แม้ว่ากระแสของ “ดาบพิฆาตอสูร” จะสร้างปรากฏการณ์ถล่มสถิติอย่างมากมายในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ ทั้งยอดหนังทำเงินตลอดกาล / เพลงคาราโอเกะยอดนิยม / มังงะขายดี และอีกหลายเรื่องราวที่สื่อต่างๆได้นำเสนอมาตลอด แต่มียอดสถิติหนึ่ง ที่ไม่มีวันถูกโค่นลงได้ คือ “การทำเงินให้กับนิตยสารโชเนนจั๊มป์มากที่สุด”
ไม่ใช่วันพีซ…ไม่ใช่นารุโตะ…ไม่ใช่ดราก้อนบอล…
แต่การ์ตูนเรื่องนั้นคือ “ยูกิโอ เกมกลคนอัจฉริยะ” !!
แม้ว่าในเชิงยอดขายมังงะ และสิทธิ์ในการสร้างอนิชั่น หรือสื่อวิดิโอเกมนั้น สู้การ์ตูนระดับตำนานของจั๊มป์ไม่ได้เลย
โดยเฉพาะ ยอดตีพิมพ์ 40 ล้านเล่มทั่วโลกของยูกิโอด้วยแล้ว ช่างห่างไกลนัก…ตีเป็นหนึ่งในสามของ ดาบพิฆาตอสูร และเป็นหนึ่งในสิบของ One Piece ด้วยซ้ำ!
“Yu-Gi-Oh!” ผลงานชิ้นนี้ได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสาร “Jump” ตั้งแต่ปี 1996 ถึง 2004 และเป็นการ์ตูนแฟนตาซีที่ตัวละครหลักและเพื่อนของเขาต่อสู้กับผู้ร้ายในเรื่องด้วย “การ์ดเกม” แน่นอนว่า รายได้หลักของการเอาเงินเข้าสำนักพิมพ์ กลับเป็นการขาย ลิขสิทธิ์ในการทำ” การ์ดเกม “ที่มาจาก ” Yu-Gi-Oh! Official Card Game Duel Monsters (OCG) “ซึ่งทำให้การ์ดที่ปรากฏในมังงะกลายเป็นการ์ดเกมได้กลายเป็นที่นิยมอย่างมาก และทุกวันนี้มันยังขายดีอยู่…
แม้จะมีลักษณะเกมที่ซับซ้อนในการจำความสามารถพิเศษและเวทมนตร์ของตัวละคร การ์ดแต่ละตัว รวมถึงกฎที่แบ่งย่อยเช่นเงื่อนไขการอัญเชิญมอนสเตอร์ ที่ชวนปวดหัว แต่คนทั่วโลกก็ยังคลั่งไคล้ยูกิโอไม่เสื่อมคลาย…

ในปี 2011 มีจำนวนการ์ดสะสมที่วางตลาดอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านใบ จนได้รับการรับรองจาก Guinness World Record ว่าเป็น” เกมเทรดดิ้งการ์ดที่มียอดขายสูงสุดในโลก ” โดยมีผลสำรวจจาก (อดีตเด็ก)ผู้ชายในวัย 20 และ 30 ต้องเคยซื้อการ์ดยูกิมาเล่นอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต
นับจากวันที่จบซีรี่ส์ยูกิโอ ก็มียอดขายการ์ด เฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 700ล้านใบ และนับมาจนถึงวันนี้ ยูกิโอก็มียอดที่ยังไม่ได้สรุปอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าน่าจะแตะหลัก “สามหมื่นล้านใบ” โดยประมาณเป็นเงินได้ ราวๆ “1 ล้านล้านเยน”

“ผมได้ยินมาว่า” Jump “มีรายได้เพียง 1 แสนล้านเยนที่เกี่ยวข้องกับ” Yu-Gi-Oh! แถม Shueisha ยังสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ในปี 2548 ตอนนั้นเขาพูดว่า”นี่คือวังของโชเนนจั๊มป์แห่งใหม่” แต่คนงานภายใน Shueisha แอบพูดถึงเบาๆว่า นี่มัน “วังของ Yu-Gi-Oh! มากกว่า ” (หนึ่งในทีมงานผู้เกี่ยวข้องกับการผลิตการ์ดเกมกล่าว)

แต่ก็มีข่าวลือว่า ทางด้าน อ. ทาคาฮาชิ ผู้วาดการ์ตูนเรื่องนี้ กลับได้เงินค่า LC การ์ดยูกิ ใบละ 0.1 เยน เท่านั้น…
“แต่ดูเหมือนว่า” ค่าธรรมเนียมการใช้งานสิทธิ์”ที่บริษัทเกม Konami จ่ายให้กับอ.ทาคาฮาชิใน” Yu-Gi-Oh! OCG “นั้นน้อยกว่า 1% ขายหนึ่งชิ้น … อืม…ราวๆ 0.1 เยน 0.2 เยนหรือบางอย่างนี่แหละ ” (หนึ่งในทีมงานผู้เกี่ยวข้องกับการผลิตการ์ดเกมกล่าว)
การ์ตูนเฉพาะทาง ขายของเฉพาะทาง แต่กลับได้เงินมหาศาล ไปให้สุด แล้วหยุดที่ดูเอล!
แอดมิน AK47
ที่มา 週刊女性PRIME
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]





























