Starfield

ประเภท : Action /RPG
เครื่อง :   Xbox Series, PC
วางจำหน่าย :    1 กันยายน 2023
พัฒนาโดย :  Bethesda Game Studios

นี่คือเกมใหม่เอี่ยมจากทาง Bethesda Game Studios ที่ใช้เวลาพัฒนาบท และงาน Pre Production เกมนี้มายาวนานถึง 25 ปี กว่าจะได้ทำเกมนี้ และนี่คือความคาดหวังใหม่ของพวกเขา กับเกม Starfield

เกมนี้คือ!?

Starfield เป็นผลงานเกม “ที่เตรียมการสร้าง นานถึง 25 ปี” จาก Bethesda Game Studios ผู้สร้างThe Elder Scrolls V: SkyrimและFallout 4 ที่ได้รับรางวัล เพราะเทคโนโลยีการทำเกมในช่วงร่างโครงการยังไม่สามารถทำได้ แต่ตอนนี้ถึงเวลาของพวกเขาแล้ว โดยจะเป็นเกมสวมบทบาท RPG ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางดวงดาว ผู้เล่นสามารถสร้างตัวละครที่ และสำรวจด้วยอิสระ และนั้นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อไขปริศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ 

ปี 2330 มนุษยชาติได้ผจญภัยไปไกลกว่าระบบสุริยะของเรา มีการตั้งถิ่นฐานใหม่ๆ ที่ดาวเคราะห์ดวงใหม่ และใช้ชีวิตในอวกาศ จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในฐานะนักสำรวจพื้นที่ในอวกาศ คุณจะได้เข้าร่วม Constellation ซึ่งเป็นกลุ่มที่แสวงหาสมบัติลับ หรือ สิ่งประดิษฐ์หายากทั่วทั้งกาแลคซี และสำรวจพื้นที่อันแสนกว้างใหญ่ ของระบบสุริยะนับร้อย และซอยออกเป็นดาวนับพันๆดวง ที่มีดันเจี้ยน อีเว้นท์ และสิ่งต่างๆให้ทำมากมายจนล้น!

10 ข้อมูลของเกม

1.Exculusive ระบบ Windows 10 เปิดตัวบน Xbox Game pass ตั้งแต่วันแรกที่ขาย

Bethesda Game Studios ได้ออกมายืนยันแล้วว่า Starfield จะเป็นเกมที่ลงให้เฉพาะ Xbox ซีรีส์ X / S และ PC ในวันที่   1 กันยายน 2023 นอกจากนี้ยังจะเปิดตัวบน Xbox Game pass ตั้งแต่วันแรกที่ขาย 

2.ยำใหญ่ NASA พบ อินเดียน่า โจนส์ + Skyrim 

Starfieldจะเกิดขึ้น 300 ปีในอนาคต กับดาวที่เรียกว่า “last group” ภาพยใต้แนวคิดการพัฒนาคือ “NASA +Indiana Jones + League of Extraordinary Gentlemen” และมีความเป็น Skyrim ภาคอวกาศอีกด้วย ผู้อำนวยการ ทอดด์ โฮเวิร์ด ไม่ได้หลุดข้อมูลเกมทั้งหมดออกมาโดยตรง แต่จากตัวอย่างเกม จะเป็นการเล่นกับประเด็นที่ว่่า “ตัวเรามาทำไม มาทำอะไรในอวกาศเวิ้งว้างนี้” โฮเวิร์ด  รู้สึกว่า Starfield จะมีการนำเสนอที่ไม่เหมือนใคร  เขาระบุในการให้สัมภาษณ์ในงาน E3 ว่า “บางทีเราอาจไม่มีคำตอบทั้งหมด แต่ผมคิดว่ามันดีที่จะให้คนอื่นคิดเอาเอง”  เพราะแต่ละคน มีเป้าหมายการเดินทางไม่เหมือนกัน มันจะเป็นเกมที่ปลายเปิดมากๆ

และเกมนี้มีระบบ Gunfire แอคชั่นมันส์ๆ สุดโลดโผนในสภาวะแรงดึงดูดต่ำ โดดสูง ลอยตัว ข้ามพื้นที่ต่างๆได้มากกว่าเกมเดินหน้ายิงทั่วไปอีกด้วย เรียกว่าเป็นเกมสไตล์คาวบอยอวกาศเลยก็ไม่ผิดเช่นกัน 

