ขบวนการนินจา คาคุเรนเจอร์ [เรื่องย่อ / ตัวละคร]
19 กุมภาพันธ์ 2563 11:14 น.
Share on FacebookTweet about this on TwitterShare on Google+

kaku3

“ขบวนการนินจา คาคุเรนเจอร์ ”
(忍者戦隊カクレンジャー นินจาเซนไท คาคุเรนเจอร์)
ประเภท : Action Tokusatsu ฮีโร่
จำนวนตอนฉายอยู่ที่ : 53 ตอน
สถานะ : ออกอากาศจบไปนานเป็นชาติแล้ว!!
ออกอากาศครั้งแรกที่ญี่ปุ่นเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1994 – 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1995
ระยะเวลาในการฉาย : 30 นาที ต่อสัปดาห์
ผู้ผลิต : Toei

 

 

kaku (18)

นินจา หมายถึง กลุ่มสายลับที่ใช้ศาสตร์ของการต่อสู้เกี่ยวกับการขโมยและการล่องหน ซึ่งปรากฎในช่วงสมัยเปลี่ยนการปกครองของประเทศญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน โดยมักจะทำภารกิจลักลอบ เร้นกาย เพื่อปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมาย

ตัวตน ที่มาที่ไปของเหล่านินจายังเป็นที่คลุมเครือ เพราะพวกเขาไม่เคยทิ้งร่องรอยอะไรไว้ในหน้าประวัติศาสตร์เลย ส่วนใหญ่มีแต่ตำนาน เรื่องเล่าสารพัดที่ผ่านการปรุงแต่งจนกลายเป็นที่สนุกสนานตื่นเต้น และกลายเป็น Theme ของสื่อบันเทิงจากญี่ปุ่นที่แข็งแกร่ง และมีเอกลักษณ์ในระดับโลกเสียอย่างนั้น…

 

kaku (14)
“ขบวนการนินจา คาคุเรนเจอร์” (忍者戦隊カクレンジャー ) เป็นขบวนการนักสู้ ลำดับที่18 ออกอากาศเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2537- 24 กุมภาพันธ์ 2538 เป็นขบวนการ ที่ มีรูปแบบเป็น นินจา ขบวนการแรก คาคุเรนเจอร์ มีทั้งหมด 53 ตอน มีตอนพิเศษ 3ตอน ได้แก่ Ninja Sentai Kakuranger The Movie / Super Sentai World และ โอเรนเจอร์ VS คาคุเรนเจอร์

 

ในประเทศไทย คาคุเรนเจอร์เคยออกอากาศทางช่อง 3 ในชื่อ “ขบวนการนินจา คาคุเรนเจอร์” ออกฉายปี พ.ศ. 2543 โดยออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา06.00 น. ส่วนลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายรูปแบบวิดีโอเป็นของบริษัท ไรท์พิคเจอร์ จำกัด

 

 

—–

 

เรื่องย่อ

องค์ที่หนึ่ง : รวมพลนินจา!

 

kaku (11)

หลายพันปีก่อนหน้าประวัติศาสตร์จะถูกเขียนขึ้น เหล่า “สามจอมปราชญ์” (หรือ “สามจอมทัพเทพ”) ผู้พิทักษ์ที่ต่อสู้กับจอมปีศาจ“ไดมาโอ” ผู้หมายจะเปลี่ยนโลกเป็นแดนแห่ง “ปีศาจโยไค” (ภูติผีในตำนานเรื่องเล่าของญี่ปุ่น) แต่ฝันของจอมมารก็มีอันสลายไป เพราะจอมมารพ่ายแพ้แก่สามจอมปราชญ์ จนถูกผนึกเอาไว้หลังประตูแห่งความมืด

 

kaku (19)

