Silent Hill: The Short Message [Review / PS5 / สปอยเนื้อเรื่อง]

Silent Hill: The Short Message

ประเภท : Horror
ผู้พัฒนา : Konami
เครื่อง :   PS5

เล่นฟรีได้แล้ววันนี้

อีกหนึ่งความสยองที่ทางโคนามิแทงกั๊กไว้ และแอบจดทะเบียนอย่างลับๆ มานานหลายเดือน กับเกม Silent Hill: The Short Message ที่จะลงให้ระบบ PS5 แบบเล่นฟรี!

 

คำเตือน Silent Hill: The Short Message จะมีธีมที่เกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย ความรุนแรง ความสยองขวัญ และผสานแนวจิตวิทยาเชิงสำรวจ โปรดใช้วิจารณญาณในการเล่น

 

คำเตือนในเกม สื่อให้เห็นว่ามีบางจุด อาจจะไปกระตุ้นคนบางกลุ่มได้ เพราะเนื้อหาค่อนข้างละเอียดอ่อนพอสมควร

 

 

 

REVIEW 8/10

เนื้อเรื่อง 3/3

เกมเพลย์ 1/3

กราฟิก ปัญหาทางเทคนิค   3/3

ความชอบ 1/1

แต้มเต็ม 3 คะแนน ในแต่ละหัวข้อ 0=ไม่ไหว / 1 =พอไหว / 2 = กลางๆ / 3 = เจ๋ง

(รีวิวนี้ เล่นในระบบ PS5)

 

เราสามารถกล่าวได้ว่า นี่คือเกมคั่นเวลา ที่ทำมาเพื่อสำรวจฟีดแบคจากคอเกม ถึงทิศทางของการทำเกม Silent Hill ในแนวทางใหม่ๆ ที่อาจจะไม่ต้องยึดกับเมืองห่าผีต้นฉบับ หรือตัวละครดั้งเดิม แต่จะเป็นที่ไหนก็ได้ ขอแค่ตัวละครจิตใจอ่อนแอ มีปม หรืออะไรซักอย่างที่ไป Triggered จนกลายเป็นคำสาปที่เชื่อมโลกจริงและโลกสนิมได้…

โดยเนื้อหาในเกม จะเล่าถึงตัวละคร “อานิต้า” ที่มีปมบางอย่างในใจ และส่งผลให้เธอต้องติดอยู่ในลูปนรกของห้วงคำนึงถึงความหม่นหมอง ทุกข์ตรมและถ่ายทอดออกมาเป็นตึกร้างในหมอกเงา และสิ่งเลวร้ายที่ไล่ล่าเธอ เรื่องราวของเกม จะถูกร้อยเรียงผ่านสถานการณ์ และเอกสารต่างๆที่เรียงรายตามทาง มันถูกปรับเข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน ที่ผู้คนผ่านวิกฤตการณ์ COVID-19 + ทฤษฎีของเกม Silent Hill ภาคหลังๆ ที่ว่าด้วยอาการทางจิต

 

และยิ่งเราเล่นไปไกลเท่าไหร่ เนื้อเรื่องก็จะค่อยๆคลายปม และทำให้เราเข้าใจวัยรุ่นในยุคโซเชียล ที่มีการ Cyber Bullying จากคำพูดพล่อยๆไม่ยั้งคิดของคนไม่กี่คน แต่ได้กรีดลึก ทำร้ายจิตใจจนถึงแก่น และนำไปสู่โศกนาฎกรรม ที่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก และไม่นานก็เป็นเพียงแค่ข่าวกรอบเล็กๆเท่านั้น

 

ดังนั้น สัญญะในเกมที่แฝงมานั้น หาเราพิจารณากันดีๆแล้ว วัยรุ่นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ก็ต้องการ “เพื่อนที่ดี” … เพื่อนที่ไม่ต้องพูดอะไรมาก แค่เป็นกำลังใจ เชื่อมั่น และก้าวผ่านความทุกข์ และร่วมสุขไปด้วยกันเท่านั้นจริงๆ…จุดนี้ค่อนข้างสะท้อนสังคม และชวนให้ตั้งคำถามว่า ในยุคโซเชียลที่คนหันหน้าใส่มือถือกัน สาดความคิดอันเป็นปัจเจกใส่กันนั้น มันได้ทำร้ายใครไปบ้างหรือเปล่า?…อย่าลืมว่า “ความแข็งแกร่งทางจิตใจ คนเราไม่เท่ากัน” เรื่องขำๆของเรา อาจจะหนักหนาสำหรับอีกคนก็ได้…

