Geek’ s Diary EP 11
20 สิงหาคม 2560 18:24 น.
Share on FacebookTweet about this on TwitterShare on Google+

สวัสดีค่ะ วันนี้ก็มาพบกับ ชิมจัง ในรายการ “กีคส์ ไดอารี่” กันอีกแล้วนะคะ และวันนี้ชิมจังก็จะขอเล่าเรื่องราวน่ารู้ของเกม “ผีชีวะ” ต่อจากคลิปที่แล้วกันนะคะ ซึ่งเรื่องราวของเกมนี้มีความละเอียดและซับซ้อน  ทั้งยังมีเนื้อหาการดำเนินเรื่องที่ชวนให้ติดตาม  จึงไม่แปลกใจเลยว่า… ทำไมเกมนี้ถึงได้มีภาคต่อออกมาอย่างมากมาย  จนถึงปัจจุบันเลย…   

 

 

 

เพื่อไม่ให้เสียเวลา  ไปติดตามต่อใน “Resident Evil Timeline  รวมลำดับเหตุการณ์ในผีชีวะ”  กันต่อได้เลยค่ะ…

 

 

Resident Evil ภาค2 เหตุการณ์ช่วงค่ำของวันที่ 27 กันยายน ในปี 1998  ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับในเกมResident Evil ภาค 3

 

 

-“เลออน สก๊อต เคเนดี้” (Leon S. Kenedy) ตำรวจหนุ่มหน้าใหม่ ที่กำลังจะมาทำงานวันแรกที่ประจำเมืองแรคคูน ชายผู้ใฝ่ฝันว่าจะสร้างครอบครัวที่ดี มั่นคงจากการเป็นตำรวจ ก็ได้พบกับเหตุการณ์ไวรัสแพร่ระบาด  ผู้คนในเมืองแรคคูนซิตี้ต่างกลายเป็นซอมบี้  เนื่องมาจากเหตุการณ์ระเบิดของคฤหาสน์สเปนเซอร์เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนหน้า และในตอนนั้น เขาก็พบกับ “แคลร์ เรดฟิลด์” (Claire Redfield) สาวน้อยนักศึกษามหาวิทยาลัย เธอกำลังออกตามหาพี่ชาย “คริส เรดฟิลด์” ที่ขาดการติดต่อไป ทั้งคู่ต้องฝ่าฝูงกองทัพไวรัสผีดิบ ,เหล่า โบว (B.O.W.)  เพื่อหาทางออกไปจากเมืองที่ถูกปิดตายแห่งนี้

 

 

-เอด้า หว่อง ได้รับภารกิจมาชิงเอาตัวอย่างไวรัสจากทางผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ที่คาดว่าน่าจะเป็น เวสเกอร์ โดยการสวมบทเป็นผู้ที่ตามหาแฟนหนุ่มนักวิจัยรายหนึ่งที่ชื่อ จอห์น เพื่อตบตา และหลอกใช้เลออนให้ไปยังห้องทดลองของอัมเบรลล่า

 

 -ดร.เบอร์กิ้น สร้าง G Virus สำเร็จ

 

 

- ฮังค์ (Hunk)เจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัยของอัมเบรล่า หรือ U.S.S. ต้องการจะนำตัวอย่างไวรัสกลับไปยังศูนย์วิจัยของอัมเบรลล่าตามใบสั่ง  แต่เกิดการต่อสู้ขัดขืนจนทำให้ด๊อกเตอร์.เบอร์กิ้นถูกยิง และตัดสินใจฉีดเอา G-Virus เข้าตัวเอง จนกลายร่างเป็น จี-เบอร์กิ้น (G-Berkin)  ซึ่งในเหตุการณ์นี้จะตรงกับในเกม Resident Evilภาคโอเปอเรชั่น แรคคูน ซิตี้ (Operation Raccoon City) ด้วย

 

-ส่วนแคลร์ที่แยกทางกับเลออน ก็ได้พบกับ “เชอร์รี่ เบอร์กิ้น” ลูกสาวของ ดร.เบอร์กิ้น ที่มีตัวอย่างเชื้อ G-Virus อยู่ในตัว

 

-แคลร์และเลออน สู้กับ จี-เบอร์กิ้น และสามารถพาทั้ง 3 คนออกจากเมืองได้สำเร็จตามทางรถไฟลับของห้องทดลอง  

 

และแล้วเมืองทั้งเมืองถูกนิวเคลียร์ถล่มราบ ด้วยคำสั่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อการควบคุมเชื้อไม่ให้กระจายไปยังที่อื่น ซึ่งก็เป็นช่วงเหตุการณ์เดียวกันกับในเกมภาค 3 ด้วย

 

 

Resident Evil ภาค3 ช่วงค่ำของวันที่ 28 กันยายน 1998 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับในเกมResident Evil ภาค 2 แต่คนละสถานที่

 

-  จิล วาเลนไทน์ อดีตสมาชิกหน่วยสตาร์ที่รอดชีวิต กำลังเตรียมตัวที่จะออกจากเมือง เพื่อไปสมทบกับคริสและแบรี่เพื่อบุกรังอัมเบลล่าในยุโรป แต่เธอต้องติดอยู่กลางวงล้อมของซอมบี้ และการตามล่าของเนเมซิส-ที ไทป์ (Nemesis-T Type)ซึ่งเป็น โบว (B.O.W.) ตัวใหม่โดยอัมเบลลา ที่ส่งมันมาเพื่อฆ่าปิดปากสมาชิกหน่วยสตาร์ที่เหลือทุกคน

 

 

29 กันยายน 1998

-หน่วย U.B.C.S มาช่วยในการอพยพชาวเมือง คาร์ลอส โอลิเวียร์ร่า (Carlos Oliviera) มาทำภารกิจในนามของอัมเบรลล่าเป็นครั้งแรก

