นักซิ่งสายฟ้า Let’s & Go!! [เรื่องย่อ]
25 ธันวาคม 2559 12:29 น.
Share on FacebookTweet about this on TwitterShare on Google+

Let's-&-Go-(3)

 

Bakusō Kyōdai Let’s & Go!!

( 爆走兄弟レッツ&ゴー!! )

ประเภท : Action, Racing , Drama

สถานะ : ออกอากาศไปได้ชาติกว่าแล้วครับ!!

ออกอากาศครั้งแรก : ออกฉายที่ญี่ปุ่นเมื่อปี 1996

ระยะเวลาในการฉาย : 23 – 25 นาที / ตอน

 Letsgo (10)

ย้อนกลับไปเมื่อประมาน 15 ปีก่อน มีการ์ตูน เรื่องหนึ่งซึ่งประเทศไทยได้นำเข้ามาฉายให้ได้ชมกันทุกๆ เช้าวันเสาร์และวันอาทิตย์จนเด็ก ๆ ติดการ์ตูนเรื่องนี้กันเป็นจำนวนมาก ถึงขั้นต้องไปหาซื้อรถแข่งแบบในการ์ตูนที่ ณ เวลานั้น จนก่อกระแส “รถแข่งทามิย่า” บูมหนักมากในบ้านเรา ทุกทั่วหัวระแหงต้องมีรเล่น มาประกอบและแต่งให้เหมือนกับในการ์ตูนกันเลยทีเดียว พูดกันมาถึงขนาดนี้แล้วหลาย ๆ คนก็คงจะนึกออกกันแล้วสินะครับ ใช่แล้วครับ การ์ตูนเรื่องที่ว่ามานี้ ก็คือ “Bakusō Kyōdai Let’s & Go!!” หรือที่มีชื่อไทยว่า “นักซิ่งสายฟ้า Let’s & Go!!” นั้นเอง

 

 

 

เรื่องย่อ

การ์ตูนเรื่อง นักซิ่งสายฟ้า Let’s & Go!! สามารถซอยเนื้อเรื่องออกเป็น 2 ภาค ได้แก่ภาค Great Japan Cup (GJC) หรือ ศึกชิงแชมป์ญี่ปุ่น และภาค WGP หรือ World Grand Prix ที่พวกพระเอกได้ฟอร์มทีมเพื่อลุยระดับโลกกันแล้ว 

Letsgo (6)

เนื้อเรื่องภาค GJC จะเริ่มต้นที่เรื่องราวของสองพี่น้องตระกูลเซย์บะ ได้แก่ “เซย์บะ โก”(น้องชาย) และ “เซย์บะ เรตสึ”(พี่ชาย) ที่เข้าแข่งขันในรอบคัดเลือกศึก GJC แต่ทว่าแพ้ เพราะความไม่ลงรอยของสองพี่น้อง…แต่ทว่าความไม่ลงรอยนี้ กลับไปเข้าตาของ “คร.ไดโซ สึจิยะ” นักวิจัยของสถาบันสึจิยะ ได้มอบรถ Mini4WD รุ่นต้นแบบ “เซเบอร์ ไทป์” 2 คัน แล้วให้โจทย์ว่า ไปหาสไตล์การโมดิฟายรถให้เข้ากับตัวเองมากที่สุด เด็กๆทั้งสองได้ออกแบบและโมดิฟายรถสำเร็จตามโจทย์ โดย โกได้ทำรถแนวเน้นความเร็วทางตรง ใช้ชื่อรถว่า “แม็กนั่ม เซเบอร์” และ เรตสึ ได้ทำรถที่มีเทคนิคการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ใช้ชื่อรถว่า “โซนิค เซเบอร์” 

Letsgo (15)

Letsgo (4)

ทั้งสองได้ใช้รถคู่ใจ จนพบกับเพื่อนและคู่แข่งมากมาย ทั้งเจ้าของร้านโมเดลผู้อบอุ่นใจดี อย่าง “ซากามิ ทาโมสึ” / พี่น้องทากาบะ นักซิ่งพเนจร เจ้าของ “ไทรแดรกเกอร์” ที่ถือว่ามีความสามารถระดับเดียวกับเซเบอร์ไทป์ และจุดพลิกผันของสองพี่น้องเซย์บะ เมื่อมาเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่าง “J” เจ้าของรถ “โปรโตเซเบอร์”ที่สามารถบดขยี้รถศัตรูด้วยปืนอัดอากาศ ออกซิ่งรถตามคำสั่งของ “ดร.จินโซ โอกามิ” เซเบอร์ของสองพี่น้องจมลงสู่บ่อลาวา ระหว่างการแข่งที่ห้องทดลองใต้ปล่องภูเขาไฟ 