 

แน่นอนว่า พาร์ทเนื้อเรื่อง เราต้องมานั่งตกตะกอนกันซักนิด รวบรวมสิ่งต่างๆมานั่งประกอบกัน ได้ขบคิด และเราเชื่อว่า  Silent Hill ในแนวทางนี้ มันน่าสนใจมากๆ เพราะเข้าข่าย เกมจบ คนไม่จบ นั่นเอง…

ส่วนเกมเพลย์ ถ้ามองในมุมของเกม ก็สามารถจัดอยู่ในประเภท Walking Simulator ที่ “ไม่มีเห้อัลไลเลย” เกมจะให้คุณเดิน…เดิน…แล้วก็วิ่ง ใส่เกียร์หมาในด่านที่มืด แคบ วนไปๆมาๆ เต็มไปด้วยสิ่งกีดขวาง ก่อนที่เราจะติดแหง็กกับก้อนโพลีก้อนอะไรซักอย่างแบบโง่ๆ แล้วก็โดนผีที่ไล่หลังเราหักคอ 

 

แต่ต้องยอมรับว่า การวิ่งหนีจากผีในเกมนี้ ก็ชวนให้นึกถึงการวิ่งหนีจาก ไอ้ตัว Void ใน Silent Hill: Downpour แต่มาในเวอร์ชั่นที่น่ารำคาญน้อยกว่ามาก 

 

ข้อดีคือเกมให้คุณเริ่มต้นใหม่ในจุดที่ไม่ไกลมากนักถ้าคุณตาย แต่เราก็ไม่อาจรู้เลยว่า เราผ่าน Checkpoint อะไรตรงไหน ดังนั้นก็เป็นจุดที่น่าอึดอัดใจใช้ได้ ตัวเกมไม่มีอะไรมากไปกว่าที่กล่าว สิ่งที่คุณทำได้ คือการเก็บเอกสาร เดินทางผ่านซอกหลืบ ทางเดินแคบๆ หนีผี เมคานิคนี้ถูกใช้ซ้ำแบบวนลูป จบเกม..

ส่วนงานภาพ จัดว่า ถ้าเราเอาทั้งความน่ากลัวของงานศิลป์ บรรยากาศ เสียง ดนตรี ที่ได้ อากิระ ยามาโอกะ ที่ทำงานให้ซีรีส์นี้มายาวนานมาคุมงานด้วย ทำให้ผลงานไปในทิศทางเดียวกับการนำเสนอเนื้อเรื่อง ถือว่าเกมนี้ทำเกินหน้าคำว่าเกมเล่นฟรีไปไกลมาก ฉากหลังคือตึกเก่าๆในเมืองที่สะท้อนถึงความกลัว และความบอบช้ำทางจิตใจที่เลวร้ายที่สุดของตัวเอก ได้ขยายความน่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นไปทั่ว และยังเป็นโลกที่ผ่านช่วง COVID-19 ที่มีการหยิบมาอ้างอิง เสริมความอินเพราะมันใกล้ตัวเรามากๆด้วย…

 

หรืออาจจะเป็นเพราะทีมงานที่ทำเกมนี้ คือหนึ่งในทีมงาน Resident Evil 7 มาก่อน เพราะการใส่ความน่ากลัว จังหวะ Jmpscare หรือการไล่ล่า ที่เป็นเนื้อเดียวกับองค์ประกอบต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น ชวนให้คิดถึงช่วงการลุยบ้านผีชีวะเชื้อเราของตระกูลเบกอร์ พอสมควร

 

ในภาพรวมทั้งหมด เราว่านี่คือสิ่งที่ทำให้เป็นเกมที่จัดว่าเจ๋งมากๆ

 