 

-จิลถูก เนเมซิส เล่นงาน แต่ได้คาร์ลอสมาช่วยไว้แบบเฉียดฉิว  แต่ก็พลาดท่า ทำให้ จิลต้องต่อสู้กับเนเมซิสอีกครั้ง จนมันยอมถอนตัวถอยกลับไป จิลเองก็หมดแรงหมดสติไปอีกคนเช่นกัน คาร์ลอสพาจิลที่สลบอยู่ไปพักที่หอนาฬิกาเซนต์มิเชล

 

 

1 ตุลาคม 1998

 

- จิล สามารถเอาชนะ เนเมซิส ลงได้ ทำให้เธอออกจากแรคคูนซิตี้พร้อมกับคาร์ลอส

 

-เมืองทั้งเมืองถูกนิวเคลียร์ถล่มราบ ด้วยคำสั่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อการควบคุมเชื้อไม่ให้กระจายไปยังที่อื่น ซึ่งก็เป็นช่วงเหตุการณ์เดียวกันกับในเกมภาค 2 ด้วยเช่นกัน

 

 

Resident Evil Survivor  หรือ Biohazard Gun Survivor ในเดือนตุลาคม 1998 ไม่ระบุวัน

 

 -”อาร์ค ทอมสัน” เพื่อนรักของเลออน ได้ถูกไหว้วานให้มาตรวจสอบห้องทดลองอัมเบรลล่าที่ “เกาะชีน่า” (Sheena) แต่เมื่อได้เรื่องราวและกำลังจะกลับ อยู่ๆเฮลิคอปเตอร์ที่นั่งมาก็เกิดร่วงลงมา ถึงแม้จะรอดมาได้ ตัวเองก็ดันความจำเสื่อม เขาต้องออกตามหาว่าตัวเองเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่ และยังต้องหาทางออกจากเกาะไปให้ได้ พร้อมๆกับ “ลิลลี่” และ “ล๊อตโต้” เด็กที่พ่อแม่ทำงานให้อัมเบรลล่าบนเกาะนี้ที่รอดชีวิตมาได้

 

-อาร์ค ได้พบกับฝูงโบว (B.O.W.)ตัวต้นแบบ “ไฮป์นอส ที-ไทป์ ไทแรนท์” (Hypnos T-type Tyrant)  โดยเขาสามารถกำจัดมันได้ เกาะชีน่าทำลายตัวเอง ทุกอย่างที่ทดลองบนเกาะถูกไฟเผาวอดทั้งหมด และไม่มีการกล่าวถึงอีกเลย

 

 

พฤศจิกายน 1998 ไม่ระบุวัน

 

-สเปนเซอร์สั่งปิดห้องทดลองในแอฟริกา

 

 

 

วันที่ 27 ธันวาคมปี 1998  เรซิเด้นท์ อีวิล โค๊ด เวโรนิก้า (Resident Evil CODE: Veronica) และ  เรซิเด้นท์ อีวิล โค๊ด เวโรนิก้า  กัน เซไวเวอร์ 2 (Resident Evil CODE: Veronica – Gun Survivor 2-)

 

-แคลร์ถูกจับตัวมายังหมู่เกาะร๊อคฟอร์ด ในระหว่างการตามหาคริสที่ห้องทดลองของอัมเบรลล่าสาขาปารีส ระหว่างการถูกคุมขัง ที่เกาะเองก็ถูกโจมตีจากกองกำลังปริศนา ซึ่งในภายหลังระบุว่าเป็นกองกำลัง H.C.F. หรือ ฮิว / โฮสท์ (Hive/Host) แคปเจอร์ ฟอร์ส(Capture Force)ของเวสเกอร์ และทำให้ T-Virus แพร่กระจายไปทั่วเกาะ

 

-ระหว่างที่หาทางออกจากเกาะ แคลร์ได้พยายามส่งเมลล์หาเลออน เพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งทันทีที่เลออนได้รับข้อความ คริสที่อยู่กับเลออนในขณะนั้น ก็ตัดสินใจรีบเข้าไปช่วยแคลร์ทันที

 

 

-แคลร์พบกับ “สตีฟ เบิร์นไซด์” (Steve Burnside) เด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าที่ถูกจับตัวมาเป็นนักโทษพร้อมคุณพ่อ เนื่องจากการขายข้อมูลลับของทางอัมเบลล่า ระหว่างเดินทาง

 

ทั้งคู่สามารถออกจากเกาะร๊อคฟอร์ทได้ แต่ระบบเครื่องบิน ดันเป็นระบบอัตโนมัติ และมุ่งหน้าไปยังสถานีวิจัยอัมเบรลล่า สาขาแอนตาร์คติก ทั้งคู่ไขปริศนามากมาย และเอาตัวรอดมาได้ แต่สุดท้ายเพราะถูกไวรัสกลายสภาพ แถมยังถูกควบคุมจิตใจ จนกลายเป็นโบว (B.O.W.)และ สตีฟก็ไม่รอด

 

-แต่ทว่าหลังจากที่แคลร์ไปสำรวจห้องอื่นๆ และหวังจะกลับมารับศพของสตีฟ เธอก็ไม่พบอะไรเลย…

 

-คริส พบกับ เวสเกอร์ อีกครั้ง หลังจากไปถึงเกาะร๊อคฟอร์ด แต่เขาก็ไม่พบแคลร์

 

-อเล็กเซีย ตื่นขึ้นจากการหลับมายาวนานนับสิบปี แต่พลังจิตยังคงสั่งการได้อยู่  ส่วน อัลเฟรด ตาย

 

-แคลร์ได้พบกับคริสที่สถานีวิจัยอัมเบรลล่แอนตาร์กติก พวกเขาช่วยกันเอาชนะ อเล็กเซีย

