” ไม่ใช่แค่ “Remake”: งานภาพและเสียงที่ตีความใหม่


สไตล์ภาพ “ดอลล์ลุค” (Doll Look): นี่ไม่ใช่แค่การอัปเกรดกราฟิก แต่เป็นการสร้างอัตลักษณ์ทางศิลปะขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ทีมงานเลือกใช้สไตล์ที่ทำให้ตัวละครและโลกในเกมดูเหมือน “ตุ๊กตาทำมือ” เพื่อให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นและจับต้องได้ ซึ่งเป็นแนวทางที่แตกต่างจากการสร้างโมเดล 3D สไตล์อนิเมะทั่วไปโดยสิ้นเชิง

 

การที่ทีมงานถึงกับ “ปั้นตุ๊กตาขึ้นมาจริงๆ” เพื่อใช้เป็นต้นแบบ ยิ่งตอกย้ำถึงความใส่ใจในรายละเอียดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างและน่าจดจำ

 

Dragon Quest VII Reimagined (4)

การพากย์เสียงและตัวตนของผู้เล่น: การเพิ่มเสียงพากย์จะช่วยให้ตัวละครต่างๆ มีชีวิตชีวามากขึ้น

แต่การตัดสินใจให้ “ตัวละครเอกเงียบ” (ไม่มีบทพูดในคัตซีน) คือการเคารพปรัชญาดั้งเดิมของซีรีส์ที่ว่า “ตัวเอกคือตัวแทนของผู้เล่น” การกระทำและการตัดสินใจของผู้เล่นคือเสียงของตัวเอก ทำให้ผู้เล่นสามารถสวมบทบาทและดำดิ่งไปกับเรื่องราวได้อย่างเต็มที่

 

 

แก่นการปฏิรูปเกมเพลย์: ลดความเหนื่อยล้า เพิ่มความสนุกในการสร้างสรรค์
นี่คือหัวใจสำคัญของการ “Reimagined” ที่จะส่งผลต่อประสบการณ์ของผู้เล่นโดยตรง

Dragon Quest VII Reimagined (5)

1. ปรับ “จังหวะ” การเล่นให้เหมาะกับยุคสมัย

คุณอิจิคาวะยอมรับว่าเกมต้นฉบับมีจังหวะที่ค่อนข้างช้า ซึ่งอาจไม่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเกมเมอร์ยุคนี้

 

การปรับปรุงจึงมุ่งเน้นไปที่ “การต่อสู้ที่รวดเร็ว” ลดทอนเวลาที่ไม่จำเป็นในฉากต่อสู้ เช่น อนิเมชันที่กระชับขึ้น การแสดงผลที่รวดเร็ว ทำให้การต่อสู้แต่ละครั้งจบไวขึ้น ลดความน่าเบื่อในการฟาร์ม เพื่อลดเวลาเล่นโดยรวม อันเป็นผลจากการปรับจังหวะทั้งหมด ทำให้คาดว่าเวลาเล่นจนจบจะสั้นกว่า 100+ ชั่วโมงในอดีต แต่ยังคงเนื้อหาไว้ครบถ้วน เป็นการทำให้เกมที่ยิ่งใหญ่นี้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับคนที่มีเวลาจำกัด

 

Dragon Quest VII Reimagined (8)

2. การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของระบบอาชีพ

การอำลา “อาชีพมอนสเตอร์”: ระบบนี้ในภาคต้นฉบับคือการฟาร์ม “หัวใจมอนสเตอร์” (Monster Heart) ที่ดรอปยากมากเพื่อเปลี่ยนอาชีพ ซึ่งเป็นระบบที่ต้องใช้ความอดทนและเวลามหาศาล ทีมงานจึงตัดสินใจ “ถอดระบบนี้ออกไป” เพื่อลดภาระการฟาร์มที่หนักหน่วง (Grinding) ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับผู้เล่นใหม่

 

“หัวใจมอนสเตอร์” ในบทบาทใหม่: เปลี่ยนเป็น “เครื่องประดับ” ที่มอบความสามารถหรือค่าสถานะพิเศษ นี่คือการออกแบบที่ชาญฉลาด เพราะยังคงเสน่ห์ของการ “ได้รับพลังจากมอนสเตอร์” เอาไว้ แต่เปลี่ยนรูปแบบจากการผูกมัดกับอาชีพ มาเป็นการปรับแต่งที่ยืดหยุ่นและเข้าถึงง่ายกว่ามาก

