สหรัฐฯ เตรียมเก็บภาษี 36% กับสินค้าจากไทย เริ่ม 1 สิงหาคมนี้ หวั่นกระทบวงการครีเอเตอร์ทั้งเกม ของเล่น และหนังไทย
08 กรกฎาคม 2568 06:18 น.
Share on FacebookTweet about this on TwitterShare on Google+

trump-sends-more-tariff-letters-bringing-to thai

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศชัดผ่านจดหมายที่ส่งถึง ฯพณฯ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทยว่า

สหรัฐอเมริกาจะเก็บภาษีนำเข้าทุกชนิดจากประเทศไทยในอัตรา 36% ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2025 เป็นต้นไป โดยให้เหตุผลว่าไทยมีมาตรการกีดกันทางการค้าทั้งด้านภาษีและไม่ใช่ภาษี ทำให้เกิดการขาดดุลการค้ากับสหรัฐฯ ในระดับที่ “ไม่สามารถยอมรับได้”

516501655_1355911459229123_7704578601341398150_n

**จดหมายเต็ม ตามอ่านที่เพจ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว**

 

จดหมายดังกล่าวถูกส่งผ่านทั้งทางราชการและเผยแพร่สู่สาธารณะผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social พร้อมข้อความเชิงกดดันว่า หากไทยยังไม่เปิดตลาด หรือยกเลิกกำแพงภาษี สหรัฐฯ ก็จะดำเนินมาตรการจัดเก็บภาษีนี้อย่างไม่มีการผ่อนปรน และหากไทย “ตอบโต้” ด้วยการเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ กลับคืน สหรัฐฯ ก็จะเพิ่มภาษีซ้อนเข้าไปอีกตามอัตรานั้น

 

ดังนั้น ไทยต้องรีบเจรจารอบใหม่ มีดีลใหม่ ก่อนหมดเวลา 1 สิงหาคมนี้

 

ในแง่ของตัวเลข อัตรา 36% ที่กำหนดนี้ถือว่า “สูงผิดปกติ” ครับ เมื่อเทียบกับภาษีนำเข้าปกติในระดับ WTO และถูกตีความว่าเป็นแรงกดดันทางการเมืองและเศรษฐกิจที่จริงจังต่อรัฐบาลไทยอย่างไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งแม้จะมีการเปิดช่องว่าอาจ “ลดหรือเพิ่ม” ได้ตามความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่เมื่อมีคำว่า “มีผลแน่นอน 1 สิงหาคม” ก็ถือว่า “คำขู่เริ่มกลายเป็นของจริง” ในทางปฏิบัติด้วยครับ

 

 

แล้ววงการ Pop Culture ไทยล่ะ เกี่ยวอะไรด้วย?

gamescom-asia-x-thailand-game-show-2025 (5)

ผลกระทบจากนโยบายภาษีนี้ ไม่ได้จำกัดแค่สินค้าเกษตรหรือเครื่องจักรอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่จะลามถึงวงการสร้างสรรค์ของไทยที่มีสายสัมพันธ์กับตลาดสหรัฐฯ มานาน ทั้งในด้าน เกม แอนิเมชัน ของเล่น งานออกแบบ รวมถึงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานส่งออก หรือบริการดิจิทัล ที่ “อาจ” ถูกมองเป็น “สินค้านำเข้า” ถ้ารัฐบาลสหรัฐได้ตีความตามบริบทใหม่ของคำสั่งที่ว่านี้ครับ

 

 home-sweet-home-rebirth (2)

ในวงการเกม…

ผลกระทบที่เห็นชัดคือ ทีมพัฒนาเกมไทยที่เคยขายเกมในสหรัฐฯ ผ่าน Steam หรือ App Store อาจโดนหักภาษี หรือถูกลดโอกาสเข้าถึงตลาดทันที โดยเฉพาะหากรัฐบาลสหรัฐฯ ตีความว่า “เกมดิจิทัลจากไทย” เป็นสินค้านำเข้าแบบเดียวกับสินค้าแบบแผ่นเกม  ยิ่งถ้าทีมเกมไหนกำลังมีแผนวางขายเกมแบบแผ่นในตลาดอเมริกา จะต้องเจอกับภาษี 36% ที่ทำให้ต้นทุนสูขึ้นแบบฟ้าผ่าทันที