3.โปรดเรียกสไตล์เกมนี้ว่า NASA PUNK

พีท ไฮนส์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดและการสื่อสารระดับโลกของ Bethesda ได้ให้สัมภาษณ์กับIGN กล่าวถึงปรัชญาเบื้องหลังเทคโนโลยีการทำเกมนี้ เขาระบุว่า เขาอยากให้ผู้ชมตัวอย่างแรก ได้สังเกตเห็นยานอวกาศ งานเขียนและวัตถุต่างๆ ที่มีอยู่ในนั้น ทีมงานพัฒนาเกม ได้จำลองมาจากของที่ใช้งานจริงใน NASA ไม่ได้เมคปุ่มมั่วๆ หรือการใช้ชีวิตในอวกาศที่มีความเรียลในผลงานที่อยู่บนพื้นฐานของนวนิยายวิทยาศาสตร์สุดโม้ของพวกเขา

ฮาวเวิร์ดกล่าวเสริมในการให้สัมภาษณ์กับทาง The Telegraph ต่อจากประเด็นข้างต้นไว้ว่า บนยานอวกาศของตัวเอก หรือใครก็ตามแต่ “มันมีมาตรฐานที่เชื่อมกับโครงการอวกาศปัจจุบันจริงๆ” 

แต่ในเกม กลับมีปืนที่แปลกๆ และดูล้ำๆ +ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ในความเป็นจริงของเกมกับไม่ใช่” ศิลปินผู้ออกแบบเกม อิสวาล เพลลี ก็เลยคิดค้นคำว่า “NASA-punk” เพื่ออธิบายความสวยงามและสไตล์ของเกมนี้ออกมาให้ชัดที่สุด

4.จัดเต็มอาวุธ อุปกรณ์สำรวจ หุ่นยนต์โดรนจิ๋ว และ ยานอวกาศ

เมื่อพูดถึงปืน เราจะเห็นปืนกระบอกหนึ่งซึ่งดูเหมือนปืนไรเฟิลจู่โจม วางอยู่บนโต๊ะในยานอวกาศของตน (มีไอคอนกะพริบ) ผู้อำนวยการ ทอดด์ โฮเวิร์ด ยังกล่าวอีกว่าจะมีอาวุธ “เลเซอร์”  , หุ่นยนต์สำรวจ , เรดาห์ และอุปกรณ์ที่จะทำให้การเดินทางในอวกาศ หรือดาวต่างๆมีสีสันมากกว่าในตัวอย่างแรก ซึ่งในเกมเต็มจะมีให้เล่นนับร้อยๆแบบกันเลยทีเดียว

นอกจากนี้ “ยานอวกาศ” สามารถโมดิฟายได้อย่างละเอียดมากๆ ตั้งแต่ถังพลังงาน ท่อไอพ่น ห้องนักบิน สะพานเรือ ไปจนถึงการเลือลูกเรือที่มีทักษะเฉพาะตัว เพื่อการเดินทางข้ามจักรวาล และสำรวจดาวนับพัน 

5.มุมมองบุคคลที่หนึ่งและบุคคลที่สาม

ตัวเกมสามารถปรับมุมกล้องได้ ตามแบบ Skyrim   ทอดด์ โฮเวิร์ด  ยืนยันในการให้สัมภาษณ์กับทาง The Telegraph โดยระบุว่า “เราชอบรูปแบบการเล่นนั้น FPS ยังคงเป็นวิธีการเล่นหลักของเรา แต่คุณก็สามารถเห็นโลกและสัมผัสสิ่งเหล่านั้นได้ในอีกมุมมองหนึ่ง”

6.Creation Engine 2

เครื่องมือการสร้างเกมใหม่ล่าสุด ที่ทำมาเพื่อเกมนี้โดยเฉพาะ ตอนนี้เรายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมัน มากไปกว่า การเป็นเอนจิ้นพัฒนาเกมที่เป็นของใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่การเอาวัตถุจากเอนจิ้นเก่าๆในค่ายมาใช้ในงานนี้

7.งานภาพ คือโจทย์ใหญ่ของการทำเกมนี้

พีท ไฮนส์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดและการสื่อสารระดับโลกของ Bethesda ได้ให้สัมภาษณ์กับIGN ว่า “เมื่อเราทำเสร็จแล้ว คุณจะเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมกราฟิกจึงมีความสำคัญ เมื่อเราเริ่มแสดงให้เห็นว่าเรากำลังทำอะไรกับเกม ทีมกำลังสร้างอะไร และสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ด้วยความคมชัดของภาพ นั่นคือ…ยอดเยี่ยมเหนือสิ่งอื่นใดที่พวกเขาเคยทำมาก่อน” 