 

-หลังจากการต่อสู้คริสและแคลร์หนีออกมาจากฐานแอนตาร์กติกที่กำลังจะถูกทำลาย

 

 

เรซิเด้นท์ อีวิล เดด เอม (Resident Evil Dead Aim) ในปี 1999 ไม่ระบุเวลาชัดเจน

 

-บรูซ แมคกีเวิร์น (Bruce Mcgivern) เจ้าหน้าที่หน่วยบัญชาการทางยุทธศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา หรือ ยูเอส สตาร์ทคอม (US STRATCOM) ที่ถูกส่งมาทำภารกิจสืบสวนเรื่อสำราญ “สเปนเซอร์เรน” ที่กลายสภาพเป็นห้องทดลองของอัมเบรลล่าที่ลอยอยู่กลางทะเล

 

-ด้วยความช่วยเหลือของ “ฟง หลิง” เจ้าหน้าที่กระทรวงความมั่นคงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ทำให้ทั้งคู่ได้รู้ว่าต้นเหตุของการแพร่ระบาดของเชื้อ TG-Virus มาจาก Morpheus D. Duvall (มอร์เฟียส ดี ดูวาล) อดีตเจ้าหน้าที่บริษัทอัมเบรลล่า ที่เคียดแค้นองค์กรเดิมของตน แถมยังเรียกค่าไถ่จากรัฐบาลสหรัฐ กับรัฐบาลจีน เป็นเงินจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์ แลกกับความปลอดภัยของคนทั้งโลก เพราะเขากำลังจะยิงเอาจรวดที่มีเชื้อ T-Virus ให้กระจายไปทั่วโลกนั่นเอง

 

-มอร์เฟียส ถูกกำจัดลงได้ ความช่วยเหลือจากรัฐบาลก็ส่งมาถึง ทั้งสองกลับบ้านอย่างปลอดภัย

 

 

ในปี 2000

-โครงการ เนคบาซ (NEXBAS)หรือ เน็กซ์ เจเนเรชั่น เอ็กเพอริเมนทอล แบทเทิ้ลฟิลด์ ซูเปอริออลตี้ (Next-generation EXperimental Battlefield Superiority) ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการจากบริษัทคู่แข่งของ บริษัทอัมเบรลล่าอย่าง บริษัท Tentsu ได้ร่วมมือกับ กองกำลัง ฮิว / โฮสท์ แคปเจอร์ ฟอร์สของเวสเกอร์ เอาข้อมูลไวรัสที่รวบรวมมาได้ สร้างไวรัสชนิดใหม่แข่งกับอัมเบรลล่า และมีเวสเกอร์เป็นที่ปรึกษาลับๆ

 

 

 

 

Resident Evil Darkside Chronicles (เรซิเด้นท์ อีวิล ดาร์คไซด์ โครนิเคิ้ล) ในปี 2002

 

 

-หลังจากที่เลออนได้รับการบรรจุเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลแล้ว เขาได้รับภารกิจให้ตามจับกุมฮาร์เวียร์ ราชายาเสพติดแห่งอเมริกาใต้  ร่วมกับคู่หูคนใหม่ “แจ๊ค เคราเซอร์”(Jack Crauser)

 

-พวกเลออนได้พบกับ มานูเอลล่า ลูกสาวของฮาร์เวียร์ ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะเพื่อยื้อชีวิตลูกสาว และยังพบกับศพของเด็กสาวที่หายไปนับร้อยคน

 

-ลีออนและเคราเซอร์ที่กำลังเข้าตาจน จากการต่อสู้กับฮาเวียร์ ก็ได้มานูเอลล่าช่วยเอาไว้ ด้วยพลังจิตที่สามารถทำให้อากาศกลายเป็นไฟ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากเชื้อที-เวโรนิก้า (T-Veronica) ได้เผาร่างคุณพ่อของเธอที่กลายเป็นโบว B.O.W. เต็มขั้น

 

-หลังจากที่ช่วยมานูเอลล่าออกมาได้ เธอก็อยู่ภายใต้การคุ้มครองของรัฐบาลสหรัฐ และไม่สามารถใช้พลังพิเศษใดๆได้อีกเลยจนถึงปัจจุบัน

 

-เคราเซอร์ ถูกปลดออกจากกองทัพสหรัฐฯ หลังจากที่แขนซ้ายของเขาได้รับบาดเจ็บ จากการทำภารกิจตามล่าฮาเวียร์ จนไม่สามารถรักษาให้หาย บวกกับความอิจฉาในตัวเลออนที่มีโปรไฟล์ดีกว่าตน  ในที่สุดเขาก็ไปอยู่กับเวสเกอร์ และร่วมองค์กรของเขา โดยหวังว่าตัวเองจะเหนือกว่าเลออนซักวันหนึ่ง

 

 

 

Resident Evil Umbrella Chronicles (เรซิเด้นท์ อีวิล อัมเบลล่า โครนิเคิ้ล) หรือ อัมเบลล่า เอ็นด์ (Umbrella’s End) ในกุมภาพันธ์ ปี 2003

 

-หลังจากที่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาของโบว (B.O.W.)รุ่นใหม่ ทำให้รัฐบาลรัสเซียเริ่มการโจมตีห้องทดลองของ Umbrella ในรัสเซีย

 

-คริสและจิล เข้าร่วมกองกำลังต่อต้านอาวุธชีวะภาพ  และสามารถกำจัด “ทารอส” (T-A.L.O.S.)ที่ เป็นโบวรุ่นใหม่

 

-เมื่อทราบที่อยู่ของ U.M.F. -013  ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการที่เวสเกอร์ได้แทรกตัวเข้าไปในสำนักงานของอัมเบรลล่าสาขารัสเซีย และเอาชนะวลาดิเมียที่ได้กลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว

 

-ข้อมูลที่เป็นความลับของอัมเบรลล่า ถูกใช้ประกอบการพิจารณาคดีของศาล ในที่สุด บริษัทอัมเบรลล่าถูกศาลสั่งฟ้องให้ล้มละลาย

 

-หลังอัมเบลล่าล่มสลาย ฮังค์ (Hunk)อดีตเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอัมเบรลล่ามือวางอันดับ 1 ก็กลายเป็นคนที่ไร้เป้าหมายในชีวิต ได้แต่ร่อนเร่พเนจร และไม่มีใครทราบชะตากรรมอีกเลย…

 

 

-เวสเกอร์ชิ่งหนีเอาข้อมูลไปขายให้กับ เอ็กเซลล่า จิโอเน่ (Excella Gionne) ผู้จัดการบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ไทร์เซลล์ (Tricell)  จนสามารถต่อยอด พัฒนาสายพันธ์ไวรัสมฤตยูรุ่นใหม่ๆต่อไป

 

 

 

Resident Evil 4 ในปี 2004

 

 สมาพันธ์ต่อต้านการใช้งานอาวุธชีวภาพ หรือ BSAA ซึ่งย่อมาจาก ไบโอเทอร์โรริซึ่ม ซีเคียวริตี้ แอซเซสเม้นท์ ออลลีแอนซ์(Bioterrorism Security Assessment Alliance) ถูกก่อตั้งโดยสมาคมเภสัชกรรมโลก ซึ่งเป็นองค์กรที่มีคณะกรรมการของ Tricell มาร่วมด้วย)

 

-เอด้า หว่อง สามารถดักอีเมลล์ที่ส่งมาจาก “ลูอิส เซร่า” (Luis Serra) นักวิจัยของ “ออสมุนส์ แซดเลอร์” หัวหน้าลัทธิ ลอส อิลลูมินาดอส (Los Illuminados)   ที่ระบุถึงข้อมูลของปรสิต “ลาส พลากัส” (Las Plagas)

 

-ลูอิส หนีออกมาจากลัทธิ พร้อมกับตัวอย่างของลาส พลากัส แต่ในที่สุดก็ถูกจับได้

 

-เคราเซอร์ ลักพาตัว  “แอชลีย์ เกรแฮม” (Ashley Graham) ลูกสาวของประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกา

 

-เลออนถูกส่งไปช่วยแอชลีย์ ในขณะเดียวกันเอด้าจะถูกส่งไปชิงตัวอย่าง ลาส พลากัส ภายใต้คำสั่งจากเวสเกอร์

 

-ลูอิสถูกแซดเลอร์ หัวหน้าลัทธิ ลอส อิลลูมินาดอส ฆ่าตาย

 

-เลออนสามารถกำจัดแซดเลอร์ได้และเผชิญหน้ากับเคราเซอร์ที่รับเอาปรสิต ลาสพลากัสเอาไว้ แต่ก็แพ้เลออนเช่นกัน พร้อมกับการได้ตัวอย่างลาส พลากัส แต่ถูกเอด้าแย่งไปอีกทอดหนึ่ง

 

-เลออนหนีออกมาจากเกาะกับแอชลีย์ด้วยเจ็ทสกี

 

 

 

Resident Evil Revelations (เรซิเด้นท์ อีวิล เรวีเลชั่น) ในปี 2004 

 

-กลุ่มก่อการร้ายที่เรียกตัวเองว่า “il Veltro” (อิล เวลโตร) ได้ทำการโจมตี “Terragrigia” (เทอรา กริเจีย) เกาะลอยน้ำที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ของประชาชน ด้วยไวรัสตัวใหม่ที่ชื่อ “ที-อาบิส” (T-Abyss)

 

-เพื่อยุติเรื่องราวอันเลวร้ายในเมืองดังกล่าว “Morgan Lansdale” (มอร์แกน แลนส์เดล) หัวหน้าคณะกรรมาธิการของ หน่วยควบคุมการใช้งานอาวุธชีวภาพ หรือ FBC ซึ่งย่อมาจาก เฟเดรัล ไบโอเทอร์โรริซึ่ม คอมมิชชั่น (Federal Bioterrorism Commission) ได้วางแผนและดำเนินการทำลายเมืองดังกล่าวทิ้งด้วยอาวุธดาวเทียมพลังงานแสงอาทิตย์ “Regia Solis” (เรเกีย โซลิส)  ซึ่งทั่วโลกก็ได้ตระหนักถึงภัยคุกคามอันเกิดจากการก่อการร้ายด้วยอาวุธชีวภาพแล้ว

 

-ปาร์คเกอร์ ลูเชียนี่ และ เจสสิก้า เชอราวัต ตัดสินใจลาออกจาก FBC แล้วไปเข้าหน่วย BSAA

 

 

 

ในปี 2005

 

-”คริส เรดฟิลด์” และ “เจสสิก้า เชอราวัต”  ถูกส่งไปยังภูเขาพื้นที่ยุโรปเหนือเพื่อสอบสวน แหล่งกบดานของพวก เวลโตรที่หลงเหลือ” แต่ทั้งคู่ก็ขาดกรติดต่อกลับ

 

-จิล วาเลนไทน์ และ ปาร์คเกอร์ ลูเชียนี่ ถูกส่งมาทำภารกิจตามหาคริส บนเรือ “ควีน เซโนเบีย” ( Queen Zenobia) ทั้งคู่ได้พบว่าบนเรือ ถูกดัดแปลงเป็นเหมือนห้องทดลองกลายๆ  อีกทั้งยังมีการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์  “ที-อาบิส”  ซึ่งเป็นการนำเชื้อ T ไวรัส ผสมกับเซลล์ของสัตว์น้ำ และสัญญาณที่ขาดหายไปของคริส ก็เป็นเพียงเหยื่อล่อให้สองคนนี้เข้ามาเท่านั้น และเหตุนี้ ทำให้จิลสลบไปหลายชม.