สรุปแล้ว แม้ว่าเกมเพลย์จะจืดชืด และเนื้อหาค่อนข้างสั้น แต่ถ้ามองด้วยใจที่เป็นกลางๆ ก็ยอมรับได้ เพราะคุณจะเอาอะไรกับเกมฟรี ความยาว 1 ชั่วโมงนิดๆ (ตามสปีดการเดินวิ่ง และความตระหนกตกใจ 555+) ได้ขนาดนี้ ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว

 

เนื้อเรื่องดาร์คๆ เข้มข้น สมจริง ดึงคนเข้าไปอินกับเรื่องได้ จบในตัวไม่มั่วกาชา ไม่บ้าแอคชั่น ได้ความสยอง ขนลุก ก็ ถือว่า “คุ้มค่าเน็ต” ที่โหลดมาเล่นแล้วครับ

 

 

แอดมิน AK47

 

 

 

 

สปอยล์เนื้อเรื่อง

 

 

-

-

 

Silent Hill: The Short Message มีเรื่องราวเกิดขึ้นในเมือง เคตเทนสตัดท์ (Kettenstadt)  ประเทศเยอรมนี เมืองแห่งนี้ มีเศรษฐกิจตกต่ำจากเหตุ COVID-19 แทนที่จะเป็นเมือง Silent Hill เหมือนเกมภาคก่อนๆ เป็นเมืองที่มีแนวคิดที่จะถูกบูรณะฟื้นฟู พร้อมโครงการคอนโดหรูมากมาย แต่พิษเศรฐกิจ ส่งผลให้โครงการไม่สามารถสานต่อได้ ผู้คนตกงาน ความเครียด และความรุนแรงในครอบครัว เริ่มมีผลต่อประชากรในเมือง…

 

โดยคำว่า Silent Hill ถูกนำมาเป็นคำจำกัดความของอาการทางจิตที่เรียกว่า Silent Hill  Phenomenon ที่ผู้ที่มีอาการเหล่านี้ จะเป็นคนที่มีปมในใจ จิตใจอ่อนแอ และเริ่มเห็นหมอก หรือภาพที่ต่างจากคนทั่วๆไป เป็นภาพหลอนที่สะท้อนความสำนึกผิด ตั้งชื่อตามหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งในอเมริกา ที่เกิดเรื่องราวนี้เป็นครั้งแรก

 

เกมดังกล่าวเกิดขึ้นภายในอพาร์ตเมนต์ร้างที่เรียกว่า “วิลล่า” ซึ่งเป็นจุดยอดนิยมของเหล่าศิลปินกราฟฟิตี้ และยังเป็นจุดฆ่าตัวตายอันโด่งดังในหมู่วัยรุ่น ที่นี่เต็มไปด้วยผลงานศิลปะข้างกำแพง มากพอๆกับกองช่อดอกไม้ไว้อาลัย…มีความสวยงาม และสยองขวัญในเวลาเดียวกัน…

เรื่องราวเริ่มต้นที่  “อานิต้า” มาที่อพาร์ตเมนท์ร้างวิลล่าเพื่อพบกับ “มายะ” เพื่อนของเธอ ที่เป็นศิลปินกราฟฟิตี้ ชื่อดังทางอินเทอร์เน็ต ในนามแฝงว่า  CB หรือ  Cherry Blossoms

 และเมื่อเข้ามา  อานิต้า ก็เดินตามรอยงานศิลปะของมายะไปทั่วทั้งอาคาร ในระหว่างการค้นหา เธอย้อนอดีตเกี่ยวกับการถูกบูลลี่ทางออนไลน์ที่เธอเคยได้รับ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่มายะกำลังดังในวงการศิลปะสตรีทอาร์ท

สวนทางกับอานิต้า ที่เป็นศิลปินเหมือนกัน แต่ไม่ดัง แถมยอดผู้ติดตามมีแต่จะลดลงทุกวัน…

 

ตลอดทั้งเกม เธอยังพบว่าตัวเองถูกไล่ล่าโดย  ปีศาจดอกซากุระ  เป็นระยะๆ  แม้จะพยายามติดต่อมายะทางข้อความ แต่มายะก็ไม่ตอบข้อความเลย 

 

ในตอนที่สับสน และงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น “อาเมลี” เพื่อนซี้อีกคนของเธอได้ติดต่ออานิต้า…เธอเล่าให้อานิต้าฟังว่า มายะกระโดดตึกตายไปนานแล้ว เธอมาที่วิลล่านี้ทำไม? 