 

ยิ่งไปกว่านั้น สตูดิโอแอนิเมชันไทย ที่เคยรับงานจากอเมริกา ทั้งงาน การ์ตูน 2D / 3D, งานโมชั่น, หรือโปรเจกต์แอนิเมชันร่วมทุน ก็อาจเสี่ยงโดนลดงานจ้าง เพราะเชื่อว่าผู้ว่าจ้างในสหรัฐฯ ไม่พร้อมจ่ายค่าภาษีเพิ่ม 36% จากบริการที่มาจากไทย

 

สถานการณ์นี้อาจทำให้ไทยเสียฐานการผลิตที่มีศักยภาพให้กับคู่แข่งอย่าง เวียดนาม อินเดีย หรือแม้แต่ เม็กซิโก ซึ่งยังไม่ถูกเก็บภาษีในระดับเดียวกัน

 

10-michael-bay-movie-recommended (9) 

ส่วนวงการของเล่นและของสะสม…

ผลกระทบถือว่ารุนแรงที่สุดในเชิงรูปธรรม เพราะสินค้าเหล่านี้มักผลิตและส่งออกไปยังตลาดอเมริกาในลักษณะ OEM หรือแบรนด์อาร์ตทอยต่างๆ งานสะสมไทยที่ขายให้แฟนๆ ต่างชาติ หากสินค้าเหล่านี้ถูกตีว่าเป็น “made in Thailand” โดยตรง จะโดนภาษี 36% ทันที ซึ่งหมายความว่า ลูกค้าชาวอเมริกันอาจยกเลิกคำสั่งซื้อในกรณีเป็นนักสะสม , หรือ ย้ายฐานผลิต เปลี่ยนซัพพลายเออร์ไปประเทศอื่นในแง่ของการผลิตเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งนั่นทำให้ทั้งภาคการผลิตและงานดีไซน์ของเล่นจากไทยเสียหายอย่างมากเลยทีเดียวครับ

 

แม้แต่ตลาดของเล่นมือสองหรือของสะสมที่ขายบน eBay ก็ไม่รอด หากเจ้าหน้าที่ศุลกากรของสหรัฐฯ เริ่มตรวจเข้ม และคิดภาษีจากต้นทางไทย ผู้ขายรายย่อยหรือร้านค้าเล็กๆ ก็จะหมดโอกาสแข่งขัน และผู้ซื้อในสหรัฐฯ จะมองหาของจากประเทศอื่นแทน

 

Home Sweet Home Rebirth (3)

วงการภาพยนตร์ไทยเองก็หนีไม่พ้นแรงกระเพื่อมจากนโยบายนี้…

เพราะไทยก็มีการขายลิขสิทธิ์หนังไปยังสหรัฐฯ อยู่ไม่น้อย ทั้งในแบบฉายในโรง ฉายออนไลน์ หรือขายให้ช่องเคเบิล แถมได้รับความสนใจไม่น้อย หนังไทยบางเรื่องสามารถทำเงินหรือคว้ารางวัลในตลาดอเมริกา เช่น “ฉลาดเกมส์โกง” (โชคดีที่ขายไปแล้ว ถ้ามาขายตอนนี้คือยากแน่ๆ), หรือแม้แต่หนังที่กำลังจะสร้างอย่าง Rambo ภาคย้อนวัยหนุ่มที่เพิ่งประกาศว่าจะถ่ายทำในไทย  , หรือ การจ้าง post-production อย่างตัดต่อภาพ, ทำเสียง, ทำ color grading ในไทย…

Home Sweet Home Rebirth (5)

หากอเมริกาเริ่มคิดภาษีการซื้อสิทธิ์หนังไทย จากการตีความในฐานะ “digital goods” หรือ “บริการจากต่างประเทศ” ส่งผลต่อต้นทุนในสหรัฐฯ จะสูงขึ้นทันทีครับ