 

- ที่หุบเขา “วัลโคเนน  มอกกี้” (Valkoinen Mökki) คริส และ เจสสิก้า พยายามติดต่อกับหัวหน้า BSAA “ไคลฟ์ อาร์ โอ ไบรอัน” (Clive R. O’Brian) และเมื่อสามารถติดต่อได้ ไคลฟ์จึงได้รู้ว่าทั้งหมดเป็นกับดักที่ล่อให้คนของ BSAA แยกกันทำงาน จึงได้ออกคำสั่งให้ทั้งคู่ไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เริ่มทำการออกตามหาจิล และปาร์คเกอร์ ส่วนภารกิจในยุโรปตอนเหนือ ไคลฟ์ได้ส่ง  “คีธ ลัมเลย์” (Keith Lumley) และ “ควินท์ เซทชัม” (Quint Cetcham) เข้าไปแทน

 

-ควินท์ ค้นพบสัญญาณเรือเซโนเบียที่ระบุตำแหน่งของจิลได้ คริส และเจสสิก้าจึงรีบไปยังจุดที่ควินท์ส่งมา แต่ดันเป็นเรือฝาแฝดที่ชื่อ “ควีน เซมิลามิส” (Queen Semiramis)

 

-จิล ตื่นขึ้นมาในสภาพไร้อาวุธ แต่ก็หาทางเชื่อมต่อกับหน่วยงานได้ หลังจากที่พบว่าเครื่องมือสื่อสารในเรือควีนเซโนเบียถูกทำลาย อาวุธดาวเทียมพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งหลังจกนั้นไม่นานนัก คริส กับเจซซิก้าก็เข้าร่วมทีมกับจิลบนเรื่อควีนเซโนเบีย

 

-แม้ว่าจิลล์และปาร์คเกอร์ ค้นพบสถานที่วิจัย ในใต้ท้องเรือส่วนที่ลึกที่สุดของควีนเซโนเบีย และสามารถติดต่อกับโอ ไบรอันได้ ซึ่งก็ตรงกับช่วงที่เขาได้รับการติดต่อจากสภาความมั่นคงสหภาพยุโรป ว่าตอนนี้ เรือควีนเซโนเบียกำลังตกเป็นเป้าโจมตีของRegia Solis โชคดีที่ทั้งคู่ปล่อยโดรน UAV เพื่อหลอกล่อดาวเทียมให้เล็งไปทางอื่น แต่ก็เกิดคลื่นซัดจนเรือควีนเซโนเบีย เสียหลักและกำลังจะจม

 

-คีธ และ ควินท์ แฮ็กเข้าเซิฟเวอร์ของ FBC และก็พบกับหลักฐานสำคัญ เกี่ยวกับการโจมตีเรือควีนเซโนเบีย มี FBC อยู่เบื้องหลัง และโอไบรอัน ก็จัดฉากการกลับมาของอิลเวลโตร เพื่อให้นายพลแลนส์เดลเผยแผนชั่วออกมา

 

-ปาร์คเกอร์พบว่าเจสสซิก้าเป็นสายลับให้เอ็กเซลล่า จิโอเน่ (Excella Gionne) ผู้จัดการบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ไทร์เซลล์ (Tricell) เรือซามิรามิส จมลงด้วยการที่เจสซิก้ากดปุ่มระเบิดเรือแล้วก็หนีไป

 

-คีธ และ ควินท์  พบเรือลำที่สาม “ควีน ไดโด้” (Queen Dido) ระหว่างหนีออกจากการจมของควีนเซโนเบีย ปาร์คเกอร์ก็ร่วงลงสู่ด้านล่างจากเหตุระเบิด เหลือแค่คริส และจิล ที่ต้องไปยังเรือควีนไดโด้ต่อด้วยเฮลิคอปเตอร์

 

-ในเรือควีนไดโด้ ทั้งสองคนพบว่า กลุ่ม “อิล เวลโตร” ผู้ร้ายตัวจริงคือ “แจ๊ค นอร์แมน” ที่มีเอี่ยวกับหัวหน้าคณะกรรมาธิการ มอร์แกน แลนสเดล ที่ฉีดเอาไวรัสเข้าตัวจนกลายเป็นอัลติเมท อาบิส (Ultimate Abyss)ก่อนจะถูกกำจัดในที่สุด

 

-ด้วยหลักฐานที่ค้นพบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมไปถึงโศกนาฏกรรมมที่เทอรากริเจีย ก็สามารถสาวไปถึงตัวมอร์แกน แลนสเดล ผู้อยู่เบื้องหลัง และถูกจับกุมได้ ส่วนโอ ไบรอันประกาศแสดงความรับผิดชอบในภารกิจที่เกือบพาลูกน้องไปเสี่ยงตายด้วยการลาออก

 

 

-ปาร์คเกอร์ “รอดชีวิต” จากเหตุเรือระเบิด เขาไปนอนเกยตื้นอยู่แถวๆ มอลต้า ใกล้กับชายทะเลเมดิเตอเรเนี่ยน หลังจากพักรักษาตัว เขาก็กลับมาทำงานต่อ  คริส และจิล ได้ข่าวของลอร์ดสเปนเซอร์ จึงรีบไปยังยุโรปต่อไป…

 

-ส่วนหน่วย BSAA คว้าโอกาสนี้ ทำการปฏิรูปเป็นหน่วยต่อต้านอาวุธชีวภาพภายใต้อำนาจของสหประชาชาติ

