勇者 Robot (ยูฉะโรบอต)
ออกอากาศครั้งแรก : “หุ่นผู้กล้า Exkaiser ตอนที่ 1″ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 1990
ออกอากาศครั้งสุดท้าย : “ราชันย์ผู้กล้า Gaogaigar ตอนอวสาน” วันที่ 31 มกราคม 1998
ผลิตโดย : Sunrise
บทความเก่า
Transformers [Autobots Character]
Transformers [Decepticon Character]
***บทความตอนต่อจากซีรี่ยส์ “ทรานสฟอร์เมอร์ส”ชิ้นนี้เขียนขึ้นจากประสปการณ์ ความทรงจำบางส่วนของผู้เขียน ที่ได้คุยกับผู้ใหญ่ในวงการลิขสิทธิ์การ์ตูนในไทยท่านหนึ่งเท่านั้น ถ้าผิดพลาด คลาดเคลื่อน ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ ***
———-
ในยุค 90 เป็นยุคร่วงโรยของวงการอนิเมชั่นแนวหุ่นยนต์ หรือ “Mecha Anime” เป็นช่วงที่พยายามจะนำเสนอแนวทางใหม่ๆเพื่อตอบโจทย์ของกลุ่มผู้บริโภคในช่วงรอยต่อของปลายยุค 80 ที่อุตสาหกรรมอนิเมหุ่นยนต์บูมสุดๆ บูมจนคนเริ่มเบื่อกับการนำเสนอที่เน้นหนักไปทางไซไฟ + อภินิหารซะเยอะ ยิ่ง “ทรานสฟอร์เมอร์” ที่กำลังดังสุดๆในญี่ปุ่นยุคนั้น ก็เริ่มจะหมดมุกแล้ว…
จริงๆแล้ว ต้นกำเนิดของ“หุ่นผู้กล้า” หรือ Yuusha Series เกิดขึ้นจากกระแสของ “ทรานสฟอร์เมอร์ส” ที่เริ่มเสื่อมความนิยมลงในช่วงปี’80ปลายๆ ยิ่งผลตอบรับจากอนิเมเรื่อง “Transformers Zone” น่าจะบอกอะไรได้หลายๆอย่าง ในแง่ของ “ความล้มเหลว”ในการต่อชีวิตซีรี่ยส์ จนโดนตัดเหลือแค่ OVA เพียง 1 ตอน ทั้งๆที่ร่างบทยาวเหยียดถึง 50ตอน!! เพราะฐานลูกค้าเก่าๆจากยุค ’80 ก็เริ่มเติบโตเป็นวัยรุ่น จึงเริ่มตีตัวออกห่างจากของเล่นไลน์นี้ ไปสู่ไลน์ใหม่ๆที่ท้าทายขึ้น นั่นคือ “กันดั้ม”
“กันดั้ม พลาสติกโมเดล” หรือ “กันพลา” เป็นของเล่นที่ได้รับความนิยมมากในช่วงยุค’90 จากบริษัท “บรรลัย” เอ้ย “Bandai” บวกกับเนื้อหาที่สนุก เจ้มจ้นได้ใจของ “ฆาตกรแห่งวงการอนิเม”อย่าง “ป๋าเทพ” โทมิโนะ โยชิยุกิ มือแต่งเรื่องของทางซันไรส์ ที่กำลังท๊อปฟอร์ม(เชือด)ในขณะนั้นทำให้สถาณการณ์ของบ.Takara ในฐานะผู้ถือสิทธิ์การทำของเล่นจาก”ทรานสฟอร์เมอรส์“ตอนนั้น อยู่ในขั้นย่ำแย่มากๆ…
ผู้บริหารของบ. Takara จึงนั่งคิดนอนคิด ตีลังกาคิด ยันเอาTeenก่ายหน้าผาก… ก็ได้แนวทางแก้ของปัญหานี้ ก็คือ การกลับไปสร้าง ในสิ่งที่ทำให้ทรานสฟอร์เมอส์โด่งดังในเวลานั้น…“การทำอนิเมเพื่อส่งเสริมการขาย!” แน่นอนว่า ผลงานของ “โตเอะอนิเมชั่น” ที่เคยทำทรานส์ฟอร์เมอส์มาตลอดนั้น จะเอามาใช้กับของเล่นไลน์ใหม่ไม่ได้อีกแล้ว เพราะ Quality ของงานเข้าขั้นย่ำแย่ และทาง Takara ต้องการของเล่นที่มีการประกอบร่างที่เรียบง่าย แต่ดูดี(?) แถมช่วงนั้น ซันไรส์เองก็กำลังดังกริบ ด้วย V Gundam ที่เป็นผลงานเอกในการ”เชือดตัวละครทิ้ง”ของป๋าโทมิโนะ…
ซันไรส์ ต้องการ “นายทุน” ทำอนิเมแนวใหม่นอกจากกันดั้ม …. Takara ต้องการ “เครื่องมือ” เพื่อส่งเสริมการขายของเล่นไลน์ใหม่ ที่ต่อยอดจากทรานส์ฟอรเมอร์ส….ทุกอย่างจึงลงตัว!!
“โอคาวาระ คุนิโอะ” คือชื่อแรกที่ทาง Takara หมายหัว ให้มาออกแบบหุ่นยนต์ในซีรี่ยส์ใหม่ทางป๋าคุนิโอะ ที่อยู่ในวัยไฟแรง ก็เบื่อกันดั้มเต็มกลืน อยากหาของใหม่ๆทำ…“หุ่นยนต์ผู้กล้า” หรือ Yuusha Robot จึงเริ่มเดินเครื่อง ตามรอยความสำเร็จในอดีตของ “ทรานส์ฟอร์เมอรส์”…ตามใบสั่งของTakara

