ผู้เช่า-The Tenant
แสดงโดย : อำภา ภูษิต / ปีโป้ ณัชพัณณ์ / แอนโทเนีย โพซิ้ว
ผลิตโดย : V-Love Studio
กำหนดฉาย : 16 พฤษภาคม 2024
เรื่องราวเริ่มขึ้น เมื่อมีเหตุหญิงสาวฆ่าตัวตายในหอพักแห่งหนึ่ง ทำให้หอพักแห่งนี้ผู้เช่าต่างพากันย้ายออกและเหลือผู้เช่าเพียงไม่กี่คน จนวันหนึ่ง “มาร์ช” นักศึกษาคณะนิเทศได้เข้ามาเช่าหอพักแห่งนี้ เพราะมีค่าเช่าที่ราคาถูกและตอนนี้เขาเองก็ถังแตกแบบสุดๆ จนเขาได้รับรู้ความจริงว่าที่ห้องเช่าราคาถูกมากขนาดนี้สาเหตุเพราะมีการฆ่าตัวตาย ิแต่เขาก็ยังคงต้องอยู่ในห้องเช่านี้ต่อไปเพราะช่วยเขาประหยัดและเหลือเงินใช้จ่ายเพียงพอ และผู้อาศัยในห้องเช่าแห่งนี้ก็ดูเป็นมิตร แม้จะมีบางอย่างแปลกประหลาดซ่อนอยู่ก็ตาม…
มี ป้าธิดา ผู้จัดการห้องเช่าที่ใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส
เฟย หนุ่มเกเรลูกผู้จัดการหอพักที่เอาแต่ทุบตีแม่ และทำร้ายเมียตัวเอง
นิด คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เงียบและไม่ค่อยสุงสิงกับใคร
ก๊อต นายแพทย์หนุ่มผู้ลึกลับ
และ ซอล นักศึกษาแพทย์แฟนคุณหมอซึ่งทำให้เขารู้สึกปลอดภัยกับหอพักแห่งนี้

แค่ความน่ากลัวของเรื่องราวสยองขวัญที่ซ่อนอยู่ในหอพักแห่งนี้ก็สร้างความหวาดกลัวในโลกออนไลน์มาแล้ว
แต่วันหนึ่ง“มาร์ช”ก็ได้ล่วงรู้ความจริงถึงสาเหตุของเรื่องราวอันน่าขนลุก และนำเขาไปสู่ความวุ่นวายในระดับ บ้าเลือดขั้นสุด…
ระหว่าง “ผี” กับ ” คน”…ใครจะน่ากลัวกว่ากัน
REVIEW
สนุกในระดับดูเพลิน มีความหวือหวา กดดันใน Mood and Tone
แต่เมื่อดูต้นจนจบแล้ว กลับรู้สึก “ดันบาร์ไม่สุด”
ภาพยนตร์ความยาวราวๆ 80 นาที ที่หน้าหนังนำเสนอความน่ากลัวของอพาร์ทเม้นท์คุณป้าที่มีผีสิง และนักศึกษาหนุ่มที่ถังแตก ยอมอยู่ในตึกผีแห่งนี้ พร้อมกับความสงสัยกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในหอนี้…ซึ่งการปั้นตัวละครนี้ให้มีความสงสัยในระดับประดิษฐ์จนน่ารำคาญนั้นไม่ได้เป็นผลดีกับภาพยนตร์เลย ดูแล้วไม่ธรรมชาติ ดูแล้วรู้สึกเหมือน “พาตัวเองไปเจอเรื่องบ้าบอด้วยตัวเอง” มากกว่า ดวงซวยมาเจอผี…และมิติตัวละครพระเอก ออกจะ “ยัดเยียด” ปมต่างๆ เพื่อให้เอามาใช้งานในการหาทางลงให้กับเรื่องราวทั้งหมดมากเกินไปจนรู้สึกอึดอัด Cringe และอิหยังหวะในตัว…
