The Babadook (บาบาดุค ปลุกปีศาจ)
ประเภท : Drama, Horror, Thriller
ผู้กำกับและเขียนบทภาพยนตร์: Jennifer Kent
นักแสดงนำ: Essie Davis, Daniel Henshall, Tiffany Lyndall-Knight, Noah Wiseman
ความยาว: 93 นาที
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 9 ตุลาคม 2557
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Causeway Films, Smoking Gun Productions, มงคล เมเจอร์
เป็นอีกหนึ่งภาพยนต์สยองขวัญสั่นประสาทคนดู ที่พยายามจะขอมาเบียดพื้นที่ทำเงิน ในช่วงที่หนังBlocbuster เริ่มจะซาลงไปหลังช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา…บวกกับใกล้เทศกาล “วันฮาโลวีน” ก็ยิ่งเป็นช่องทางให้หนังสยองได้ออกมาหายใจ ทำเงินเข้ากระเป๋าบ้าง

และนี่คือภาพยนต์ “ทุนต่ำ” สุดอินดี้ จากประเทศออสเตรีย (ไม่ใช่หนังฮอลลีวู้ดนะ แต่ว่าดังมากๆในอเมริกาซะงั้น) ที่กระแสดีมากๆในอเมริกา ถึง “ความน่ากลัว” “กดดัน” และ “ซ่อนปมประเด็นได้อย่างแยบคาย” กับหนังผีฝรั่งที่มี่อว่า “The Babadook” (“บาบาดุค” ปลุกปีศาจ ม่ได้อ่านว่า “ปลาปลาดุก” แต่อย่างใด…ฮ่าๆ)
เรื่องย่อ
(ขอขอบคุณข้อมูลจากทาง มงคล เมเจอร์)
6 ปีภายหลังจากการเสียชีวิตของสามี ทำให้เอมิเลีย (เอสซี่ เดวิส) ต้องเลี้ยงดูซามูเอล (โนอา ไวส์แมน) ลูกชายวัย 6 ปีของเธอเพียงลำพังอย่างยากลำบาก ทุกคืนเด็กชายมักจะถูกหลอกหลอนด้วยปีศาจในฝันร้ายที่เขาเชื่อว่าตั้งใจจะทำร้ายและมุ่งเอาชีวิตของตัวเองและแม่

วันหนี่งหลังจากได้อ่านนิทานก่อนนอนที่มีชื่อว่า “The Babadook” ซามูเอลก็มั่นว่าใจสิ่งมีชีวิตที่แสนน่ากลัวในเนื้อเรื่องคือปีศาจที่เขาฝันถึงทุกคืน..
จากเรื่องไร้สาระที่ดูเหมือนจะเป็นแค่จินตนาการของเด็กชายตัวน้อย กลับกลายเป็นประสบการณ์หลอนคาบ้าน เมื่อ 2 แม่ลูกพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้ลำพังอีกต่อไป !
ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา เชื่อว่าทุกท่านที่กดเข้ามาอ่านบทความนี้ อยากอ่านรีวิวมากกว่า เชิญอ่านเลย!!
Review

หนังอินดี้ทุนต่ำจากออสเตเรีย ที่สร้างความสยองมาทั่วอเมริกา สื่อบางเจ้าที่ว่าให้คะแนนยากนักหนาอย่าง Rotten Tomatoes ยังให้เกิน90% ทั้งก่อนชม และหลังชม นั่นทำให้แอดมิน อยากจะลองพิสูจน์ด้วยตัวเองซักครั้งครับว่าจะแน่แค่ไหนเชียว…

แอดมินพยายาม “ไม่เล่าเนื้อหาหนังเลย” นะครับ เพราะพลาดหลุดเล่าไปเพียงช๊อตเดียว อาจจะเป็นการสปอยล์ยกแผงได้
ในThe Babadook’ เป็นหนังทุนต่ำอย่างที่กล่าว ส่งผลให้หนังแทบจะเล่นกันอยู่แค่ตัวละครสองตัวเท่านั้น คือ “แม่” กับ “ลูกชาย” (ตัวละครอื่นๆ ก็มีค่าแค่ “เสริมให้หนังมีน้ำหนักมากขึ้น” นอกนั้นก็ไม่รู้จะใส่มาทำไม!?)
หนังสือนิทาน ตัวต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด…
ตัวหนัง เต็มไปด้วยฉากมืดๆ เทาๆ ซึ่งจุดนี้เอง ที่ใช้สร้างความกดดันให้คนดูอย่างมาก และเหนื่อยมากในการรับชมบวกกับประเด็นจิตวิทยาที่ใส่ลงไป ทำให้หนัง มีความซับซ้อน และน่าค้นหามากๆ ถึงขั้นว่า แอดมินดูจบ ยังต้องออกมานั่งนอกโรงเพื่อตั้งสติกันเลย เพราะทุกอย่างที่หนังประเคนใส่คนดูในแง่ของเนื้อหานั้น “จัดเต็มมากๆ”

