มาอัพเดทข่าวนวัตกรรมแปลก ๆ ใหม่ ๆ ล้ำ ๆ กันบ้างนะครับ ถ้าพูดถึงเรื่องของความเร็วแล้วล่ะก็ เพื่อน ๆ ทุกคนคงจะนึกถึงยนตกรรมระดับโลกอย่าง รถสปอร์ต หรือ รถซุปเปอร์ คาร์ กันใช่ไหมล่ะครับ วันนี้แอดมินมียนตกรรมที่แปลกใหม่ และไม่คิดว่าจะมีคนนำมาคิดค้นพัฒนาจนขนาดนี้ พูดมากันขนาดนี้แล้ว เพื่อน ๆ คงอยากจะรู้แล้วใช่ไหมล่ะครับ ว่ายนตกรรมที่กล่าวมานี้ คืออะไร เจ้ายนตกรรมที่ว่านี้ ก็คือ รถจักรยาน นั้นเองครับ 

เพื่อน ๆ คงงงสินะครับว่า เจ้าจักรยานคันนี้ มันมีดีอะไร ? เรามาเข้าเรื่องกันเลยละกัน โดยที่ครั้งนี้ก็ถึงว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งในการคิดค้นลงมือ ระดมสมองบวกกับความพยายามในการที่จะทำลายสถิติโลกในด้านความเร็ว ซึ่งในฝั่งของรถจักรยานที่ใครหลาย ๆ คนคงไม่นึกถึงกันซักเท่าไหร่ เพราะถ้าพูดกันถึงเรื่องของความเร็วแล้ว ทุกคนก็จะมุ่งความสนใจว่าจะต้องเป็นรถยนต์ที่ทรงประสิทธิภาพและความเร็วแน่นอน

แต่อย่างไรก็ตามนี้คงไม่ใช่ข้อที่จะทำให้เจ้าของจักรยานคันนี้อย่าง Francois Gissy และก็แน่นอนอยู่แล้วว่าจักรยานคันนี้ ได้รับการคิดค้นและพัฒนาจากจักรยานธรรมดา ๆ มาเป็นจักรยานที่เร็วขนาดนี้ได้ด้วยความร่วมมือจากทีมงาน Exotic Thermo Engineering ซึ่งพวกเขาได้นำจรวดไอพ่นมาติดไว้ที่ตัวจักรยาน เพื่อใช้แทนแรงออกตัวของจักรยานด้วย จึงทำให้จักรยานคันนี้สามารถเร่งเครื่องทำความเร็วจาก 0 ขึ้นมาได้สูงถึง 207 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 333 กิโลเมตงต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 4.8 วินาทีเท่านั้นและสามารถทำลายสถิติจักรยานความเร็วที่สูงที่สุดในโลกลงได้สำเร็จอีกด้วย

นอกจากนี้ในการทดสอบการวิ่งและความเร็ว ก็ยังได้นำเอาจักรยานคันนี้มาเปรียบเทียบความเร็วกับรถสปอร์ตสายพันธุ์อิตาเลี่ยนอย่าง Ferrari F430 ที่ทำความเร็วจาก 0 ถึง 62 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 4 วินาที ซึ่งถ้าเทียบสถิติกันแล้วคงจะนึกภาพออกใช่ไหมครับ สรุปผลลัพธ์ก็เดากันได้ด้วยตัวเลข คือ จักรยานแซงรถสปอร์ตแบบไม่เห็นฝุ่นกันเลยทีเดียวเชียว แต่ก็ต้องยอมรับในตัวของ Francois Gissy ด้วยที่ใจกล้าบ้าบิ่นมากครับ ที่ขอเป็นคนขับเจ้าจักรยานคันนี้ด้วยตัวเองเลย

สำหรับการคิดค้นที่จะสร้างสถิตินี้ของ Francois Gissy และทีมงาน ก็ได้คาดหวังไว้ว่าน่าจะช่วยเรียกสปอนเซอร์ให้สนใจมาลงทุนในการพัฒนาจักรยานคันนี้ให้สามารถผลิตออกมาใช้งานได้จริง โดยจะใช้ชื่อผลิตภัณฑ์ว่า “Spine Crusher” และพวกเขายังได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะสร้างจักรยานที่ทำความเร็วจาก 0 ถึง 249 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้เพียง 2 วินาทีเท่านั้น

Credit : techxcite , gizmodo

By Admin Park