Birth of the Dragon : บรูซ ลี มังกรผงาดโลก [เรื่องย่อ / ตัวอย่าง]
23 สิงหาคม 2560 17:57 น.
Share on FacebookTweet about this on TwitterShare on Google+

Birth of the Dragon cover

Birth of the Dragon 

ชื่อไทย :   บรูซ ลี มังกรผงาดโลก

ประเภท : ภาพยนตร์

แนว : Action / Drama

กำกับโดย :   เฮนรี่ จูสต์ / แอเรียล ชูลแมน

แสดงนำโดย : 

ผลิตโดย : WWE Studio / WM Film

นำเข้าโดย :  วชิโร มาสเตอร์ ฟิล์ม 

กำหนดฉาย : 21 กันยายน 2017

 Birth of the Dragon cover2

นี่คือภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวของการต่อสู้ เพื่อพิสูจน์ว่า กังฟูจีน ก็พร้อมจะไปสู่เวทีระดับโลก หนึ่งในภาพยนตร์ที่สร้างโดยอ้างอิงจากเหตุการณ์จริง(บางส่วน)ของ “บรูซ ลี” หรือ “หลี่ เสี่ยวหลง” แอคชั่นสตาร์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกภาพยนตร์ ในภาพยนตร์ที่มีชื่อว่า Birth of the Dragon : บรูซ ลี มังกรผงาดโลก

 

 

เรื่องย่อ

Birth of the Dragon (1)

เรื่องราวของชายหนุ่มที่ชื่อ “หลี่ เสี่ยวหลง” หรือ “บรูซ ลี” (แสดงโดย ฟิลลิป อึ้ง) ที่ออกเดินทางมาแสวงโชคถึงดินแดนแห่งเสรีภาพอย่าง “อเมริกา” แน่นอนว่าชีวิตของลีเต็มไปด้วยอันตราย ทั้งความขัดแย้งของกลุ่มมาเฟีย การพิสูจน์ตัวเองว่ากังฟูจีนก็เป็นศาสตร์แขนงหนึ่ง มีศักดิ์ศรีเท่ามวยสากล

 

Birth of the Dragon (7)

แต่แล้ว ลีก็ต้องพบกับความท้าทายครั้งใหญ่ เมื่อหลวงจีนจากวัดเส้าหลินอย่าง “หว่อง แจ็คแมน” (แสดงโดย เซียหยู) มาเพื่อห้ามลี และหยุดสอนกังฟูในอเมริกา เพราะทางสำนักไม่พอใจที่ลีเอาวัฒนธรรม และศาสตร์มวยจีนไปเผยแพร่ให้ชนชาติอื่นที่ไม่เข้าใจแก่นแท้ และมักจะนำไปใช้ในทางที่ผิด!…

Birth of the Dragon (9)

ภาพยนตร์เรื่อง Birth of the Dragon มีกำหนดฉายอย่างเป็นทางการคือวันที่ 21 กันยายน2017 

 

 

 

 

Birth of the Dragon (10)

 

ประวัติของ บรูซ ลี

“บรูซ ลี” มีชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้จริงๆคือ “หลี่ เสี่ยวหลง” เกิดที่โรงพยาบาลในย่านไชนาทาวน์ รัฐซานฟรานซิสโก ประเทศอเมริกา เพราะพ่อของเขากำลังออกทัวร์แสดงงิ้วในอเมริกา เขาจึงได้รับสัญชาติอเมริกันไปโดยปริยาย ตอนนั้นพ่อของเฮียแกจะไปจ่ายตังค์ค่าทำคลอด แต่ชื่อ หลี่ เสี่ยวหลง มันเรียกยากสำหรับฝรั่ง  นางพยาบาลเป็นคนตั้งชื่อเด็กน้อยว่า “บรูซ ลี” เพราะเรียกง่าย

 

Birth of the Dragon (11)

จากนั้นพ่อของเขาก็พากลับฮ่องกง จนเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ก็สำมะเลเทเมาตามประสา ไล่ตีต่อยกับชาวบ้านจนวันนึงเกิดแพ้เขาขึ้นมา ก็เลยไปฝากตัวเป็น ลูกศิษย์ อ.ยิปมัน แห่งสำนักมวยหย่งชุนอันลือลั่นในเกาะฮ่องกงเป็นระยะเวลาสั้นๆ (ตอนนั้น อ.ยิปมันก็แก่ชราไปเยอะแล้ว) ด้วยใจที่มุ่งมั่น และร้อนแรงของเฮียบรู๊ซ จึงละทิ้งการเรียนหนังสือ แล้วเข้าสู่เส้นทางของวิชากังฟูเต็มรูปแบบ ถึง4ปีเต็มๆ แต่ด้วยนิสัยไม่ยอมคนของเฮียแก ก็คงไปเผลอเหยียบเท้าขาใหญ่แถวๆนั้นเข้า ทำให้ต้องหนีเอาชีวิตรอด ขึ้นเรือไปอเมริกาอีกครั้ง