 

และนั่นหมายความว่าโอกาสของหนังไทยในตลาดอเมริกาจะลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเท่ากับว่า ทางเค้าจะต้องจ่ายแพงขึ้น ถ้าเอาหนังไทยไปฉาย  และนั่น ก็อาจทำให้สหรัฐฯ เลือกไปจ้างอินเดีย แคนาดา หรือยุโรปตะวันออกแทน

 

10-thing-about-power-ranger-the-movie-1995 (4)

ผลอีกด้านที่ไม่ควรมองข้ามคือ หากไทยตัดสินใจตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าหนังจากสหรัฐฯ เช่น Disney, Warner, Universal, Paramount ฯลฯ  จะกระทบต่อผู้ชมไทยโดยตรง 

 

แถมหนังเหล่านี้คิดเป็นรายได้ box office ในไทยมากกว่า 80%

 

หากต้นทุนสูงขึ้น ผู้จัดอาจต้องลดรอบฉาย, ขึ้นราคาตั๋ว, หรือแม้แต่เลิกนำเข้าเรื่องบางเรื่องที่ไม่คุ้มค่าต้นทุน

 

ส่งผลโดยตรงต่อคอหนังในไทย ที่ มีโอกาสที่จะพลาดหนังบางเรื่องไปด้วย

 

แต่หากไทยเลือกที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ บ้าง ก็ต้องย้อนกลับไปอ่านดีๆ เพราะทรัมป์ระบุในจดหมายชัดว่“เราจะเพิ่มภาษีนั้นเข้าไปใน 36% ที่เรากำหนดไว้แล้ว” นั่นหมายความว่า การโต้ตอบแบบสะท้อนกลับอาจยิ่งทำให้ไทยเสียเปรียบมากขึ้นในภาพรวม โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าดิจิทัลหรือคอนเทนต์สร้างสรรค์ที่ไม่มีทางหาตลาดใหม่ได้ง่ายๆ

 

 5 Reason why adult in thailand balming video games  (3)

สรุปคือ คำสั่งของทรัมป์รอบนี้ แม้ดูเป็นนโยบายเศรษฐกิจ แต่กลับส่งผลกระทบตรงๆ กับ “วงการสร้างสรรค์” ของไทยอย่างหนักหน่วง ทั้งเกม, การ์ตูน, ของเล่น, ของสะสม และภาพยนตร์

 

การเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ยังมีเวลารอบใหม่ “ก่อนถึงเส้นตาย 1 สิงหาคม” จึงไม่ใช่แค่เรื่องเกษตรหรือพลังงานอีกต่อไป แต่นี่คือการตัดสินใจสำคัญที่อาจชี้ชะตาอนาคตของอุตสาหกรรมครีเอทีฟไทยในเวทีโลกพ่วงไปด้วยกลายๆ

 

หากไทยยอมเปิดตลาดหรือเพิ่มโควตาการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ก็อาจรักษาสิทธิ์บางอย่างไว้ได้

 

 

แต่หากไม่มีข้อตกลงเกิดขึ้นทันเวลา…หรือเจรจาล่าช้า หรือดีลไม่ถูกใจลุงตั้ม…

 

ภาษี 36% นี้จะกลายเป็นเครื่องกีดกันขนาดใหญ่ที่ทำให้สินค้าสร้างสรรค์ไทย “ถูกตัดทิ้ง” ในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของโลกแห่งหนึ่งครับ

 

เรื่องนี้เป็นงานยากของผู้มีส่วนรับผิดชอบแน่นๆน  และเกี่ยวข้องกับเราๆท่านๆด้วย… ไม่ทางตรง ก็ทางอ้อม 

 

จับตาดูให้ดี!!

 

 

แอดมิน AK47

 

 

#TrumpTradeWar #ภาษี36เปอร์เซ็นต์ #สงครามการค้า #CreativeIndustryCrisis #เกมไทย #ของเล่น #หนังไทย #ภาษีนำเข้า  #TrumpThailandTariff  #ThaiFilmIndustry