 

Dragon Quest VII Reimagined (6)

ระบบใหม่ “คะเคะโมจิ” (Kakemochi – การทำสองอย่างควบคู่กัน)

เพื่อทดแทนความลึกที่หายไปและเพิ่มมิติใหม่เข้ามา ระบบนี้จะอนุญาตให้ “หนึ่งตัวละครมีสองอาชีพพร้อมกันได้” ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ที่ไม่สิ้นสุดในการสร้างตัวละคร ผู้เล่นอาจจะสร้าง “นักรบที่ใช้เวทฟื้นฟู” หรือ “นักปราชญ์ที่เคลื่อนไหวได้ว่องไวแบบโจร” ระบบนี้จะกลายเป็นหัวใจหลักของการวางแผนและเป็นจุดขายที่น่าตื่นเต้นที่สุดของเกมเพลย์

 

Dragon Quest VII Reimagined (7)

3. แก้ไข Pain Point

การตามหาแผ่นศิลา ผู้เล่นภาคดั้งเดิมต่างจดจำความยากลำบากในการตามหาชิ้นส่วนแผ่นศิลาที่ซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งบางครั้งก็ทำให้เกมหยุดชะงักไปเลย ทีมงานยืนยันว่าได้ปรับปรุงให้การตามหานั้น “ง่ายและเป็นมิตรขึ้น” เพื่อให้การดำเนินเรื่องราวซึ่งเป็นจุดแข็งที่สุดของภาคนี้ เป็นไปอย่างราบรื่นและไม่ติดขัด

Dragon Quest VII Reimagined (1)

 

โดยสรุป Dragon Quest VII Reimagined คือโปรเจกต์ที่เต็มไปด้วยความเคารพในต้นฉบับ และปรับให้ร่วมสมัย ทีมงานได้วิเคราะห์อย่างละเอียดว่าสิ่งใดคือ “เสน่ห์” ที่ควรคงไว้ (เนื้อเรื่อง, ธีม, ความเป็นตัวแทนของผู้เล่น) และสิ่งใดคือ “อุปสรรค” ของยุคสมัยที่ควรปรับปรุง (จังหวะที่ช้า, การฟาร์มที่หนักหน่วง) ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นเกมที่พร้อมจะมอบประสบการณ์สุดคลาสสิกในรูปแบบที่ทันสมัยและลงตัวที่สุดสำหรับแฟนเก่าและผู้เล่นหน้าใหม่อย่างแท้จริง

 

 

สำหรับแฟน ๆ ที่ชื่นชอบการสะสมเกมตัวลิมิเต็ด Dragon Quest VII Reimagined จะมี Collector’s Edition วางขายพร้อมกันวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2026 บน Switch 2, Switch, PS5, Xbox Series และ PC

 

ภายในประกอบด้วยเกมเวอร์ชันแผ่น, กล่องเหล็ก SteelBook, ตุ๊กตา Slime ขนาดเล็ก, โมเดลเรือในขวด และชุด DLC พิเศษ ส่วน Digital Deluxe Edition ให้เข้าเล่นก่อน 48 ชั่วโมง พร้อมชุดพิเศษสำหรับตัวละคร Ruff และ DLC เสริมอีก 3 แพ็ก นอกจากนี้ผู้พรีออเดอร์ทุกเวอร์ชันยังจะได้รับชุดจาก Dragon Quest VIII สำหรับตัวเอก และไอเท็ม Seeds of Proficiency 3 ชิ้น ส่วนผู้ซื้อแบบดิจิทัลยังได้โล่ Slime Shield ที่ออกแบบเฉพาะตามแพลตฟอร์ม

 

การกลับมาของ Dragon Quest VII Reimagined ครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการรีเมคธรรมดา แต่เป็นการนำ “ภาคที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” ของซีรีส์มาถ่ายทอดใหม่เพื่อแฟนๆ ทั่วโลก ที่รอคอยจะได้สัมผัสการผจญภัยในตำนานอีกครั้งในปี 2026

 

#DragonQuestVII #DragonQuest #DQ7 #SquareEnix #RPG #เกมญี่ปุ่น #JRPG