โดราเอมอน เจ้าแมวหุ่นยนต์สีฟ้าเป็นการ์ตูนระดับตำนานค้างฟ้าที่อยู่คู่กับวงการการ์ตูนมาอย่างยาวนาน แล้วนับตั้งแต่ผู้แต่งอย่าง “ฟูจิโอะ ฟูจิโกะ” ได้เสียชีวิตลง การ์ตูนเรื่องนี้ก็ “ไม่มีตอนจบ” นับตั้งแต่เวลานั้น…
แต่เรื่องราวของโดราเอมอนนั้นไม่ได้สิ้นสุดลง… เพราะยังมีการนำการ์ตูนเรื่องนี้มาสร้างเป็นอนิเมชั่นและสื่อบันเทิงต่างๆ ออกมาให้ได้รับชมอยู่ตลอด ทำให้เรื่องราวของโดราเอมอนไม่ได้จบลงนับตั้งแต่ผู้แต่งฟูจิโอะ ฟูจิโกะได้เสียชีวิตไป
ทว่า… ตอนจบที่แท้จริงของ “โดราเอมอน” ควรจะเป็นแบบไหน? แฟนๆ การ์ตูนเรื่องนี้ต่างก็ตั้งคำถามเช่นนี้ ซึ่งคำตอบนั้นอาจจะอยู่ที่ ฟูจิโอะ ฟูจิโกะ เท่านั้น…
บทความนี้จึงขอเสนอ “ตอนจบที่แท้จริงของโดราเอมอน” ว่าควรจะเป็นแบบไหน?
เคยมีกระแสบนอินเตอร์เน็ตเมื่อเกือบ 4 – 5 ปีก่อนอย่างมากมายเกี่ยวกับ ตอนจบที่แท้จริงของโดราเอมอน จนมีการพูดถึงเป็นวงกว้างอย่างมากว่าควรจะจบแบบไหน โดยมีตอนจบ 3 แบบ ที่มีการพูดถึงก็คือ…
ตอนจบแบบที่ 1 “โนบิตะเป็นคนที่สร้างโดราเอมอนขึ้นมา”
ตอนจบในแบบแรกนั้นเป็นการแต่งโดยกลุ่มนักเขียนการ์ตูนล้อเลียน ซึ่งได้กล่าวขึ้น “โนบิตะในโลกอนาคตเป็นคนที่สร้างโดราเอมอนขึ้นมา” แล้วส่งมาคอยแก้ปัญหาให้กับโนบิตะในโลกอดีต แต่จู่ๆ วันหนึ่ง… แบตเตอรี่พลังงานของโดราเอมอนเกิดหมดลง ทำให้หยุดการทำงาน… และสูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับโนบิตะไปจนหมดสิ้น
เหตุนี้เองจึงทำให้โนบิตะเปลี่ยนแปลงตัวเองจากเด็กไม่เอาไหน มาเป็นเด็กตั้งใจเรียน เพื่อที่จะได้กลายเป็นนักวิทยาศาสตร์แล้วซ่อมแซมเพื่อนรักของเขาให้กลับมาอีกครั้ง…
สำหรับตอนจบตอนนี้… แม้ว่าจะถูกทางสำนักพิมพ์ฟ้องร้องในเรื่องของลิขสิทธิ์มาครั้งหนึ่ง แต่ก็นับว่าเป็นตอนจบที่มีความสมบูรณ์แล้วตอบคำถามในใจของคนอ่านอย่างมากเลยทีเดียว
ตอนจบแบบที่ 2 “ลาก่อนโดราเอมอน” (เล่ม 6)
อันนี้ถือเป็นตอนจบอย่างเป็นทางการของการ์ตูนเรื่องนี้ ที่แต่งโดย ฟูจิโอะ ฟูจิโกะ ในตอนนี้บรรยายถึงโดราเอมอนได้กลับไปยังโลกอนาคตกะทันหัน ทำให้โนบิตะต้องใช้ของวิเศษอย่าง “น้ำยาโกหก 800”เพื่อทำให้สิ่งที่โดราเอมอนบอกว่าจะกลับโลกอนาคตเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด
ความจริงแล้วนี่ก็เป็นตอนจบจริงๆ ของการ์ตูนเรื่องนี้นั่นแหละ แต่ด้วยเสียงเรียกร้องจากแฟนๆ การ์ตูนเรื่องนี้ก็ได้ทำให้ ฟูจิโอะ ฟูจิโกะ กลับมาเขียนตอนต่อมาก็คือ “น้ำยาโกหก” ที่ตรงกับช่วง “เมษาหน้าโง่” หรือ April Fool’s Day นั่นเอง
ตอนจบแบบที่ 3 ความฝันของโนบิตะ
เคยมีกระแสบนอินเตอร์เน็ตช่วงหนึ่งว่าบอกว่า ตอนจบแบบที่สามของการ์ตูนเรื่องนี้ได้เล่าถึง “เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคร้าย” เขาได้หลับไปอย่างยาวนานจนกระทั่งตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่รอบๆ ตัวของเขามีคุณพ่อคุณแม่และบรรดาเพื่อนรวมถึงคนรู้จักที่เขาเองก็คุ้นหน้า แต่มีแค่ “เพื่อนอีกคนหนึ่ง” ที่ไม่อยู่ในเวลานั้น
เด็กผู้ชายคนนั้นได้เอ่ยถามว่า “แล้วโดราเอมอนล่ะ?” แน่นอนว่าทุกๆ คนไม่มีใครเคยได้รู้จักกับชื่อที่เด็กคนนี้เอ่ยขึ้นมา เพราะว่าเรื่องราวของโดราเอมอนเป็นเพียง “ความฝัน” ที่เด็กคนนี้ได้สร้างขึ้นมา… เพราะเขาเป็นเด็กที่อ่อนแอ อยากที่จะมีเพื่อนๆ ที่พร้อมจะร่วมสนุกไปกับเขา
แล้วในเวลาที่ไม่นานนักเด็กคนนี้ก็ได้จากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร…
แล้วตอนจบที่แท้จริงของโดราเอมอนควรเป็นแบบไหน?
โดราเอมอนแต่เดิมนั้นทางผู้แต่งฟูจิโอะ ฟูจิโกะต้องการให้เป็นการ์ตูนแก๊กที่จบได้ภายในตอน จนกระทั่งเรื่องราวภายในได้สร้างเส้นเรื่องที่สามารถต่อยอดไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งเนื้อหาสามารถจบที่ตอนไหนก็ได้ทั้งนั้น ทว่าผู้แต่งได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน ทำให้โดราเอมอนเป็นการ์ตูนที่ถูกถามถึงตอนจบมากที่สุดอีกหนึ่งเรื่อง ซึ่งจุดสรุปของเรื่องคงมีเพียงผู้แต่เท่านั้นที่รู้
หากถามว่า ตอนจบที่แท้จริงของโดราเอมอนควรเป็นแบบไหน? ลึกๆ แล้วผู้แต่งก็น่าจะต้องการให้จบแบบ Happy Ending เพื่อตอบแทนคนอ่านที่ได้ติดตามผลงานการ์ตูนเรื่องนี้มาเสมอ
เพื่อให้ “โดราเอมอน” ไปอยู่ในใจของคนอ่านตลอดไป…
@Save สาย Pay
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]

