8.ฝ่ายและเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างดาว

Constellation  หรือกลุ่มดาว อาจเป็นกลุ่มหลักของผู้เล่นในสตาร์ฟิลด์ แต่ก็ไม่ใช่กลุ่มเดียว เพราะยังมีกลุ่มอื่นๆอีกมากมายที่สามารถเข้าร่วมกับผู้เล่น นอกจากนี้ยังมีเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างดาวแม้ว่า ผู้อำนวยการ ทอดด์ โฮเวิร์ด  จะไม่ให้รายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับวิธีนำเสนอเกมนี้ ที่มีโจทย์ว่าสมจริง แต่พวกเขามีเอเลี่ยนด้วย เขาตอบง่ายๆ ว่า “มีวิธีที่เราจะใส่มันลงไป นั่นคือสิ่งที่ผมบอกได้”  เพราะมันมีแนวคิด ภาพวาดศิลปะจากตัวอย่าง “Into the Starfield : The Journey Begins” ที่บ่งบอกถึงการมีอยู่ของสัตว์ป่าต่างดาวบางตัว …ซึ่ง มันจะขัดแย้งกับสิ่งที่นำเสนอหรือไม่ แล้วจะใส่ยังไงให้เนียน ต้องติดตามต่อไปในอนาคตครับ

9.เกม RPG เข้มๆ แด่แฟนๆฮาร์ดคอร์

มีข้อร้องเรียนอีกมากๆที่ส่งมายัง Bethesda โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใน Fallout 4 ที่เกี่ยวกับแง่มุมของการเล่น RPG นั้นไม่ได้เจาะลึกมาก อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า Starfield จะแตกต่างออกไป ฮาวเวิร์ดเปิดเผยว่ามันเป็น “เกม RPG ที่ฮาร์ดคอร์ที่สุดที่เราเคยทำ” ด้วย “ระบบการ Build ตัวละครที่ยอดเยี่ยมจริงๆ” ซึ่งรวมถึงความสามารถในการเลือกภูมิหลังของตัวเอง ในแง่นั้น Bethesda กำลัง “ย้อนกลับไปสู่บางสิ่งที่เคยทำในเกม เมื่อนานมาแล้ว ซึ่งทำให้ผู้เล่นได้แสดงตัวละครที่พวกเขาต้องการอยากให้เป็นจริงๆแบบเชิงลึก” ด้วยการพูดถึงกลุ่มต่างๆ การสำรวจ และสิ่งอื่นๆ

Bethesda Game Studios รับฟังความเห็นจากผู้เล่นจริงๆ นอกจากสิ่งที่ทีมงานอยากเล่าในเกมแล้ว ยังจะมี “เรื่องอื่นๆ อีกมากมาย” ให้ผู้เล่นได้ค้นพบอีกด้วย ฮาวเวิร์ดไม่ต้องการลากผู้เล่น “ด้วยวิธีการจูงจมูก” แล้วบอกให้พวกเขาทำ “สิ่งนั้นนี้ ตามป้ายใบสั่งเควสท์” ซึ่งในStarfieldผู้เล่นจะได้เรียนรู้วิธีการจบเควสท์ที่ปลายเปิดสุดๆ ทำยังไงก็ได้ให้ผ่านเควสท์ แล้วผู้เล่นจะรู้เองว่า สิ่งไหนทำได้ หรือสิ่งไหนทำไม่ได้

10.เกมจะสเกลใหญ่มาก

Elder Scrolls 5: Skyrim และ Fallout 4เป็นเกมที่ใหญ่ที่สุดที่สตูดิโอเคยสร้างมา โดยเฉพาะในแง่ของมูลค่าการเล่นซ้ำ ทั้งสองมีฐานผู้เล่นที่ดีมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะว่ามีสิ่งให้ค้นหามากมาย หรือModสารพัดที่มี  แต่ ฮาวเวิร์ด รับรองกับผู้เล่นว่าเกมนี้ “ใหญ่กว่ามาก” เพราะเกมนี้ มีดาวทั้งหมด 1500 ดวง+ ให้สำรวจ พร้อมกับระบบสุริยะนับร้อยๆจักรวาลให้ได้ข้ามวาร์ปอย่างเมามันส์ และผลาญเวลาชีวิตกันสุดๆให้เล่นด้วย

“ผู้คนยังคงเล่นSkyrimและเราได้เรียนรู้จากสิ่งนั้น ทำให้เราใช้เวลามากขึ้นในการสร้าง [Starfield] ให้เล่นนานๆ”

แอดมิน AK47