 

Let's-&-Go-(5)

ในขณะที่สองพี่น้อง โก และ เรตสึ อยู่ในสภาพสิ้นหวัง เพราะสูญเสียเซเบอร์ไป เขาสองคนได้ค้นพบตัวเองจากคำสอนของพ่อ และเพื่อนๆของเขา และในขณะนั้น โปรเจคท์  V Machines ของดร.สึจิยะก็เริ่มขึ้น โดยใช้ฐานข้อมูลของ โก และ เรตสึ มาสร้างรถใหม่ที่มีความเร็วสูง และลดแรงต้าน (Downforce) โดยมีพี่น้องทาคาบะร่วมวิจัย และกลายเป็น “วิคตอรี่ แม็กนั่ม” และ “แวนการ์ด โซนิค” และสามารถเอาชนะ J ลงได้ แถมยังได้เขามาเป็นเพื่อน และกำลังหลักในงานวิจัยของดร.สึจิยะต่อไป

 

Lets and go 14

ดร.โอกามิ แค้นใจหนัก ที่แพ้ให้เด็กๆ (แมนมาก!!) จึงได้วิจัยรถมาแข่งใหม่ โดยคราวนี้เป็นรถทีมสามปีศาจ “บีค สไปเดอร์” / ” บล๊อคเค่น G” และ“เรย์ สติงเกอร์” โดยรถแต่ละคัน มีจุดประสงค์เดียว คือการขยี้รถคู่แข่งให้เป็นซาก 

 

 

Letsgo (11)

 “บีค สไปเดอร์”  ใช้ความเร็วสูง จนเกิดใบมีดอัดอากาศ จนสามารถตัดทุกอย่างที่ขวางหน้าได้ และ “ไทรแด็กเกอร์” ของเรียว คือเหยื่อของรถคันนี้ 

“บล๊อคเค่น G”  ใช้น้ำหนัก และแรงบิดของมอเตอร์ ทำให้เน้นไปที่การจ่อท้าย แล้วเร่งเครื่องเพื่อวิ่งไปบดทับศัตรู

“เรย์ สติงเกอร์”  เน้นไปที่การทำลายวงจร และระบบมอเตอร์ ด้วยเข็มที่แหลมคม แทงเข้าที่รถคู่ต่อสู้ และ วิคตอรี่ แม็กนั่ม ก็ถูกเรย์ สติงเกอร์ แทงที่มอเตอร์ และพังลงในตอนที่ 37

 

Letsgo (14)

และหลังจากเจอศึกหนักครั้งนี้ ทำให้พี่น้องเซย์บะต้องพัฒนารถร่วมกับกร.สึจิยะอีกครั้ง ด้วยแนวคิด “Super Downforce Machine” ที่เน้นความเร็วที่มากขึ้น บอดี้ที่แข็งแกร่งมากขึ้น ทำมาเพื่อเป็นการโต้ตอบศัตรูโดยไม่ใช้ความรุนแรง แต่ใช้ความเร็วให้ถึงขีดสุด ด้วยตัวถังแบบใหม่ TZ Chassis และ สารประกอบ ZMC (ซีเอ็มซี) ที่เก็บไว้ในไหดอง โดยเป็นของที่รับมาจาก ผู้เฒ่าเทชชิน อ.ของดร.สึจิยะอีกที นำมาพัฒนาจนกลายเป็น “ไซโคลนแม็กนั่ม” ส่วนรถของเรียว ได้อัพเกรดด้วยสาร ZMC ทั้งคัน เพื่อเพิ่มความแกร่ง โดยใช้ชื่อว่า “นีโอ ไทรแด็กเกอร์ ZMC”

 ส่วน “เฮอริเคน โซนิค” เรตสึได้เอาไปพัฒนาที่ห้องทดลองของดร.โองามิ ซึ่งเรื่องนี้ ทำให้สองพี่น้องไม่คุยกันไปพักใหญ่ๆเลย….แต่ในหนังสือการ์ตูนจะเล่าต่างกันออกไป