จนกระทั่ง 400 ปีก่อนถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคที่เหล่าไดเมียวของญี่ปุ่นต่างพากันประหัตประหารเพื่อความเป็นใหญ่ในช่วงสงครามเซนโกคุ มีอยู่เรื่องราวหนึ่ง ที่ไม่เคยถูกเล่าขานในหน้าประวัติศาสตร์ฉบับไหนๆ มันเป็นเรื่องราวการต่อสู้ของเหล่านินจา 5 คน ได้แก่ “ซารุโทบิ ซาสึเกะ” / “คิริงาคุเระ ไซโซ” / “นักพรต เซไก มิโยชิ” / “จิไรยะ” และ “ซึรุฮิเมะ” คอยทำหน้าที่ปกป้องซามูไรหนุ่มผู้ห้าวหญแห่งญี่ปุ่นที่ชื่อ “ยูคิมูระ ซานาดะ” ในนาม “10 ผู้กล้าซานาดะ” (โดย อีก 5 คนไม่พูดถึงในเรื่อง แถมในประวัติศาสตร์จริงๆ จิไรยะ กับ ซึรุฮิเมะ ไม่ได้อยู่ในกลุ่มดังกล่าว)

 

วันหนึ่ง พวกเขาได้ทำภารกิจตามล่านินจาลึกลับคนหนึ่งในสมรภูมิการสู้รบ แต่ทว่าตัวจริงของนินจาลึกลับก็คือร่างจำแลงของ “นินจาปีศาจ นูราฮิเฮียง” หนึ่งในขุนพลของไดมาโอที่พยายามหาทางคืนชีพให้นายของตน (เพราเหล่าปีศาจที่อยู่หลังประตูแห่งความมืดจะไร้อิทธิฤทธิ์) แต่ในที่สุด ด้วยความเสียสละของ ซารุโทบิ ซาสึเกะ และพรรคพวก ก็จับเอานูราฮิเฮียงขังเอาไว้ในมิติมืดพร้อมกับพวกตน และปิดผนึกเอาไว้โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ถึงเรื่องราวนี้เลยจนกระทั่งยุคปัจจุบัน…

 

 

kaku (22)

ปัจจุบัน “ซาสึเกะ” และ “ไซโซ” ลูกหลานตระกูลนินจาในตำนาน สองเพื่อนซี้ที่จัดว่าเป็นพวกไม่เอาอ่าว ใช้ชีวิตไร้สาระไปวันๆ ก็ถูกกลลวงของปีศาจกัปปะ ให้ไปเปิดผนึกจนเหล่าปีศาจโยไคที่ถูกขัง ได้ออกมาจากประตูแห่งความมืดได้สำเร็จ และพวกมันออกอาละวาดกันอย่างสนุกสนาน

 

kaku (25)

เมื่อเกิดเรื่องราวบานปลาย “โมโมจิ ซันไดยู” นินจาลึกลับ ก็ได้ใช้คาถานินจาพาสองหนุ่มดวงซวยไปพบกับ“ซึรุฮิเมะ”เจ้าหญิงนินจารุ่นที่ 34 และวิญญาณบรรพบุรุษของพวกเขา ซึ่งบรรพบุรุษที่ล่วงลับก็ยังงงกับความไม่เอาไหนของลูกหลานตัวเองทั้งสอง แต่ก็ต้องจำใจมอบอุปกรณ์ “โดรอนเชนเจอร์” เพื่อปราบเหล่าปีศาจที่หลุดออกมา

kaku (27)

แต่สมาชิกของคาคุเรนเจอร์ ยังขาดอีกสองคน ได้แก่ “เซไก” ลูกหลานของ “นักพรตมิโยชิ เซไก” ที่เป็นเด็กติดเกม และ “จิไรยะ” เด็กหนุ่มลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่น ที่เป็นลูกหลานของ “จิไรยะ” นินจาในตำนานอีกคน จนสามารถรวมตัวกันเป็นคาคุเรนเจอร์ได้

 

kaku (28)kaku (26)