รวมไปถึงบท และการนำเสนอที่ยังรู้สึก ขาดๆเกินๆ เพราะต้นเรื่อง เปิดมาให้เรารู้สึกว่าเป็นภาพยนตร์สยองขวัญลี้ลับเหนือธรรมชาติ แต่พอไล่มาถึงกลางๆเรื่อง กลายเป็นแนว Slasher ไล่เชือดเลือดท่วมจอ…แล้วจบลงด้วยอะไรก็ไม่รู้ 55+
ตรงๆส่วนตัวชอบนะ พระเอก และ ป้าผู้จัดการห้องพัก เป็นตัวแบกเรื่องที่ดีมากๆ และชอบในความกล้าที่จะแหวกสิ่งที่หนังผีไทยชอบทำคือการเล่นกับความเชื่อสิ่งรอบตัวที่คนดูรู้สึกคุ้นชิน แต่กับเรื่องนี้เซตติ้งออกไปทางแฟนตาซีสยองลี้ลับ มันเป็นส่วนผสมที่ดูดี ดูอินเตอร์ น่าสนุก แต่เอามารวมกันในโปรดักชั่นที่ออกไปทางละครเย็นๆช่องน้อยสีไปหน่อย (เข้าใจได้ว่า Budget ไม่สูงมาก) และเส้นเรื่องต่างๆ อาจจะยังไม่ถูกที่ทาง ขาดๆเกินๆ ก็ทำให้รู้สึก “ตลก” มากกว่า “น่ากลัว” ไปซะงั้น
แต่ไม่ใช่ว่าที่กล่าวมา เราไม่ชอบนะ อย่างที่บอก คือ เราชอบเลยล่ะ มันดูจอยๆ ดูแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะนักแสดงทุกคนในเรื่องทำหน้าที่ได้ดี ตีบทได้น่าเชื่อถือ (แค่พฤติกรรมและเนื้อหา ทำให้ตัวละครดูงี่เง่าไปหน่อยก็ตาม)
และยิ่ง 10 นาทีสุดท้าย คือ คุณปล่อยจอยได้เลย แล้วมานั่งดูความบ้าบอของหนังที่ ทั้งผี ทั้งคน ทั้งคาวเลือด และอะไรก็ไม่รู้มาปั่นรวมกันแบบอีรุงตุงนัง วุ่นวายป่าช้าแตกใช้ได้ ซึ่งน่าเสียดาย ถ้ามีการปรับเซตติ้งการเล่าให้ “เฉียบคม”กว่านี้ มันจะเป็นซีนที่สุดยอด และทำให้สิ่งต่างๆในภาพยนตร์ ได้รับการ “ปิดแผล” ที่ทิ้งไว้ได้ดีกว่านี้ ถ้าให้เห็นภาพ ตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ เหมือนแผลของคนที่โดนฟันมาเหวอะ(ตัวบท) แล้วมาถึงมือหมอ (ผกก.) ก็ได้ลงมือรักษา แต่ก็ยังมือไม่นิ่งพอที่จะเย็บแผล ทำให้รอยเย็บแผลยังดูสะเปะสะปะ แต่ก็หาทางจบได้ แม้จะไม่สวยงามอย่างที่คาดหวังเท่าไหร่
และ End credit 2 ตัว ที่ทิ้งไว้ จัดว่าเข้าท่า และทำให้เราคิดได้ว่า
“มนุษย์ เราก็งี้แหละ หาทุกวิธีเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีในการเบียดเบียนคนอื่น”
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ทีมงาน สร้างผลงานกันต่อไปครับ
เชื่อว่าพวกคุณมีของ ทำงานในงบ ฉาก สถานที่ ที่จำกัดแล้วออกมาได้ขนาดนี้
ถือว่าไม่ธรรมดาครับ!!
แอดมิน Ak47
#ผู้เช่า #thetenant ฉาย 16 พฤษภาคม 2024
#ฉายแสงแอดเวนเจอร์
#ShinesaengAdVenture
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]