 

อานิต้า ก็นึกขึ้นได้ แล้วทำไมเรื่องสำคัญขนาดนี้ เธอถึงลืมมันได้? แต่ที่น่าตกใจกว่า คือ…แล้วใครเป็นคนส่งข้อความมาหาอานิต้า ถ้าไม่ใช่มายะ?

 

 

แต่ถึงอย่างนั้น อานิต้า ก็เดินขึ้นมาถึงดาดฟ้าตึก ที่ๆมีผลงาชิ้นสุดท้ายของมายะวาดขึ้นกำแพงเอาไว้…อานิต้า ยังคงอิจฉา ที่จำนวนผู้ติดตามของมายะมีจำนวนมาก จึงตัดสินใจกระโดดลงมาจากหลังคาเพื่อพยายามเลียนแบบเธอ

 

แทนที่จะตาย เธอกลับตื่นขึ้นมาอีกครั้งภายในวิลล่าที่ทางเข้า!

 

มายะส่งข้อความถึงอานิต้า โดยบอกเธอว่าเธอไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้จนกว่าอานิต้าจะพบกับ “มัน” อานิต้าถูกบังคับให้สำรวจวิลล่าอีกครั้ง

แต่สภาพมันเละเทะ และต่างจากตอนที่เดินเข้ามา ผลงานของมายะ ถูกขีดเขียนทับ พร้อมถ้อยคำด่าทอบูลลี่สารพัด

 

อานิต้า หวนนึกถึงความทรงจำที่มายะถูกรังแกที่โรงเรียนอยู่ช่วงหนึ่ง ในตอนนั้น อานิต้า และอาเมลี ได้เสนอตัวเป็นเพื่อนกับมายะ ทั้งสามคนจึงกลายเป็นกลุ่มเพื่อนรัก ที่ชื่นชอบอะไรคล้ายๆกัน…ก่อนที่ภาพจะตัดมาที่อานิต้า กลับมาที่จุดเริ่มต้นของตึกอีกครั้ง

 

ตอนนี้ อานิต้า พบงานศิลปะของมายะที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน … ภาพนี้เป็นภาพวาดแทนตัวเอมิลี และอานิต้า เล่าว่า มายะใกล้ชิดกับ อาเมลี มากกว่าเธอเสมอ และเธอรู้สึกว่ามายะเมินใส่มิตรภาพที่เธอมีให้ จนเกิดการน้อยใจเล็กๆ 

เรื่องราวดำเนินต่อไป อานิต้า พบว่าตัวเองอยู่ในห้องสมุดของโรงเรียน ซึ่งเธอได้เรียนรู้ว่าเมืองเคตเทนสตัดท์ เคยมีข่าวลือว่า  ถูกแม่มดชาวญี่ปุ่นร่ายคำสาป ทำให้ความตายมาเยือน ซึ่งสอดคล้องกับเหตุที่ COVID-19 ระบาดในเมืองพอดี

 

จากนั้นเธอก็พบเมลล์ที่เขียนโดย มายะ เธอขอร้องให้อาเมลีช่วยเหลือ จากนั้นก็จำได้ว่าเธอไม่อ่านเมลล์ที่อาเมลี FWD มาจากมายะ เนื่องจากเธออิจฉามิตรภาพที่ใกล้ชิดของมายะ กับอาเมลี  ซึ่งตอนนี้เธอเชื่อว่า เรื่องนี้ คือต้นเหตุที่นำไปสู่การฆ่าตัวตายของมายะในที่สุด

 

การเดินทางของ อานิต้า ก็พาเธอกลับไปที่ดาดฟ้าตึกอีกครั้ง จุดเดิมที่เดิม และเธอยอมรับกับอาเมลีว่า เธอคือสาเหตุที่ทำให้มายะฆ่าตัวตาย  ก่อนที่จะกระโดดลงมาฆ่าตัวตายเป็นครั้งที่สอง…

 