ด้วยความเสียสละเพื่อพวกพ้องของจิไรยะในการไปชิงม้วนคัมภีร์ “มากิโมโนะ” จนทำให้เพื่อนๆในทีมสามารถปลดล๊อกการใช้คาถาเชิญแม่ทัพอสูร “เคียวไดจูโช” ได้ ซึ่งเคียวไดจูโช ก็คือร่างแยกทั้ง 5 ส่วนของหุ่นยักษ์ “มุเทคิโชกุน” หุ่นรบเทพเจ้าจอมทัพไร้พ่าย ที่ถือกำเนิดจากหนึ่งในวิญญาณของสามจอมปราชญ์ที่เคยต่อสู้กับไดมาโอในอดีต มาเป็นกำลังหลัก

 

kaku (29)kaku (30)

ต่อมา การต่อสู้หนักข้อขึ้น เมื่อ “จูเนียร์” หรือร่างจริงคือ “ปีศาจโครงกระดูก กาฉะโดคุโร่” ลูกชายของจอมปีศาจไดมาโอ ได้ออกมาในฐานะผู้บัญชาการเหล่าปีศาจพร้อมกับ “ศาสตราจารย์ยูงามิ” และเหล่า“ขบวนการนินจาสาว ฮานะเรนเจอร์“ที่นัยเป็นคู่ต่อสู้สุดตึงมือของเหล่าคาคุเรนเจอร์ (และนับเป็น “ขบวนการคู่ปรับ” เป็นขบวนการแรกอย่างเป็นทางการ)

 

kaku (31)kaku (32)

ในขณะที่การต่อสู้กับ “อุมิโบสึ” ปีศาจโยไคที่ถูกกาฉะโดคุโร่เรียกตัวมาต่อสู้กับคาคุเรนเจอร์ พร้อมกับสาปทุกคนในเมืองให้กลายเป็นหิน แถมความเก่งกาจของอุมิโบสึ ทำให้เหล่านินจาทั้ง 5 ตกอยู่ในภาวะคับขัน มุเทคิโชกุนอยู่ในสภาพที่ “สู้ไม่ได้” แต่ทว่า โมมิจิ ซันไดยู ได้ใช้คาถาเชิญ “จอมทัพกลยุทธ์ สึบาสะมารุ” นกอินทรีย์ขาวร่างยักษ์ที่ถือกำเนิดจากหนึ่งในวิญญาณของสามจอมปราชญ์เช่นกัน ออกมาต่อสู้ร่วมกัน จนกลายร่างเป็น “ซุปเปอร์มุเทคิโชกุน” เอาชนะปีศาจอุมิโบสึได้

kaku (33)

แต่ด้วยความแข็งแกร่งของกาฉะโดคุโร่ ที่เป็นถึงลูกชายของจอมปีศาจไดมาโอ ก็ทำให้เหล่าคาคุเรนเจอร์ต้องพ่ายแพ้ แถมยังยกเอาเมืองที่อยู่รอบๆปราสาทหัวกะโหลก ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า แผนการอัญเชิญจอมปีศาจไดมาโอได้เริ่มขึ้นแล้ว

 

kaku (13)

ซันไดยูได้พาเหล่าคาคุเรนเจอร์มาเพื่อเล่าเรื่องราวของ “ซันชินโช” หรือ “สามจอมทัพเทพ” ซึ่งตอนนี้มีกันแล้ว 2 ตน ได้แก่ “มุเทคิโชกุน” และ “สึบาสะมารุ” และซันดายูได้มอบหมายให้เหล่าคาคุเรนเจอร์แยกกันออกตามหา “ม้วนคัมภีร์ชิโนบิ” เพื่อปลุก “โชนินจู” สัตว์อสูรอัญเชิญทั้ง 5 ที่เป็นร่างแยกของ “คาคุเระไดโชกุน” หุ่นรบขนาดยักษ์ที่ถือกำเนิดจากหนึ่งในวิญญาณของสามจอมปราชญ์ตนสุดท้าย…