 

 

 

Resident Evil 6  วันที่ 24 ธันวาคม ปี 2012

 

 -คริส เรดฟิลด์ และ เพียร์ส  นีแวนส์ นำกำลังหน่วย BSAA นับพัน เข้าแทรกแซงสงครามกลางเมืองของ ประเทศเอโดเนีย และที่นั่น ก็เริ่มมีการใช้ C-Virus ในการสู้รบ พวกมันถูกเรียกว่า J’avo (จู อาโว) ไวรัสสายพันธ์ปรสิต ที่สามารถคงความเป็นมนุษย์ในตัว มีความนึกคิดที่บ้าคลั่ง และมีการสื่อสาร การใช้อาวุธต่างๆได้เหมือนคนทั่วไป

 

-เจค มัลเลอร์ ลูกชายของเวสเกอร์ เข้าร่วมกับหน่วยทหารรับจ้างของเอโดเนีย โดยการฉีด C-Virus เข้าไป แต่กลับไม่มีอาการผิดปกติ

 

-เชอร์รี่ เบอร์กิ้น ได้เข้ามายังประเทศเอโดเนีย และพบกับเจคโดยบังเอิญ และพบว่าร่างกายของเจค มีคุณสมบัติต้านไวรัส จึงได้ขอตัวอย่างเลือดของเจค แลกกับเงินที่เขาเสนอมาเป็นจำนวน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

-เชอร์รี่ และ เจค ร่วมมือกันฝ่ากองทัพ J’avo (จู อาโว) และ B.O.W. ตัวใหม่อย่าง Ustanak (อุสตานัค) มายังจตุรัสกลางเมือง เธอได้พบกับ คริส ที่กำลังทำภารกิจ แต่ยังไม่ทันคุยกันมาก ก็ต้องรับมือกับ Ogroman (ออโกรมัน) โบว (B.O.W.)ขนาดยักษ์

 

 - หลังจากเอาชนะได้ พวกเชอร์รี่ และ คริส ก็แยกไปทำภารกิจของตน ซึ่งเชอร์รี่ ขึ้นฮ.ลำเลียงพลของ BSAA เพื่อกลับอเมริกา แต่ Ustanak (อุสตานัค) ยังคงตามมาไล่ล่า จน ฮ.ของทั้งสองร่วงลง ทั้งคู่เอาตัวรอดจากการไล่ล่าของพวกจูอาโวมาได้

 

- อีกด้านหนึ่ง คริสก็สูญเสียลูกน้องจากการทำภารกิจคุ้มกัน เอด้า หว่อง (ตัวปลอม – คาร์ล่า ราดาเมส) ที่อ้างว่ามีข้อมูลของ C- Virus ของ “นีโออัมเบรลล่า”  แต่สุดท้ายก็เป็นแผนของเธอที่ล่อให้ BSAA มาติดกับ คริสเอาตัวแทบไม่รอด และยังมีอาการความจำเสื่อมจากการกระแทกรุนแรง และ ความสะเทือนใจที่เห็นลูกน้องตายต่อหน้า

 

 

 

วันที่ 25 ธันวาคม ปี 2012

 

-หลังเอาตัวรอดจากการไล่ล่าของพวกจูอาโว  พวกของเชอร์รี่ ก็พบกับ เอด้า หว่อง ตัวปลอม และถูกจับตัวไปยังห้องทดลองแห่งหนึ่งในจีน นานถึง 6 เดือนเต็มๆ

 

 

วันที่ 27 มิถุนายน ปี 2013

-เอด้า หว่อง ตัวจริง  ได้เข้ามายังเรือดำน้ำขนาดใหญ่ ที่มหาสมุทรแอตแลนติก เพื่อมาล้วงเอาข้อมูลการก่อการร้าย และการใช้ C-Virus ในประเทศเอโดเนีย ตามคำเชิญของ “ดีเรค ซิมม่อนส์” (Derek Simmon) ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา แต่เรือลำดังกล่าวก็มีจูอาโวรอต้อนรับเธอ แต่ด้วยฝีมือระดับสายลับขั้นเทพของเธอ  เลยทำให้รอดมาได้อย่างหวุดหวิด

 

 

 

วันที่ 29 มิถุนายน ปี 2013

 

 -15 ปีหลังเกิดเหตุการณ์ระบาดในเมืองแร็คคูนซิตี้ เลออน ก็ได้เลื่อนขั้นเป็น “เจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษที่ทำงานภายใต้คำสั่งของประธานาธิบดีเท่านั้น” จนกระทั่ง “ประธานาธิบดีเบนฟอร์ด” ผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนซี้ และเจ้านายของเขาถูกเชื้อ C-Virus ทำให้กลายเป็นซอมบี้  ซึ่งเหตุการณ์นี้ ทำให้เมือง “Tall Oak” (ทอลโอ๊ค) ที่มีประชากรกว่า 70,000 คน กลายเป็นซอมบี้ และเขาก็กล่าวโทษ “เฮเลน่า ฮาร์เปอร์” เจ้าหน้าที่สาวหุ่นสะบึมบึ้ม จากหน่วย U.S.S.S หรือ ความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเธอให้เหตุผลว่า “ดีเรค ซิมมอนส์ “ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา เป็นผู้กดดันเธอด้วยการจับตัวน้องสาวของเธอ ชักใยเรื่องราวทั้งหมด…

 

-เอด้า ตัวจริง ได้อยู่ที่เมือง ทอลโอ๊ค พอดี ก็ได้เข้าไปยังห้องทดลองลับใต้โบสถ์แห่งหนึ่ง และได้สมทบกับพวกของเลออน กับ เฮเลน่า ที่กำลังสู้กับ Deborah (เดบรา) น้องสาวของเฮเลน่าที่กลายเป็นโบว (B.O.W.) พอดี