“ความจิต”ของคุณแม่ในเรื่อง ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยฝีมือการแสดงที่สุดยอด!!
และถ้าใครเป็นพวกชอบเดาแนวทางของหนัง คนอื่นว่าไงไม่รู้นะ ส่วนตัวแอดมินบอกเลยว่า “เดาไม่ได้เลย” คือหนังมันเล่นกับประสาทคนดู และการคาดเดา คนสร้างคงสนุกกับการให้คนดูนั่งลุ้นว่า “เดี๋ยวไอ้นั่นจะเป็นอย่างนั้น ไอ้นี่จะเป็นอย่างนี้” ซึ่งแอดมินเดาผิดหมดเลย (ฮ่าๆ)
งานด้านเสียง ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญ และหนังเรื่องนี้ เล่นกับ “เสียง” ได้ดีมากๆ เพราะไม่เวิ่นเว้อตุ้งแช่แบบหนังผีไทยบางเรื่อง (ที่เอะอะใส่เสียงยังกะโรงเจเชิดสิงโต) ทีมสร้างใส่เสียงมาถูกจังหวะ แต่กับฉากที่เน้นความจิตๆ กดดันประสาท ตัวหนังเลือกที่จะเงียบ และให้สถาณการณืดำเนินต่อไป…ซึ่งนั่น ทำให้หนังทวีความกดดันเข้าไปอีก…

การดูหนังเรื่องนี้ได้ได้อรรถรส ต้องดูSoundtrack เท่านั้นนะครับ เห็นพรรคพวกที่ไปดูพากย์ไทยมา บอกว่า “ทำหนังเสียฟิลลิ่ง” ไปไม่น้อยเลย…
แอดมินเลือกที่จะดู SoundTrack ครับ ซึ่งเรื่องนี้แอดมินได้เห็น “พลังของนักแสดง” แบบเต็มๆตา! คุณแม่ในเรื่อง แสดงออกมาเป็นธรรมชาติมาก และทำให้เห็นเลยว่า “คุณแม่ที่เลี้ยงลูก พร้อมกับปมในใจจากอดีต และ ยังต้องปกป้องลูกจากสิ่งลึกลับในเงามืด”นั้น เข้าขั้นรางวัลเลยทีเดียว รวมทั้งตัวลูกชายเอง ก็เล่นให้เห็นเลว่า “กลัวจริงๆ” แถมยังทะลึ่งถ่ายทอดความกลัวมาให้คนดูอีก!!
ซึ่งข้อเสียของหนัง คือ “บทสรุปของตัวหนังเอง” ที่ “ขึ้นอยู่กับการตีความของแต่ละคน”แล้วล่ะครับ แต่ส่วนตัวแอดมินคิดว่า หนังเรื่องนี้ เป็นหนังสยองขวัญที่สมบูรณ์แบบมากๆเรื่องนึงเท่าที่เคยดูมาเลยครับ!!

Movie Rank A 9/10
ข้อดี : บรรยากาศหนังทำออกมาดีมากๆ มันทำให้รู้สึก “มีอารมณ์ร่วม”กับตัวละครจริงๆ / นักแสดงเล่นได้ยอดเยี่ยม / เสียงประกอบใส่มาลงตัว / ถึงตัวผีจะไม่ออกมาเป็นตัวๆ หน้าตาน่าเกลียด น้ำหนองกระจาย แบบหนังเอเชีย แต่รู้สึก “น่ากลัวกว่า” ออกมาแบบตรงๆ
ข้อเสีย : หนังเล่าเรื่องเข้าใจยากพอสมควร ต้องอาศัยการตีความพอสมควร ใครที่ไม่ชอบอะไรยากๆ อาจจะเบื่อได้ / บรรยากาศกดดันในหนัง อาจจะทำให้สุขภาพจิตเสียได้
เหมาะกับคอหนังสยอง ที่ไม่ต้องการ “ความขยะแขยง” แต่ต้องการ “บรรยากาศ” มากกว่าครับ
แต่ถ้าเทียบกันแล้ว…Conjuring น่ากลัวกว่าครับ แล้วเรื่องนี้ก็รองลงมา…ใครมีความเห็นยังไง ลองแชร์กันได้นะครับ!!
แอดมิน Ak Fourtyseven
Trailer ซับไทย
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]






