 

 

องค์ที่สอง : เหล่านินจารุ่นใหม่

 

kaku (34)

เหล่าคาคุเรนเจอร์แยกกันออกตามหาม้วนคัมภีร์ชิโนบิ ต่างคนก็พบกับบททดสอบในใจอันแสนหนักหน่วง ทั้งการต่อสู้กับ “กาลิ” อาจารย์ที่เป็นคนฆ่าพ่อของ “จิไรยะ” , การค้นหาตัวเองของ “ซาสึเกะ” , การต่อสู้ของ “ไซโซ” / “เซไก” กับ “ขุนพลปีศาจโยไค นูเอะ”

 

kaku (35)

เมื่อทุกคนกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง แต่ก็เหมือนจะสายไปแล้ว เพราะ“จอมปีศาจไดมาโอ” กำลังจะออกมาจากมิติมืดตามพิธีอัญเชิญของจูเนียร์ที่ทำไว้ก่อนหน้า บวกกับการมาของ “ฮาคุเมงโร่” ขุนพลชุดเกราะขาว ที่เป็นพ่อแท้ๆของ”ซึรุฮิเมะ”ที่เธอเชื่อว่าตายไปแล้วเมื่อ 10 ปีก่อน ได้เข้าต่อสู้กับคาคุเรนเจอร์

 

kaku (36)

ต่อมา จูเนียร์ ที่กำลังยินดีกับการมาของจอมปีศาจไดมาโอ ก็ได้ออกมาสู้กับซันไดยู และสุดท้ายก็เป็นคนลงมือทำร้ายซันไดยูต่อหน้าเหล่าคาคุเรนเจอร์ ทำให้ความโกรธแปรเปลี่ยนเป็นพลัง และในตอนนั้น พวกเขาสามารถอัญเชิญ “ซุปเปอร์คาคุเระไดโชกุน”ได้สำเร็จ แต่สุดท้ายถึงแม้จะกำจัดจูเนียร์ลงได้ ซันไดยูก็เสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว สร้างความเจ็บแค้นให้พวกคาคุเรนเจอร์หนักยิ่งขึ้น

 

 

kaku (15)
วันหนึ่ง พวกคาคุเรนเจอร์ได้รับจดหมาย จากฮาคุเมงโร่ บอกถึงการมาของ “นินจาแมน” ลูกศิษย์จอมห้าวของสามจอมปราชญ์ ที่เคยพลั้งมือไปทำร้ายมนุษย์ จึงถูกเหล่าจอมปราชญ์ขังเอาไว้ในคนโท แล้วปล่อยลอยไปในอวกาศ โดยในตอนนี้ จอมปีศาจไดมาโอ อยากได้ตัวนินจาแมนเอาไว้ใช้งานมาก จึงได้สั่งให้ฮาคุเมงโร่ส่งสมุนไปตามหา เพราะคนโททีว่าอยู่ในมือของเด็กๆ แต่สุดท้าย คนโทที่ขังนินจาแมนเอาไว้ ก็ถูกทุบจนแตกด้วยฝีมือของซึรุฮิเมะ และนินจาแมนก็ถูกปล่อยตัวออกมา จนกลายเป็นอีกหนึ่งกำลังรบที่สำคัญของคาคุเรนเจอร์ไปในที่สุด….

 

kaku (38)
ที่จริง ฮาคุเมงโร่ ได้ออกเดินทางจากบ้านเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เพื่อตามหาวิธีกำจัดเหล่าปีศาจโยไค จึงตัดสินใจยอมเข้าเป็นพวกปีศาจโยไคเพือเก็บข้อมูลในการต่อสู้กับพวกมัน แต่ก็ถูกจับได้ว่าเป็นการเล่นละครตบตาหวังจะทำลายพวกปีศาจโยไค จอมปีศาจไดมาโอจึงได้สาปเขาให้กลายเป็นนักสู้ของปีศาจโยไคอย่างเต็มตัว และเริ่มแผนการขั้นสุดท้ายในการเปลี่ยนโลกมนุษย์ให้กลายเป็นโลปของปีศาจโยไค ด้วยเงื่อนไข “ยิ่งมนุษย์มีความกลัว และสิ้นหวังมากเท่าไหร่ พวกมันก็จะแข็งแกร่งขึ้น”