 

 

 

วันที่ 30 มิถุนายน ปี 2013

-คริส ได้พาทีม BSAA ชุดใหม่ ทำภารกิจปราบปรามเหล่าโบว (B.O.W.)  และเข้าช่วยตัวประกันบนตึกแห่งหนึ่ง แต่เกือบเอาตัวไม่รอด เพราะทางต้นสังกัดยิงมิไซล์ถล่มตึกเลเทะ และหลังจากนั้นไม่นาน นัก คริสก็ได้ความจำกลับคืนมา แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาต้องเสียลูกทีมไป ยิ่งทำให้คริสโมโห และเครียดยิ่งกว่าเดิม

 

-เลออนที่กำลังนั่งเครื่องบินมายังประเทศจีน ก็พบความผิดปกติของห้องนักบิน และก็พบว่าบนเครื่อง มีพวกโบว (B.O.W.)มาบนเครื่องและทำให้ผู้โดยสารกลายเป็นซอมบี้ เขาจึงต้องรับบทนักบินจำเป็น พาเครื่องร่อนลงอย่างทุลักทุเล

 

 

 

-6 เดือนหลังจากการถูกจับตัว เชอร์รี่ และ เจค ก็สามารถหนีออกมาจากห้องทดลองของนีโออัมเบรลล่าในประเทศจีน โดยเจคเล่าว่าระหว่างที่ถูกขังเขาก็โดนสูบเลือดไปสกัดทำเป็น C-Virus เวอร์ชั่นใหม่มาตลอด และรับไม่ได้กับสิ่งที่ เวสเกอร์ พ่อของเขาทำลงไปเมื่อ 4 ปีก่อน ทั้งคู่ก็หนีจนมาพบกับเลออน กับ เฮเลน่า โดยเลออนเตือนว่าให้ระวัง ดีเรค ซิมม่อนส์ เจ้านายของเชอรืรี่ให้ดีด้วย แต่ยังพูดคุยไม่มาก ทั้ง4คนก็ต้องรับมือกับโบว (B.O.W.) อย่าง Ustanak (อุสตานัค) อีกรอบ และเมื่อทั้ง 4 คนเอาชนะได้ เชอรืรี่ก็บอกที่อยู่จุดนัดพบของดีเร็คให้เลออนทราบ ก่อนแยกตัวไป

 

 

-เลออน และ เฮเลน่า ได้เดินทางมายังโรงงานผลิต C-Virus ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับ คริส และเพียร์ส กำลังไล่ต้อน เอด้า หว่อง (ตัวปลอม) เลออนขอร้องให้จับเป็น แต่คริสที่มีความแค้น ต้องการจับตายเพราะจะล้างแค้นให้ลูกทีมของตน แต่เลออนก็ตอกกลับไปว่าเขาเองก็สูญเสียคน 70,000 คน และประธานาธิบดีสหรัฐด้วย ซึ่งเอด้าก็สามารถเป็นพยานที่สามารถยืนยันในชั้นศาลเพื่อเอาผิดดีเร็คได้ด้วย

 

ระหว่างหันปากกระบอกปืนใส่กันของสองหนุ่ม ก็ทำให้ เอด้า ตัวปลอม หนีไปได้ คริสที่กำลังโกรธจัด จึงคิดจะไล่ตาม แต่ก็ได้เลออนเตือนสติ ให้คริสเก็บความแค้นเก็บเอาไว้ทีหลัง ซึ่งคริสก็รับปาก และปล่อยให้เลออนจัดการกับดีเร็ค ส่วนตัวคริส และเพียร์ส จะไล่ล่าเอด้า ตัวปลอม มาให้ปากคำในชั้นศาลให้ได้

 

-เลออนได้ไปตามจุดนัดพบที่เชอร์รี่บอก เพื่อตามล่าตัวดีเร็ค และไม่นานนัก เชอร์รี่ และเจคก็ตามมาสมทบ และเธอก็ได้รู้ถึงแผนการชั่วร้ายของดีเร็คเข้า จึงได้มอบตัวอย่างเลือดของเจคให้เลออน แล้วพวกเชอร์รี่ก็หนีไป ก่อนที่จะมีการดวลปืนกันเกิดขึ้นระหว่าลูกน้องของดีเร็ค กับพวกของเลออน  แต่ทว่า พวกของเชอร์รี่ ก็พลาดท่า ถูกจับตัวไปอีกครั้ง คราวนี้พวกเขาถูกส่งไปยังสถานีวิจัยใต้ทะเลในน่านน้ำของจีน

 

-ดีเร็ค กลายร่างเป็นโบว (B.O.W.) เพื่อสู้กับเลออน และไม่ยอมถูกจับไปสอบสวนจนประเทศต้องเสียชื่อแน่นอน แต่สุดท้ายก็ไม่รอดความเป็นมือปืนระดับเทพของเลออนไปได้

 

-คริส และเพียร์ส ไล่ล่าเอด้า ตัวปลอม จนถึงเรือขนาดใหญ่ และยังได้รับรู้แผนการครั้งใหญ่ของเธอ ที่จะปล่อยหมอกควันที่บรรจุ C-Virus เข้าถล่มเมือง แต่เธอก็ถูกลูกน้องของดีเร็คตามมายิงเธอจากเครื่องบิน คริสได้รับหลอด C-Virus และให้เพียร์สเก็บเอาไว้ เผื่อว่าหลังจบงาน จะส่งให้ทีมวิจัยของ BSAA ของ รีเบคก้า แชมเบอรส์ ทำการตรวจสอบต่อไป และทั้งคู่ก็รีบขึ้นเครื่องบินรบที่จอดบนเรือมาใช้เพื่อขับตามจรวดเพื่อปลดชนวน แต่ว่าสายไปแล้ว หมอกควันที่เกิดจาก C-Virus ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ผู้คนนับแสนกลายเป็นซอมบี้อย่างที่เธออยากเป็น

