รีวิว “Evangelion 3.0+1.0″ ปิดฉากมหากาพย์เทวทูตล้างโลก! : Metal Bridges‏ แหล่งร่วมข้อมูลข่าวสาร เกมส์ การ์ตูน ของเล่น หนัง อุปกรณ์ ไอที

รีวิว “Evangelion 3.0+1.0″ ปิดฉากมหากาพย์เทวทูตล้างโลก!

01 ตุลาคม 2565 00:00 น.

Evangelion 3.0+1.0 ซับไทย พากย์ไทย ดูฟรี อีวานเกเลียนเสียงไทย ดูหนังออนไลน์ HD พากย์ไทย ซับไทย เต็มเรื่อง

Shin Evangelion Gekijō-ban :|| / Evangelion: 3.0+1.0.

Shin Evangelion Gekijouban (ชิน อีวานเกเลี่ยน เกคิโจบัง)

ผู้กำกับภาพยนตร์ : ฮิเดอากิ อันโนะ

แนว/ประเภท :ไซไฟ / ดราม่า

กำหนดฉาย : 13 ตุลาคม 2022 ในโรงภาพยนตร์

ผู้ผลิต : Studio Khara

Evangelion 4 Movie (4)

สำหรับภาพยนตร์3ภาคแรก ได้แก่ Evangelion: 1.0 You Are (Not) Alone , Evangelion: 2.0 You Can (Not) Advance และ Evangelion: 3.0 You Can (Not) Redo ได้ฉายโรงญี่ปุ่น และลงแผ่นในบ้านเราไปแล้ว เมื่อปี 2007, 2009 และ 2012 ตามลำดับ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เคยมีการประกาศชื่อภาคที่สี่ออกมาในชื่อว่า Evangelion: 3.0+1.0 หรือ Shin Evangelion Gekijouban :||

เนื้อเรื่องของอีวาภาคนี้ จะเล่าถึงการอยู่บนโลกที่พังทลาย ที่เกิดจาก พิษของ 3rd Impact โลกหลายส่วนไม่สามารถอาศัยได้ แถมยังมีสีแดงคาวเลือด ย้อมพื้นที่จนน่าสยดสยอง

ทำให้กลุ่มวิลเล่ ที่นำโดย มิซาโตะ ต้องหาทางทำให้พื้นที่ที่ย้อมสีแดง กลับมาสู่สภาพเดิม

แต่ทว่า อิคาริ เกนโด พ่อของชินจิ กลับเดินงานแผนพัฒนามนุษยชาติต่อ (เพื่ออะไรฟะ? งง)

ซึ่งนั่นทำให้มิซาโตะต้องขัดขวางไม่ให้แผนเกนโดสำเร็จ

รีวิว 9/10

ภาคนี้ย่อยง่าย ดูชิวสุดในบรรดาหนังอีวาแล้ว ไม่หนักเท่า The End ภาคนี้ลงตัวกว่าเยอะ

————

ยอมสมัคร Amazon Prime เปิดแอคเค้าท์ฟรี 7 วัน เพื่อเรื่องนี้เรื่องเดียวเลยจริงๆ และก็คิดว่า อืม มันควรเป็นแบบนี้แหละ ดีแล้วล่ะ

ใครที่เคยดูอีวานหนังโรง ภาคทีวี , Death & Rebirth , หนังโรงไตรภาคก่อนหน้า จะรู้สึกได้เลยว่า ตัวละคร ชินจิ กว่าจะเป็นผู้เป็นคนได้ ใช้เวลานานมาก แต่นั่นก็ทำให้เราเห็นว่า ตัวละครนี้ ผ่านอะไรมาเยอะจริงๆ และเขาก็ควรจะโตได้แล้วจริงๆ พร้อมบทสรุปที่ “อิ่มเอมหัวใจ” และไม่ได้เล่นใหญ่เว่อวัง ประมาณว่า “ทำน้อย ได้มาก” ประมาณนั้น

และรู้สึกว่า “ถึงเวลาที่นายควรใช้ชีวิตที่นายอยากได้ซักทีนะ ชินจิคุง”

ส่วนตัวละครอื่นๆ เฉลี่ยบทที่ดี (มีเซอร์ไพร้ซ์แฟนๆอนิเมทีวีด้วย ว้าวมาก) และเปลี่ยนทัศนคติต่อตัวละครบางตัวที่ในภาคก่อนๆเราอาจจะไม่ค่อยชอบ แต่ในภาคนี้เรากลับได้เห็นอีกด้านหนึ่ง ทั้ง เรย์(ตัวที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้) อาสึกะ สาวแว่น หรือแม้แต่ “เก็นโด” พ่อชินจิก็ตาม

————

คุณภาพผลงาน เราไม่ห่วงเลย ภาพสวยงามสะใจจัดเต็ม ทั้ง CG 2D และการใช้เพลงประกอบ ให้จ่ายตังค์ตีตั๋วไปดูในโรงยังได้ งานเนี้ยบ แอคชั่นดุเดือดที่สุด บ้าพลังที่สุด ยังกะ “กุเร็นลากันน์” เลย ยานแม่บู๊มันส์ระดับสงครามเรือรบอวกาศ

แต่หลังๆก็เริ่มออกแนวขี้เกียจเหมือนกันแหละ ดูออก 555 แต่เข้าใจได้ ฟิลดูอีวา มันไม่เนี้ยบแบบ100%หรอก มันจะมีอะไรซักอย่างที่ทำให้ผลงาน “ไม่เต็มร้อย” แต่ “เต็มอารมณ์ร่วม” องค์ประกอบศิลป์ การใช้ทฤษฎีสี การแบ่งสัดส่วนภาพ มีนัยยะหลายๆอย่าง ใครที่เรียนถ่ายภาพน่าจะชอบแคปรูปจากเรื่องนี้ (ถ้าแคปได้อะนะ)

เพลงประกอบไม่ผิดหวัง ตามสไตล์อีวา เล่นใหญ่ อลัง ขนลุก OST ที่ควรหามาฟังหลายเพลง และเพลงจบตบปิดท้ายด้วย One Last Kiss ของ อูทาดะ ฮิคารุ คือเข้ากับเนื้อหาของเรื่องจริงๆ

เป็นการ “ตบหัว แล้วลูบหลังแบบอันโนะ” ทีแท้ทรูมากๆ

—————

ใครที่กลัวดูไม่รู้เรื่อง บอกเลยว่าภาคนี้ มี Recap สั้นๆ 5 นาทีก่อนหนังเต็มฉาย (2 ชม. 30 นาที) ซึ่งก็พอให้คนได้ปะติดปะต่อได้ “บ้าง” แนะนำว่า ขอแค่คุณ “เคยดูหนังโรงรีเมคมาก่อน” ก็น่าจะพอแล้ว ภาคนี้เล่าเรื่องเส้นตรง เข้าใจไม่ยากในส่วนเนื้อหาจริงๆ

แต่จะงงเรื่องศัพท์ ใครเป็นใคร ชื่อเรียกเฉพาะ หรือ การแสดงออก “ทางพิธีกรรมเชิงศิลปะ” ที่แม้จะดูสวยงาม แต่ต้องอาศัยการตีความพอสมควร

ทำเอาอยากจะดูซ้ำ เก็บดีเทลในฐานะแฟนอนิเมอีวามาตั้งแต่ยุค VCD ไหนๆก็จะจบตำนานแล้ว เอาให้สุดเลย

———————