ในตอนนั้นเอง “ทาโร่” และ “จิโร่” นินจาฝาแฝดผู้รับใช้ฮาคุเมงโร่ และเพื่อนรักของซึรุฮิเมะในสมัยเด็ก ต้องสละชีพตนเพื่อคลายมนต์สะกดของจอมปีศาจไดมาโอ

 

kaku (42)
แต่จอมปีศาจไดมาโอ ที่อยู่บนปราสาทหัวกะโหลก “ไคกตสึโจ” ก็ได้ลงมาสู้กับเหล่านินจาทั้งห้า แต่ทว่าในการต่อสู้นั้นเหล่าบรรดา“สามจอมปราชญ์” ได้ออกมาห้ามพวกคาคุเรนเจอร์ต่อสู้กับไดมาโอ เพราะสุดท้ายแล้ว “ไดมาโอ จะไม่มีวันถูกกำจัด” ต่อให้ทุ่มพลังทั้งหมดในการต่อสู้กับมันก็ตาม

 

kaku (43)

สามจอมปราชญ์ได้ให้เหตุผลว่า เพราะไดมาโอเกิดจากจิตด้านลบของมนุษย์ ทั้งความโกรธ ละโมบ ความเกลียดชังสารพัด ซึ่งเป็นของที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน จึงได้แนะนำให้พวกคาคุเรนเจอร์ได้ทำการลากจอมปีศาจไดมาโอ ผนึกไว้ที่เดิมเท่านั้น…และรอวันให้คนรุ่นหลังไปตามปิดผนึกต่อไป เป็นวังวนที่ไม่จบสิ้น…(คล้ายๆกับฉากจบของ ไดเรนเจอร์ครับ)

 

 

 

ตัวละคร

 

kaku (5)
นินจาเรด / ซาสึเกะ
ลูกหลานของนินจาในตำนานผู้กล้าซานาดะ “ซารุโทบิ ซาสึเกะ” หนุ่มเลือดร้อนไม่ค่อยใช้สมองซักเท่าไหร่ ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งมาเป็นคาคุเรนเจอร์ เขาก็เริ่มเปลี่ยนไป เป็นคนที่ใจเย็นและมองแผนการอย่างละเอียดอ่อนมากขึ้น เป็นศูนย์รวมจิตใจของเพื่อนๆได้ดีเสมอมา จุดเด่นของซาสึเกะก็คือ “ความเร็วดุจลิง” (ซารุ = ลิง) ทำให้ท่าไม้ตายของซาสึเกะ มีมากมาย ทั้งวิชานินจาแยกร่าง,วิชาเรียกเมฆ , วิชาจำแลงกาย , วิชานินจาควบคุมไฟ เป็นต้น

 

 

kaku (7)
นินจาบลู / ไซโซ

ลูกหลานนินจาของ “คิริงาคุเระ ไซโซ” หนุ่มเลือดร้อนเพื่อนซี้ของซาสึเกะที่ออกตะลอนทั่วญี่ปุ่นด้วยกัน แถมทั้งสองคนเวลาถึงบทบู๊ ก็สามารถทำได้เข้าขากันเป็นอย่างดี ในขณะที่ซาสึเกะเปลี่ยนจากคนใจร้อนเป้นคนที่รอบคอบมากขึ้น แต่กับไซโซนั้นกลับไม่ต่างจากตอนก่อนเป็นคาคุเรนเจอร์ซักเท่าไหร่ เป็นนินจาที่มีความรวดเร็วคล้ายกับซาสึเกะ แต่จะมีความถนัดคาถานินจาธาตุน้ำมากกว่า เช่นคาถาพายุวารี , กระโดดสูงสองชั้น , วิชาตัวเบาวิ่งบนผิวน้ำ