 

Birth of the Dragon (3)

ชีวิตของเฮียบรู๊ซไปได้สวย ก็เริ่มเปิดสอนโรงเรียนศิลปะป้องกันตัว จากนั้นเขาเข้าเรียนปรัชญาที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน เรียนจบแล้วย้ายไปแคลิฟอร์เนีย ตั้งสถาบันสอนศิลปะป้องกันตัว สอนมวยจีนให้กับคนทุกชาติ และยังเรียนคาราเต้เพิ่มเติม ในสาขา Kenpo Karate จากอาจารย์ญี่ปุ่นในกลางทศวรรษที่ 60 ***เหตุการณ์ในช่วงนี้นี่เองทีนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Birth of the Dragon นั่นเองครับ***

 

Birth of the Dragon (12)

วันหนึ่งก็มีผู้กำกับหนังมาเห็นฝีมือของเขาจึงชวนไปเล่นละครทีวีชุด “The Green Hornet” (เล่นเป็น “เคโต้” ซึ่งในหนังโรงภาคล่าสุด “เจย์ โชว์” ก็แสดงบทนี้ครับ) แต่ทว่าละครชุดนี้มีเพียง 30 ตอน แถมไม่ดังอีกต่างหาก แต่เฮียบรู๊ซกลับดังกว่าพระเอก ด้วยลีลาการต่อสู้ที่เร้าใจ จากนั้นก็ได้เล่นหนังละครอีกหลายเรื่อง ก่อนจะกลับไปสอนกังฟูต่อ หลังจากผิดหวังในฮอลลีวูด จึงนั่งเรือกลับฮ่องกงในปี 1971

 

Birth of the Dragon (13)

ที่ฮ่องกง เฮียบรู๊ซก็เจอกับ “เรย์มอนด์ เชา” (Raymond Chow) ผู้ผลิตหนังในฮ่องกงก็เห็นแววความดังก็ได้สร้างหนังที่มีเฮียแกเป็นพระเอกครับ
เริ่มจาก “ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง” (The Big Boss) และ “ไอ้หนุ่ม ซินตึ๊งล้างแค้น” (Fist of Fury) ที่ออกมาวาดลวดลายพายุหมัดและเท้าแบบที่ผู้ชมต้องอ้าปากค้างเลยครับ หนังของเขาทำรายได้มหาศาล และเป็นการเปิดศักราชใหม่ของหนังกังฟู  (หลังจากเฮียบรู๊ซ ลุงเชาก็ปั้น “เฉินหลง”จนโด่งดังในเวลาต่อมาครับ) 

 

Birth of the Dragon (14)

จากนั้นเขาตั้งบริษัทหนังของตัวเอง ลงทุนไปถ่ายทำที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี คือเรื่อง “ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง บุกกรุงโรม” (The Way of the Dragon) กลายเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของเขา ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปถึงฮอลลีวูด เรื่องต่อมาจึงได้ทุนจากอเมริกาคือ “ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง มังกรประจัญบาน” (Enter the Dragon) หนังทำรายได้ถล่มทลายกว่าสองร้อยล้านเหรียญ กลายเป็นหนังกังฟูฮ่องกงเรื่องแรกที่สร้างปรากฏการณ์ใหญ่ให้แก่วงการ ภาพยนตร์เอเชีย อีกทั้งยังก่อให้เกิดกระแสคลั่งไคล้ไอ้หนุ่มซินตึ๊งไปทั่วโลกในตอนนั้น

 

Birth of the Dragon (15)

แต่น่าเสียดาย บรูซ ลี ก็ต้อง“ไปนอนคุยกับรากมะม่วง”ซะก่อน ทั้งๆที่กำลังรุ่งในชีวิตนักแสดง ด้วยวัย 31 ปี ทุกวันนี้ ยังคงมีคนกังขาว่า เขาตายเพราะ “พักผ่อนน้อยจนเป็นลมบ้าหมู” บ้างก็ว่า “แพ้ยา” หรือหนักๆเลยก็ “กินยาชูกำลัง แล้วไปปั่มปั๊มกับสาวๆ จนช๊อกตายคาเตียง” ก็มีเหมือนกัน…

 

แอดมิน Ak47

 

Trailer ซับไทย