ส่วนคียอนิเมชั่น ท่าโพสท์แอคชั่นต่างๆ ก็ได้ อ. มาซามิ โอบาริ ที่เชี่วชาญการวาดการ์ตูนหุ่นยนต์แอคชั่นสวยๆอันเป็นเอกลักษณ์ในช่วงปี80 มาทำหน้าที่ในส่วนของงานภาพสตอรี่บอร์ด และแอคติ้งของพวกหุ่นยนต์ในอนิเมชั่น
(หลังจากนั้นก็ไปออกแบบตัวละครพวก Fatal Fury / Street Fighter 2V และการ์ตูนOVA ช่วงปี 90ตอนต้น ก่อนจะมาเอาดีด้านเมคานิคดีไซน์เต็มตัวอีกครั้ง)
และหุ่นผู้กล้าเรื่องแรก “Yuusha Exkaiser”หรือ “หุ่นผู้กล้า เอ๊กซ์ไกเซอร์” ที่ไม่เคยฉายในบ้านเรา (555) ก็ออกสู่สายตาประชาชนชาวเลือดเหล็กไหล…ในปี 1990 เนื่องจากเพิ่งหลุดจากแนวทางของหุ่นเหล็กจากไซเบอร์ตรอนมา องค์ประกอบหลายๆอย่าง จึงยังมีกลิ่นอายของทรานส์ฟอร์เมอร์สอยู่ไม่น้อย!! ทั้งรถประกอบร่าง รวมร่าง จนไปถึงพวกไดโนบอท!! แต่ด้วยความสวยงามของงานภาพจากซันไรส์ในยุคนั้น (งานเผาน้อยมาก ถ้าเทียบกับยุคนี้) ทำให้ “หุ่นผู้กล้า เอ็กซ์ไกเซอร์” Successมากๆในช่วงปี’90 จนมีเรื่องใหม่ๆออกมาเป็นพรวน
หุ่นผู้กล้า Yuusha Robot ทั้ง 8 เรื่อง
-Yuusha : Exkaiser
-Yuusha Oh : Gaogiagar

-Yuusha Ban Garn
ซึ่งตามจริงแล้ว ยังสามารถนับเอา “Yuusha Ban Garn” (หุ่นผู้กล้า บันกัน) มารวมได้ แต่ทว่าไม่ได้เป็นอนิเมซีรี่ยส์ เพราะเป็นตัวละครเอกของเกม Playstation ที่ชื่อ Brave Saga เท่านั้น ซึ่งเป็นงานวาดโดยอ.โอคาวาระ และทาง ซันไรซ์เป็นคนวาดอนิเมแทรกลงไปในเกมดังกล่าว
โดยทาง Official ของซันไรซ์ ได้นับ Yuusha Oh : Gaogiagar เป็นเรื่องสุดท้าย ที่ทำออกมามันส์ที่สุด Epicที่สุด ประทับใจที่สุด บ้าพลังที่สุดในบรรดาหุ่นผู้กล้าทั้งหมด แต่งานนี้ ทาง Takara ไม่ได้ถือสิทธิ์ในการทำของเล่นแต่อย่างใด แต่ Bandai จัดแทน ซึ่งพอหมดยุคของ Gaogaigar ก็เท่ากับสิ้นสุดยุคของหุ่นสายผู้กล้าไปโดยปริยาย ปิดตำนานหุ่นผู้กล้าแบบอลังการไป…

ที่แปลกคือ “ทรานส์ฟอร์เมอรส์” ก็กลับมานิยมอีกครั้งกับซีรี่ยส์ Beast wars และเรื่องต่อๆมา ไม่ว่าจะเป็น Car Robot และไตรภาคยูนิครอน จนกระทั่งการมาของหนัง “ไมเคิล เบย์” ในปี 2007…
แอดมิน Ak47
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]









