 

kaku (9)

นินจาแบล๊ค / จิไรยะ
ลูกหลานนินจาของ “จิไรยะ” นินจาในตำนาน แต่ทว่าครอบครัวของเขาได้ไปตั้งรกรากที่อเมริกา จึงมีปัญหาด้านการสื่อสารกับเพื่อนๆ เพราะเล่นพูดอังกฤษตลอดในช่วงแรกๆ แล้วค่อยๆมาพูดญี่ปุ่นเรื่อยๆ เป็นคนที่ชอบทำงานด้วยตัวคนเดียว มีความสามารถด้านการต่อสู้สูงที่สุด เพราะได้รับการฝึกมาตั้งแต่เด็ก

จิไรยะนั้นมีสไตล์การต่อสู้แบบ American Ninja ที่เอาวิชานินจา และการดวลปืนมารวมกัน วิชานินจาของจิไรยะจะเน้นไปที่การต่อสู้กลางอากาศ เน้นพลังกระโดด การดำดินเป็นหลัก รวมไปถึงคาถาเสกก้อนหินมาถล่มได้ด้วย

 

kaku (8)

นินจาเยลโล่ว์ / เซไก

ลูกหลานนินจาของนักพรต “มิโยชิ เซไก” หนุ่มน้อยเด็กติดเกม ที่มีความสามารถด้านพลังกาย และความอดทน แถมออกแนวเจ้าชู้นิดๆ เพราะชอบออกอาการกับสาวๆน่ารัก คาถานินจาส่วนใหญ่จะเป็นแนวๆเสริมพลังมากกว่า เช่น คาถาขยายร่าง เป็นต้น

 

kaku (6)
นินจาไวท์/ ซึรุฮิเมะ

ลูกหลานของตระกูล “เจ้าหญิงซึรุฮิเมะ” โดยตัวเธอเป็นเจ้าหญิงรุ่นที่ 34 ปัจจุบันเป็นลูกสาวของตระกูลเศรษฐี (ฮาคุเมงโร่) แต่พ่อของเธอก็เสียชีวิตไปเสียก่อน เธอจึงอาศัยอยู่กับ “โมมิจิ ซันไดยู” พ่อบ้านประจำตระกูลผู้มีวิชานินจาแก่กล้า โดยวิชาหลักๆของซึรุฮิเมะจะเป็นวิชาเกี่ยวกับดอกไม้ เช่น วิชานินจาวายุบุปผา

 

 

kaku (10)
นินจาแมน
ลูกศิษย์ของสามจอมปราชญ์ที่ถูกไดมาโอ ล่อลวงให้ไปทำร้ายมนุษย์ จนถูกลงโทษด้วยการจับขังไว้ในคนโท แล้วปล่อยไปในอวกาศ จนหนึ่งพันปีต่อมา ก็ได้เจอกับเด็กๆชาวโลก และได้ซึรุฮิเมะช่วยปลดผนึก ด้วยการทุบคนโทจนแตก และกลายเป้นกำลังรบหลักให้กับคคาคุเรนเจอร์นับแต่นั้นมา

นินจาแมนเป้นคนที่รักเด็ก จิตใจดี แต่ถ้าถูกพูดยั่วโมโห ก็จะกลายร่างเป็น “ซามูไรแมน” ที่มีความสามารถด้านการต่อสู้สูงกว่าร่างนินจา แต่นั่นก็เป้นร่างที่เกิดจากการบันดาลโทสะ จึงควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยอยู่ และใช้ร่างนี้ได้ไม่นาน

 

kaku (24)

