Resident Evil 9 / Resident Evil Requiem
ประเภท: Survival Horror
ผู้พัฒนา: Capcom
แพลตฟอร์ม: PC, PlayStation 5, Xbox Series X|S , Switch 2
วันวางจำหน่าย: 27 กุมภาพันธ์ 2026
สั่งซื้อชุด Limited คลิก
สั่งซื้อชุดธรรมดาในระบบ PS5 คลิก คลิก คลิก
ในที่สุดสิ่งที่แฟนเกมทั่วโลกรอคอยก็มาถึง! เมื่อ Capcom ได้ปล่อยตัวอย่างที่ 3 อย่างเป็นทางการของ Resident Evil Requiem ภายในงาน The Game Awards 2025 ซึ่งสร้างเสียงฮือฮาจนเวทีสะเทือนด้วยการเปิดตัวตัวละครระดับตำนานขวัญใจมหาชนอย่าง ลีออน ที่จะมารับบทเป็นตัวเอกคนที่สอง เคียงคู่กับ เกรซ ที่เคยเปิดตัวไปก่อนหน้านี้
เตรียมตัวพบกับความสยองขวัญและแอ็กชันแบบจัดเต็มที่แฟนๆ ถวิลหาได้เลย
เกมนี้คือ!?

Resident Evil Requiem คือเกมแนว Survival Horror แบบเล่นคนเดียว ที่ถูกวางตัวเป็นการ “เปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ของแฟรนไชส์ทั้งในแง่โทนและรูปแบบการเล่น” ตามคำกล่าวของ Geoff Keighley ผู้จัดงาน Summer Game Fest 2025 ที่ขึ้นเวทีนำเสนอเกมนี้ด้วยตนเอง
Capcom ให้คำมั่นว่านี่จะเป็นยุคใหม่ของ Resident Evil ที่ผสมผสานระหว่าง “ความระทึกแบบซินีมาติก” กับความกลัวแบบเอาตัวรอดที่เป็นหัวใจหลักของซีรีส์
เรื่องราวของเกมจะเกิดขึ้น 30 ปีหลังเหตุการณ์มิสไซล์ถล่ม Raccoon City ซึ่งเป็นจุดกำเนิดความเชื่อมโยงระหว่าง Umbrella Corporation และเมืองร้างแห่งนี้ ทีมงานจึงต้องการย้อนกลับไปสำรวจจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ระบาดอีกครั้ง
ใน Resident Evil Requiem จะเล่าเรื่องผ่านตัวเอกคนใหม่คือ Grace Ashcroft เจ้าหน้าที่ FBI และเป็นลูกสาวของ Alyssa Ashcroft นักข่าวผู้มีบทบาทใน Resident Evil Outbreak ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงการล่มสลายของ Raccoon City ปี 1998
Alyssa Ashcroft เธอเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์แพร่ระบาดของไวรัส T และมีความกล้าหาญ ฉลาดหลักแหลม พร้อมเปิดโปงเบื้องหลังของ Umbrella Corporation ผ่านบทความแนวสืบสวน แม้จะไม่เคยปรากฏในภาคหลักของซีรีส์ แต่ Alyssa ก็เป็นตัวแทนของพลเรือนที่ลุกขึ้นสู้ท่ามกลางวิกฤต และมีบทบาทโดดเด่นในเหตุการณ์ที่ถูกลืมของแฟรนไชส์
ชื่อของ Alyssa ปรากฏอยู่ในไฟล์ของเกม Resident Evil 7 ซึ่งทำให้ผู้เล่นหลายคนต้องประหลาดใจ เธอรายงานถึงจุดเริ่มต้นของการสืบสวนการหายตัวไปของผู้เยี่ยมชมในพื้นที่ชนบทของ Dulvey รัฐลุยเซียนา เหตุการณ์นี้ถือเป็นคำอธิบายที่ขาดหายไปสำหรับ Resident Evil Outbreak แต่ยังไม่มีอะไรได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ
เรื่องราวในภาคนี้จะเป็นการสานชะตากรรมของสองตัวเอกเข้าด้วยกัน ระหว่าง เกรซ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์จาก FBI และตำนานอย่าง ลีออน ทั้งคู่ต่างเข้ามาสืบสวนคดีการตายปริศนาที่เกิดขึ้นในโรงแรมร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งเบาะแสทั้งหมดอาจนำไปสู่การเปิดเผยความจริงที่ถูกซ่อนไว้เบื้องหลังเหตุการณ์ Raccoon City เมื่อปี 1998
โดยลีออนจะเริ่มการสืบสวนจากศพที่พบในโรงแรม ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่เกรซกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ การโคจรมาพบกันของทั้งคู่จะนำไปสู่บทสรุปที่คาดไม่ถึง
คลิปล่าสุด
โดยสายเลือดนักสืบและประสบการณ์ในครอบครัวที่ผูกโยงกับฝันร้ายของ Raccoon City ดูมีแนวโน้มว่าจะผลักดันให้ Grace เข้าสู่เส้นทางของตัวแทนกฎหมายเพื่อตามล่าความจริง ความสัมพันธ์นี้ไม่เพียงเป็นสะพานเชื่อมระหว่างภาค Spin-off และภาคหลัก แต่ยังสื่อถึงการสืบทอดภารกิจเปิดโปงความมืดของ Umbrella จากแม่สู่ลูกในยุคใหม่ของซีรีส์ Resident Evil ที่น่าสนใจ…และเธอ เคยเป็นผู้ประสบภัยบางอย่างที่น่าสะพรึง จากตัวอย่างแรกนี้ด้วย
สั่งซื้อชุด Limited คลิก
สั่งซื้อชุดธรรมดาในระบบ PS5 คลิก คลิก คลิก
Gameplay
“Requiem for the dead. Nightmare for the living – เตรียมหลบหนีความตายในประสบการณ์ที่จะทำให้หัวใจของคุณเต้นแรงอย่างไม่หยุดหย่อน ยุคใหม่ของ Survival Horror กำลังเริ่มต้นขึ้นในปี 2026 ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ผสานกับประสบการณ์อันลึกซึ้งของทีมพัฒนา ถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องราวที่มีตัวละครเข้มข้นและรูปแบบการเล่นที่ดื่มด่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา”

คำโปรยนี้สะท้อนถึงแนวทางใหม่ที่ Capcom ตั้งใจจะผลักดันให้ Resident Evil ก้าวไปสู่ยุคใหม่อย่างแท้จริง โดยไม่เพียงแค่ยกระดับงานภาพและระบบเกมเพลย์ แต่ยังรวมถึงการเล่าเรื่องที่มีน้ำหนักและการสร้างประสบการณ์อันหนักแน่นในด้านอารมณ์ความกลัว ความสิ้นหวัง และการเอาตัวรอด โดย “Requiem” จะดึงผู้เล่นให้หลุดเข้าไปในโลกของเรื่องราวมากกว่าที่เคยเป็นมา
ด้วยคอนเซปต์หลักคือ “Addictive Fear” (เสพติดความกลัว) เนื่องจากความสยองขวัญเป็นหัวใจสำคัญของซีรีส์นี้ ทีมพัฒนาจึงต้องการทำให้ความกลัวของคนเล่นเป็นส่วนหนึ่งของเกมเพลย์ โดย Grace จะต้องเรียนรู้ที่จะก้าวข้ามความกลัวของเธอตลอดเส้นทางในเกม
แต่ระบบการเล่นใน Resident Evil Requiem จะนำเสนอรูปแบบ “Dual Protagonists” หรือตัวเอกคู่ ที่จะมอบรสชาติการเล่นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเพื่อสั่นประสาทผู้เล่นไปถึงขั้วหัวใจ
โดยในส่วนของ ลีออน จะเน้นไปที่เกมเพลย์แบบแอ็กชันสุดระทึก ท้าทายความตาย ดุเดือดยังกับหนังแอคชั่น ตามสไตล์ที่คุ้นเคย
