‘The Zone of Interest – วิมานนาซี’
อำนวยการสร้าง / ผู้กำกับ Jonathan Glazer
บทดัดแปลงจากนิยาย The Zone of Interest ของ Martin Amis ร่วมด้วย Jonathan Glazer
แสดงนำ : Christian Friedel / Sandra Hüller / Johann Karthaus
กำหนดฉาย 7 มีนาคม 2024
ภาพยนตร์รางวัล Grand Prix จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เข้าชิง 5 รางวัลออสการ์ และอีกกว่า 100 รางวัลภาพยนตร์ทั่วโลก ผลงานของ โจนาธาน เกลเซอร์ (Under The Skin) นี่คือความอาร์ตชวนอึดอัดของค่ายกักกันเอาช์วิทซ์ ใน ‘The Zone of Interest – วิมานนาซี’
The Zone of Interest ดัดแปลงมาจากหนังสือในชื่อเดียวกันของ Martin Amis ที่ออกตีพิมพ์ในปี 2014 โดยผู้แต่งนวนิยายต้นฉบับดังกล่าว เสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2023 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายรอบปฐมทัศน์โลกในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ด้วย
ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวในช่วงปี 1943 ช่วงเวลาของสงครามโลกครั้งที่ 2 เล่าเรื่องราวของ รูดอล์ฟ เฮิส (Christian Friedel) ผู้บัญชาการค่ายกักกันเอาช์วิทซ์ ที่ต้องการจะสร้างคฤหาสน์ในฝัน เพื่อใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับภรรยาและลูกๆ โดยมีฉากหลังเป็นโรงเผาศพของผู้ที่ถูกคุมขัง
ผู้กำกับโจนาธาน เกลเซอร์ ใช้กล้องแบบฟิกจุดถ่ายทำมากถึงห้าตัวในบ้านและสวนโดยไม่มีทีมงานมองเห็นได้ เพื่อบันทึกหลายๆ ฉาก ดังนั้นนักแสดงจึงไม่รู้ว่าพวกเขาถูกถ่ายทำหน้ากล้องในระยะใกล้หรือมุมไหนเลย ทำให้พวกเขาเข้าถึงบทในฉากนั้น และสนุกกับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่สมจริงแบบไม่ได้รู้สึกว่าถูกถ่ายทำภาพยนตร์อีกด้วย และนั่นทำให้ภาพยนตร์มีฟุตเทจรวมกันกว่า 800 ชั่วโมง และตัดมาทำภาพยตนร์เพียง 1 ชั่วโมง 45 นาที อีกทั้งตัวภาพยนตร์ใช้งานเสียงประกอบหลักจากหน้างาน มากกว่าเพลงประกอบที่มาใส่ทีหลังในขั้นตอน Post Production อีกด้วย
รีวิว
เป็นภาพยนตร์สารคดีที่มี “มิติลึก” ในแง่ของความเป็นอยู่ที่จิกกัด และสร้างภาพ “ขั้วตรงข้าม” ของชีวิตที่แสนสงบสุขดุจฝันหวาน แต่เพียงอีกฟากของกำแพงบ้าน คือเสียงโหยหวนของชาวยิวที่อยู่ใน ค่ายเอ้าทชวิทช์ ที่ภาพยนตร์ เลือกใช้ “เสียงกรีด้อง เสียงเครื่องจักรต่างๆที่น่าหนวกหู และเป็นเชิงลบ” มากกว่าการสร้างซีนความโหดร้าย อันเป็นการทำซ้ำความหดหู่ อย่างที่ภาพยนตร์หลายๆเรื่องเลือกทำ
แต่กับเรื่องนี้ ใช้งานเพียงโลเคชั่นบ้านหรูของนายทหารผู้มีตัวตนจริงอย่าง รูดอล์ฟ เฮิส ที่ตัวภาพยนตร์ได้นำเสนอชีวิตครอบครัวที่แสนเรียบง่าย จนช่วงท้ายได้นำเสนอมุมแสนจะบิดเบี้ยวทางความคิดของชายคนนี้ จนกลายเป็นหนึ่งในอาชญกรสงครามที่เหมาะสมกับการรับโทษตามหน้าประวัติศาสตร์จริง
ตัวภาพยนตร์มีจุดขายสำคัญอย่าง งานภาพ ต้องยอมรับว่าหนังสายรางวัล ส่วนมากจะเน้นความละเมียดในการจัดองค์ประกอบศิลป์ แสงเงา วัตถุให้ออกมามีมิติ ฉากเรียบง่ายแต่ไม่กลวงจนเคว้ง มีดีเทลต่างๆที่น่าค้นหา
ทั้งบ้านสวยเรือนงาม แต่ข้างหลังเต็มไปด้วยหมอกควันจากการเผาซากชาวยิว ในค่ายที่เผากันแบบ 24ชม.สลับเตา เป็นความคอนทราสท์ที่น่าสนใจ ดูหดหู่ในเชิงสัญลักษณ์ มากกว่าการนำเสนอตรงๆแบบหนังตลาด จุดนี้ตัวภาพยนตร์ชอบเล่นกิมมิคแบบนี้แทบจะทั้งเรื่อง

โดยเฉพาะช่วง 5 นาทีสุดท้าย คือ ถ้าคุณไม่ได้อ่านประวัติศาสตร์เกี่ยวกับค่ายเอาทชวิทช์ หรือตัวผู้พันเฮิส ก็จะงงๆว่า เค้าอยากสื่ออะไร? ซึ่งหลายคนในโรง เหวอมากๆ ก็จัดเป็นท่ายากของผู้กำกับเค้าอีกหนึ่งท่า ที่ต้องตีความกันมากๆ
ตัวภาพยนตร์ สามารถตีค่าความสนุกของเรื่อง “เป็นกราฟเส้นตรงนิ่งสนิทจนถึงฉากสุดท้าย” ไม่มีจุดลุ้น จุกที่ดูสนุก แต่ไม่ใช่สิ่งที่แย่ มันกลางๆไปหมด และถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ในการเล่าเรื่องแบบนิ่งๆอย่างนี้ ในประเด็นละเอียดอ่อนสุดๆ เพราะถ้าภาพยนตร์มีอารมณ์สวิง สนุก ลุ้นเมื่อไหร่ จะกลายเป็นการ “เลือกข้าง” ทันที เพราะการนำเสนอที่มีสีสัน มันจะต้องถูกขับเคลื่อนด้วยอีเว้นท์ที่ “ไม่นิ่ง” ต้องมีจุดต่างๆมากมายที่พลิกผัน ผลักดัน ไปต่อ แต่กับเรื่องนี้ ไม่มีอะไรแบบนั้น มันเหมือนเรานั่งดู Reality Show แบบชิวๆ ที่มีฉากหลังเป็นค่ายกักกันสุดโหดมากกว่า…
โดยรวม สมกับหนังชิงรางวัลออสการ์สาขางานภาพ บท สารคดี และงานเสียง ของปีนี้
น่าจะมีรางวัลติดมือมั่งละ
แอดมิน AK47
งานศิลปะเสียดสีสงครามโลก ที่จะพาคุณลงลึกในความมืดและพิศวงในจิตใจ
‘The Zone of Interest – วิมานนาซี’
7 มีนาคม 2024 ในโรงภาพยนตร์
#TheZoneofInterest #วิมานนาซี #ภาพยนตร์ #Oscars # A24 #JonathanGlazer
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]