เพราะในหนังสือการ์ตูนจะระบุว่า เร็ตสึ เป้นผู้โมดิฟาย“เฮอริเคน โซนิค” ด้วยตัวเอง แต่ยังเข้าโค้งได้ไม่ดี จนต้องพัฒนา “แผ่นเพิ่มแรงกด” ที่หน้าตัวรถ จนกลายเป็นรูปทรงของ “เฮอริเคน โซนิค” อย่างที่เห็นกัน…

ทั้งหมด เอาชนะรถของดร.โอกามิได้ และได้เป็นแชมป์ของการแข่งขัน GJC ในที่สุด เป็นอันจบภาคแรก

 

ภาค WGP 

Letsgo (3)

หลังจากจบศึก GJC ทั้งหมดก็กลับไปใช้ชีวิตตามประสาเด็กๆทั่วไป จนกระทั่งมีเทียบเชิญจากการแข่งขัน World Grand Prix ที่เป็นการแข่งระดับโลก (โดยไม่ได้เต็มใจ) เพราะ ผู้เฒ่าเทชชิน อาจารย์ของดร.สึจิยะ ดันไปรับปากลงทะเบียนในนามทีมชาติญี่ปุ่นไปแล้วทำให้ทั้งหมดต้องมารวมตัวในนาม “TRF Victorys” เพื่อเผชิญหน้ากับทีมต่างๆจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งทีม Savannah Soilders, AC Boomerangs, CCP Russia Fox, Rossa Strada, Cool Carebbeans, Odins Eisen Wolf , Gonki และทีมเแชมป์เก่า  NA Astrorangers  ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้า ระดับงานวิจัยของ NASA 

 

Letsgo (13)

และในการแข่ง ล้วนมีแต่รถซิ่งแปลกๆที่เต็มไปด้วยอันตราย อย่าง “ดีโอสปาด้า” ของทีม Rossa Strada ที่มาจากอิตาลี ที่ฝังใบมีดเอาไว้แทงศัตรูแบบเดียวกับ Ray Stinger  หรือจะเป็น “เบรกไกเซอร์” ของทีม Odins Eisen Wolf  ทีเน้นการวิ่งแบบทีม เพื่อเพิ่มความเร็ว หรือจะเป้นรถทีมแชม)์เก่า “บัค เบลดเดอร์” ที่มีการวิ่งแบบ ขบวนสลับ แบบท่อขับดันจรวดของนาซ่า รวมไปถึงระบบบูสเตอร์ที่เร่งเครื่องด้วยความเร็วระดับน้องๆ “ไซเบอร์ฟอร์มูล่า” ก็มีให้เห็น

Letsgo (16)

ส่วนรถของทีมพระเอก ก็จะได้รับการอัพเกรดในช่วงครึ่งหลังของภาคนี้ โดยจะมี “บีท แม็กนั่ม” และ”บัสเตอร์ โซนิค” ที่ใช้ระบบโช้คอัพในการพัฒนา (รวมไปถึง “ท่าไม้ตายใหม่ๆ”) “สปิน ไวเปอร์” และ “โปรโตเซเบอร์ EVO” ก็ได้รับการฝังวงจร AI ที่เรียนรู้สภาพสนาม เพื่อแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง และยังสามารถถ่ายทอดไปยังห้องวิจัย เพื่อปรับเปลี่ยนแผนการวิ่งในรอบต่อไปได้

 

ในรอบชิงชนะเลิศ ทีม”TRF Victorys” ก็เผชิญหน้ากับทีมแชมป์เก่าอย่าง NA Astrorangers จากอเมริกา และ Odins Eisen Wolf  จากเยอรมัน อย่างดุเดือด และแล้ว…ผลก็คือ ทีม”TRF Victorys” เฉือนเอาขนะไปได้ด้วยเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น กายเป็นตำนานแชมป์ WGP 1997 ไปในที่สุด…

 

 

Let’s & Go!! MAX

Letsgo (1)