 

-แต่ในอีกมุมหนึ่ง เอด้า ตัวจริง ก็เข้ามาตรวจสอบภายในเรือลำดังกล่าว และได้เห็นภาพของ เอด้าตัวปลอม ถูกยิงร่วงลงมา หลังจากที่คริส และเพียร์สจากไป เอด้าจึงเข้ามาดูศพเอด้า ตัวปลอม  แต่ทว่าร่างที่ไร้ชีวิต ก็ถูก C-Virus ตัวอัพเกรดจากเลือดของเจค ทำให้กลายเป็นโบว B.O.W. แต่เอด้าก็สามารถเอาชนะมาได้

 

 

 

วันที่ 1 กรกฎาคม ปี 2013

 

-เลออน และเฮเลน่า ก็กำลังจะหาทางออกจากประเทศจีน ก็ได้พบกับเอด้า (ตัวจริง) ที่ขับเฮลิคอปเตอร์ยิงใส่ฝูงซอมบี้ที่กำลังล้อมพวกเลออนอยู่ โดยเธอจะนำเครื่องไปจอดทิ้งไว้บนดาดฟ้า ส่วนตัวเธอจะเข้าไปจัดการกับเอกสาร งานวิจัยต่างๆที่จะสาวมาถึงตัว เอด้า ทั้งตัวจริง และตัวปลอม

 

-โบว ดีเร็ค ซิมมอนส์ ยังคงตามรังควาญจนถึงวินาทีที่เลออนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่เอด้าจอดทิ้งไว้ แต่เลออนก็สามารถกำจัดมันลงได้อย่างถาวร ซึ่งในฮ.ที่เลออนขัน ก็มีตลับแป้ง ที่มีข้อมูลหลักฐานสำคัญที่ช่วยให้เลออนพ้นผิดได้อยู่ในนั้น

 

-ส่วนทาง คริส และ เพียร์ส ได้มายังแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางน่านน้ำจีน ที่ๆมีห้องทดลองของนีโอ อัมเบรลล่าเพื่อตามมาช่วย เชอร์รี่ กับ เจค ออกมา เมื่อทั้ง 4 พบหน้ากันก็มีปากเสียงกันเล็กน้อย เพราะเมื่อ 3 ปีก่อน คริส เป็นคนฆ่าเวสเกอร์ที่แอฟริกาใต้ ในภาค 5 ก็ทำให้เจครู้สึกสับสน ระหว่างความแค้น ที่คริสฆ่าพ่อของเขา แต่อีกใจก็คิดว่าคนเลวๆอยาวพ่อของเขาจะตายก็ไม่แปลก.. แต่เวลาดราม่าก็หมดลง เมื่อ Haos (ฮาโอส) โบว ตัวที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ในสถานีวิจัยนี้ก็ตื่นขึ้น คริส จึงไล่ให้เชอร์รี่ และเจคหนีไป

 

-ระหว่างการหลบหนี เชอร์รี่ และเจค ก็พบกับ  Ustanak (อุสตานัค) อีกรอบ คราวนี้เป้นการดวลกันหมัดต่อหมัด สุดท้ายเจคก็ซัดอุสตานัค ร่วงสู่บ่อลาวาได้สำเร็จ แต่มันก็ตามาราวีถึงรถรางที่ๆทั้งคู่หลบหนี โชคดีที่แถวนั้นมีปืน จึงยิงซัดมันตกลงราง และหายไปในกองเพลิงที่เกิดจากการระเบิดของสถานีดังกล่าว

 

 

-คริสและเพียร์ส ก็ได้รับมือกับ Haos (ฮาโอส) แต่เพียร์สพลาดท่าจนถูกตู้คอนเทนเนอร์ทับแขน บาดเจ็บสาหัส จึงตัดสินใจสละแขนข้างหนึ่ง เพื่อไปเก็บเอา C-Virus ที่พกมา ฉีดเข้าตัวเองเพื่อช่วยคริส คนที่เขาเคารพรักเหมือนครอบครัว เพียร์สใช้พลังไฟฟ้ายิงใส่ฮาโอสจนมันหนีไป ทั้งคู่ลากสังขารเจียนอยู่เจียนไป เข้าห้องแคปซูลกู้ชีพที่ส่งคนขึ้นสู่ผิวน้ำ เพียร์สผลักคริสเข้าไปในแคปซูลที่ว่า โดยตัวเองสละชีวิตรับมือกับฮาโอสตัวต่อตัวในสถานีที่จะกำลังระเบิด ให้คริสรอดชีวิตไปทำหน้าที่ BSAA ต่อไป…

 

 

 

 

และนี่ก็คือ “ลำดับเหตุการณ์ในผีชีวะ”  ที่ชิมจังได้นำมาฝากกัน  ก็หวังว่าคลิปนี้จะเป็นข้อมูลสำหรับทุกๆ คนที่สนใจเรื่องราวของเกมนี้กันนะคะ   บทความต้นฉบับเขียนโดยแอดมินเอเค โฟว์ตี้ เซเว่น จากเว็บไซต์เมทัลบริด  เรียบเรียงเองโดยแอดมิน เซฟสายเปย์ ให้เสียงบรรยายโดยชิมจังเองค่ะ

 

 แล้วมาพบกับเรื่องราวเจาะลึกแบบ กีค กีค กันใหม่ในรายการ กีคไดอารี ในเทปหน้า สำหรับวันนี้ชิมจังต้องขอลาไปก่อน  สวัสดีค่ะ  บ๊ายบาย…