โมโมจิ ซันไดยู
พ่อบ้านของซึรุฮิเมะมีหน้าที่คอยดูแลและช่วยเหลือซึรุฮิเมะและพวกซาซึเกะมาโดยตลอดและเป็นลูกน้องคนสนิทของฮาคุเมนโร พ่อของซึรุฮิเมะเป็นคนคอยส่งข่าวให้กับฮาคุเมงโร่มาโดยตลอด แต่ซันไดยูก็เสียชีวิตลงจากการโจมตีของจูเนียร์โดยใช้ดาบแทง

 

 

kaku (45)
สามจอมปราชญ์ (หรือ สามแม่ทัพเทพ)
เป็นหุ่นยนต์ที่เกิดจากจิตวิญญาณของนักปราชญ์ ที่เคยต่อสุ้กับจอมปีศาจไดมาโอเมื่อ 2000 ปีที่แล้ว เหล่าสามจอมปราชญ์ประกอบไปด้วย

 

kaku (44)

มุเทคิโชกุน
จอมปราชญ์ผู้มีพลังความแข็งแกร่งเกินใคร ในช่วงแรกของเรื่องมาจากการรวมร่างของเคียวไดจูโชทั้ง 5 ต่อมาสามารถเรียกได้เองจากตัวปราสาทเมฆาและสามารถสื่อสารกับสมาชิกของคาคุเรนเจอร์ มีอาวุธสุดแกร่งอย่าง “คาเอนโชกุนเคน” หรือ ดาบโชกุนเปลวเพลิง ที่เป็นไฟจริงๆสับลงไปที่ร่างของเหล่าปีศาจโยไค

kaku (16)

นอกจากนี้ มุเทคิโชกุน ยังสามารถแยกร่างเป็น “เคียวไดจูโช” ที่ออกมา 5 ตัว ด้วยคาถาอัญเชิญ “คาคุเรริว เคียวไดจูโช โนะ จุสึ” มีความสามารถต่อสู้รูปแบบทีม เคียวไดจูโชประกอบไปด้วย เรดซารูเดอร์ / ไวท์คาคุ / บลูโรกัน / เยลโลว์คุมาโดะ และ แบล๊คกัมมะ และสามารถถอดเกราะเป็นร่างไฟเตอร์ได้ (ในภาพ)

 

ซูเปอร์ มุเทคิโชกุน
มุเทคิโชกุนที่รวมร่างกับ “ซึบาสะมารุ” โดยซึบาสะมารุติดที่ด้านหลังโดยปีกทั้ง 2 ข้างทำหน้าที่เป็นปืนติดกับส่วนลำตัว มีท่าไม้ตายคือ “มุเทคิแคนนอน อิคเซฉะเงคิ” เป็นการยิงปืนจากปากกระบอกทั้งหมดของสึบาสะมารุ

 

เซย์นินจู ซึบาสะมารุ
จอมปราชญ์ตนที่สอง หุ่นรบทรางนกยักษ์ (สยายปีกได้ราวๆสนามอเมริกันฟุตบอล 2 สนามติด) ปรากฏตัวเพื่อช่วยเหลือคาคุเรนเจอร์ที่ต่อกรกับปีศาจโยไคในยามคับขัน สามารถรวมร่างกับจอมปราชญ์ทั้ง 2 ได้

 


คาคุเระไดโชกุน
จอมปราชญ์ตนสุดท้าย เกิดจากการรวมร่างระหว่างโชวนินจูทั้ง 5 สามารถเรียกได้ด้วยตัวเองเช่นเดียวกับมุเทคิโชกุน มีพลังในการต่อสู้ผสานพลังของ “โชวนินจู” หรือ สัตว์เทพอัญเชิญทั้ง 5 ที่เหล่าคาคุเรนเจอร์อัญเชิญด้วยคาถา “คาคุเรริว โชวนินจู โนะ จุสึ” อีกทั้งยังสามารถรวมร่างกับสึบาสะมารุ กลายเป็น “ซุปเปอร์คาคุเระไดโชกุนได้