สองปีต่อมา หลังจาก ทีม”TRF Victorys” คว้าชัยชนะในศึก WGP มาได้ “อิจิมอนจิ โกคิ” และ “อิจิมอนจิ เรตสึยะ” สองพี่น้องซึ่งเป็นลูกของ ดร.อิจิมอนจิ ผู้ประดิษฐ์รถลึกลับ ที่มักจะจับสองพี่น้องฝึกการเล่นรถ4WD ทุกๆวัน ที่โรงเรียน”บอลซอยสคูล” แต่โกคิกลับไม่ชอบวิธีการสอน และการเอาชนะของบอลซอย โกคิ จึงหนีมาอยู่กับ “โอยาคาตะ” หัวหน้าคนงานก่อสร้างจน และก็ถูกคนของโรงเรียนบอยซอย ไลล่า จนรถคู่ใจของเขา “แม็กซ์เบรคเกอร” รถของโกคิได้รับความเสียหายจากการแข่งกับเรสึยะ ดร.สึจิยะจึงยื่นมือมาช่วยเหลือโกคิ จนสามารถเอาชนะเรตสึยะ และพาเรตสึยะออกจากวังวนอันแสนชั่วร้าย และร่วมมือกันทำลายแผนการของบอลซอยลงได้สำเร็จ โดยในภาคนี้มีตัวละครเก่าๆมาแวะเวียนสร้างเรตติ้งเป็นครั้งคราวเท่านั้น…

 

 

Let’s & Go!! : Return-Racers

Letsgo (3)

“โก” และ “เรตสึ” ในวัย 30 ปี!! 

ภาคล่าสุดของซีรี่ยส์ Let’s & Go!! ที่กลับมาในรอบ 18ปี ของการ์ตูนเรื่องนี้ เป็นการเล่าเรื่องราว20ปีต่อมาของ  “เซย์บะ โก” ที่ผันตัวเองไปเป็นนักแข่งรถสูตร 1 ที่กำลังท้อแท้กับชีวิต และอยู่ๆเขาก็ก็กลายเป็นคุณพ่อ (เจ้าตัวไปซ่าส์ทิ้งไข่เอาไว้ถึงเมืองนอก) ลูกชายตัวน้อยของโก ที่ชื่อ “เซย์บะ สึบาสะ” จึงกลับมาหาพ่อที่ญี่ปุ่น และด้วยรถ Mini4WD คันใหม่ “Z วิง แมกนั่ม” ที่ช่วยกันดัดแปลงจากซากรถ F1  ทำให้พ่อลูกที่ไม่เคยเจอหน้ากัน สนิทกันมากขึ้น และความสดใสของสึบาสะ ทำให้โก กลับมาฮึดสู้ในเวที F1 อีกครั้ง  ส่วนเรตสึ ก็ดูแลร้านโมเดลซากามิ ร่วมกับจุน และทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับทีม TRF ต่อไป

 

Letsgo (7)

Letsgo (1)

 

 

รูปแบบการเล่าเรื่องของ Let’s & Go!! : Return-Racers จะไม่ได้มาเป็นตอนยาวๆอ่านต่อเนื่อง แต่จะมาในรูปแบบเรื่องสั้นจบในตอน โดยหลักๆแล้ว จะเป็นการเล่าเรื่องของ โก ให้ลูกชายฟังถึงวีรกรรมในอดีต และบางอีเว้นท์ที่ไม่เคยเล่าในฉบับไหนมาก่อน ทั้งการต่อสู้กับ Beak Stinger G หรือ Tridragger รุ่นใหม่ที่เอาขนหมีมาทำรถ หรือเหตุการณ์หลังจากภาค MAX เป็นต้น

Letsgo (2) Letsgo (4)

 Let's-&-Go-(4)

ส่วนของเล่น ไม่ต้องบอกเลยว่าจะเป็นอะไร ก็ต้อง “รถทามิย่าแน่นอน” อ่านรายละเอียดเอาที่นี่เลยครับ

รวมโครงรถทามิย่า mini 4wd ทุกรุ่น [จากอดีตถึงปัจจุบัน]

 

เป็นการ์ตูนอีกหนึ่งเรื่องที่เป้นแรงบันดาลใจให้กับหลายๆคนในเรื่องของความมุมานะ มิตรภาพ พยายาม และความไม่ท้อถอย ทำให้การตูนเรื่องนี้ยังไม่ตายไปจากความทรงจำของใครหลายๆคน…จนถึงทุกวันนี้

 

 

แอดมิน AK47

 

 

เพลงเปิดภาค GJC

 

 

เพลงเปิดภาค WGP โดย ฮิโรโนบุ คาเงยาม่า ผู้ร้องเพลง Dragonball Z

 

 

เพลงเปิดภาค MAX โดย ฮิโรโนบุ คาเงยาม่า ผู้ร้องเพลง Dragonball Z