อานิต้า ตื่นขึ้นมาเป็นรอบที่สอง ในวิลล่า เมื่อสำรวจอาคารอีกครั้ง (พร้อมกับหนีการตามล่าของ ปีศาจดอกซากุระ)  

อานิต้า พบว่าตัวเองอยู่ในบ้านเก่าของครอบครัวเธอเอง! และเริ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่ แม่ ทำร้ายเธอและน้องชายด้วยการขังพวกเขาไว้ในตู้เสื้อผ้า ในที่สุด น้องชายของ อานิต้า ถูกแม่แท้ๆฆ่าตาย แล้วเอาศพยัดไว้ในตู้เย็น อานิต้าในวัยเด็ก ได้หนีไปและแจ้งความกับตำรวจ ในตอนนั้น ความรู้สึกของเธอตีกันมั่วไปหมด ดีใจที่ทวงความยุติธรรมให้น้องชายได้ แต่ก็เสียใจ ที่ทำให้แม่ต้องถูกตำรวจจับ…และกลายเป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์

 

เมื่อเดินไปเรื่อยๆ   อานิต้า ก็พบว่า มายะเองก็ได้เตรียมวาดภาพของเธอเช่นกัน… ในความเป็นจริงแล้ว มายะไม่ได้เมินใส่อานิต้าเลย หนำซ้ำ ยังพยายามกันอานิต้า จากเรื่องราวร้ายๆที่เธอได้รับ และเลือกที่จะไปขอให้อาเมลีช่วยมากกว่า ซึ่งการที่ทั้งสามไม่ได้เปิดใจคุยกัน จึงนำเรื่องราวเข้าใจผิดเกี่ยวโยงจนกลายเป็นแผลใจ และกลายเป็นสิ่งที่สอดรับกับคำสาป Silent Hill ที่มุ่งโจมตีผู้มีสภาพจิตใจอ่อนแอ และเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดบาป…

ปีศาจดอกซากุระ  (อาจจะเป็นภาพสะท้อนถึงความรู้สึกผิดในใจของอานิต้า ต่อมายะ และสะท้อนออกมาเป็นภาพของปีศาจที่สวยงาม แต่น่าสะพรึงกลัว)

มันได้ไล่ล่าอานิต้าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เธอจะพบว่าตัวเองกลับมาบนดาดฟ้าตึกเป็นครั้งที่สาม… และเธอรู้สึกอยาก ขอโทษอาเมลี ที่ไม่เคยรู้เลยว่าทั้งอาเมลี และมายะ ให้ความสำคัญกับมิตรภาพที่มีกับเธอมากแค่ไหน อานิต้าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงคิดจะกระโดดลงจากดาดฟ้าเป็นครั้งที่สาม

แต่สุดท้าย ข้อความของอาเมลีก็เข้ามาในช่องแชท…ขอให้อานิต้าใจเย็นๆ และไว้พรุ่งนี้วันหยุด ออกไปช๊อปปิ้ง และพูดคุยกันตรงๆ อย่าเพิ่งคิดทำอะไร คำพูดดีๆในช่องแชท ส่งผลให้สภาพแวดล้อมรอบข้างกลับมาสู่โลกความเป็นจริงที่มีแสงสว่างรออยู่…

ในวินาทีสุดท้ายที่ความเศร้าในใจของอานิต้ากำลังจางหาย แสงอาทิตย์สาดส่อง ขับไล่เมฆหมอกให้หายไป พร้อมๆกับจิตใจของอานิต้าที่ได้รับการฉุดรั้งเอาไว้ โดยเพื่อนสนิทที่เข้าใจเธอมากที่สุด…

 

ในเวลาต่อมามีโพสต์บนโซเชียลมีเดียของ อาเมลี่  ระบุว่าทั้งเธอและอานิต้า ได้ออกจาก Kettenstadt ไปเรียนที่วิทยาลัยที่อื่น เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่…

 

 

เพราะสุดท้ายแล้ว ในชีวิตคนเราไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่า คำว่า “เพื่อนแท้” ที่อยู่เคียงข้างในยามที่ตกต่ำ หรือยามมีความสุข…

 

 #ps5 #ps5games #SHTSM