ประกอบไปด้วย ก๊อดซารูเดอร์ / ก๊อดคาคุ / ก๊อดโรกัน / ก๊อดคุมาโดะ และ ก๊อดกัมมะ

 

 

 

โยไค

อสูรปีศาจโยไคเป็นอสูรปีศาจที่ถูกผนึก 400 ปีมาก่อนแต่ได้ถูกปลดผนึกโดยซาสึเกะและไซโซเนื่องจากถูกหลงกลของทหารโดโรโดโรและกัปปะก็ได้ปลดผนึกไปแล้วอสูรปีศาจโยไคก็ถูกพวกคาคุเรนเจอร์พาไปที่ประตูผนึกปีศาจกันและจับโยไคไปเข้าไปในประตูผนึกปีศาจในศึกครั้งสุดท้ายจนได้

 

kaku (40)

ไดมาโอ
ผู้นำสูงสุดของโยไคที่ถูกผนึกอย่างยาวนาน ถูกปลดผนึกจากการช่วยเหลือของจูเนียร์ มีพลังมากกว่าโยไคหลายตน วางแผนจะยึดครองโลกและกำจัดมนุษย์ให้หมดไป ในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย โยไคไดมาโอถูกพวกคาคุเรนเจอร์โจมตีและพาไปขังที่ประตูผนึกผีปีศาจและถูกปิดผนึกไปในที่สุด

 

kaku (41)

กาฉะโดคุโระ / จูเนียร์
ลูกชายของไดมาโอเป็นเจ้าชายของโยม่ามีนิสัยบ้าคลั่ง, ขี้โกงและเจ้าเล่ห์ เมื่ออยู่ในร่างมนุษย์จะแต่งตัวเป็นนักดนตรีถือกีตาร์ชื่นชอบการเล่นดนตรี เป็นผู้สังหารซันไดยู แต่ก็เสียชีวิตจากการโจมตีของ ซุปเปอร์คาคุเรไดโชกุน

 

kaku (37)

ฮาคุเมงโร (โยชิเทรุ)
พ่อของซึรุฮิเมะได้แปรพรรคไปเป็นพวกโยไคเพราะจะต้องสืบเกี่ยวกับจอมมารปีศาจที่ชั่วร้ายแต่ว่าจอมมารได้ล่วงรู้ทำให้กลายเป็นหินไปต่อมาได้ถูกพลังของจอมปีศาจไดมาโอควบคุม ทำให้ถูกอยู่ในสภาพควบคุมที่ไร้ความรู้สึก สุดท้ายได้กลับมาเป็นพ่อของซึรุฮิเมะอีกครั้งด้วยการเสียสละของ ทาโร่ และ จิโร่

 

 

kaku (12) kaku (3)

 

kaku (46) kaku (47) kaku (48)

 

 

“ขบวนการนินจา คาคุเรนเจอร์” คือภาพลักษณ์ที่ตอกย้ำถึงความเป็นญี่ปุ่นอย่างชัดเจน โดยเป็นขบวนการแรกที่หยิบเอา Theme นี้มาใช้งาน และประสปความสำเร็จประมาณนึงในญี่ปุ่น (หลังจากเมทัลฮีโร่เรื่อง “นินจาจิไรยะ” แทบแป้ก) แต่กับในไทยนั้น จัดเป็นซีรี่ยส์ในตำนานอีกเรื่องจากยุค 90 ที่ดูสนุก และอยู่ในความทรงจำอีกเรื่อง ทั้งหุ่นยนต์ยักษ์ที่โคตรเท่ ยิ่งใหญ่อลังการ ความทุ่มเทของนักแสดงที่ลงทุนเล่นเอง เจ็บเองหลายๆคิว รวมไปถึงเพลงประกอบที่มีเอกลักษณ์ นั่นเอง…

 

แอดมิน Ak47

 

 

เพลงเปิดสุดคุ้นเคย

“อะไรวะ นั่นนินจา นินจะ นินจ๊าาา!!”