DEMO PREVIEW Resident Evil Requiem
ตัวอย่างเดโมนี้พาเราไปที่ Rhodes Hill Chronic Care Center กับตัวละครเอกคนใหม่ Grace Ashcroft ที่ต้องสำรวจสถานที่อันน่าขนลุกแห่งนี้ด้วยอุปกรณ์เพียงแค่ไฟแช็กและขวดแก้ว ในเดโมนี้ยังไม่มีอาวุธปืนให้ใช้ ทำให้ผู้เล่นต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูงในการเดินสำรวจห้องต่างๆ และทางเดินยาวๆ แม้ฉากในเดโมจะค่อนข้างจำกัด แต่ภารกิจก็ยังคงเป็นสไตล์เกมสยองขวัญเอาชีวิตรอดคลาสสิก คือการหาไอเท็มเพื่อนำไปไขปริศนาต่อๆ ไป ฟังดูเหมือนง่าย แต่ความมั่นใจของผู้เล่นจะถูกทำลายลงทันทีเมื่อศัตรูตัวร้ายปรากฏตัว
หลังจาก Grace พบศพซอมบี้ที่ไร้ชีวิต ศัตรูตัวใหม่ก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยกรงเล็บขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้าใส่ซากศพนั้น กล้องจะแพนขึ้นเพื่อเผยให้เห็นร่างที่ใหญ่โตของมัน ซึ่งมีส่วนสูงเท่า Lady D แต่มีรูปร่างเหมือน Lisa Trevor จากภาคแรกและกรามคล้าย Wendigo นอกจากนี้ยังมีดวงตาโปนๆ กรงเล็บแหลมคม และท่าทางที่ค่อมหลัง ศัตรูตัวนี้ไล่ล่า Grace อย่างไม่ลดละ ตอบสนองต่อทั้งเสียง การมองเห็น และแม้กระทั่งกลิ่น และที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ มันสามารถปีนป่ายขึ้นไปบนเพดานได้เหมือน Xenomorph จาก Alien: Isolation แล้วทิ้งตัวลงมาหาคุณได้ทุกเมื่อ ทำให้มันสามารถเอาชนะผู้เล่นได้อย่างง่ายดาย

โชคดีที่ Grace มีอุปกรณ์บางอย่างที่จะช่วยให้รอดชีวิตได้ หนึ่งในนั้นคือ ขวดแก้ว ที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือเบี่ยงเบนความสนใจได้เป็นอย่างดี เพียงแค่โยนมันไปอีกทางก็จะสามารถดึงความสนใจของสัตว์ประหลาดได้ชั่วคราว ทำให้มีเวลาพอที่จะหลบหนีไปอีกทางได้ อีกวิธีที่สำคัญที่สุดคือการ ย่องตัว ซึ่งช่วยให้ Grace สามารถหลบซ่อนตัวตามมุมหรือใต้โต๊ะเพื่อรอจังหวะที่เหมาะสมได้ แต่แม้จะย่องตัวอย่างระมัดระวังแค่ไหน ศัตรูตัวนี้ก็ยังคงตามติดไม่ห่าง และแม้จะซ่อนตัวสำเร็จ การเปิดไฟแช็กขึ้นมาก็จะทำให้มันหันกลับมาหาคุณอีกครั้ง
แต่ศัตรูตัวนี้ก็ยังมีจุดอ่อน นั่นคือ แสงสว่าง โดยเฉพาะแสงไฟจากหลอดไฟบนเพดาน เมื่อมันวิ่งตาม Grace เข้าไปในห้องที่มีแสงสว่างจ้า ผิวหนังของมันจะถูกเผาไหม้ ทำให้มันกรีดร้องและถอยกลับไป สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้เล่นได้เปรียบเล็กน้อย แต่ยังเป็นวิธีที่ชาญฉลาดในการตีความกฎ “ห้องปลอดภัย” แบบดั้งเดิมของ Resident Evil ที่เคยมีมา ทำให้การที่ศัตรูไม่สามารถเข้ามาในห้องปลอดภัยได้นั้นมีความสมเหตุสมผลมากขึ้น
แม้ว่าสภาพแวดล้อมในเดโมจะค่อนข้างเล็กและมีการสำรวจน้อยมากเนื่องจากศัตรูที่คอยตามติด แต่ระบบการเล่นที่ได้สัมผัสก็ยังคงความคุ้นเคยเหมือนกับ Resident Evil 7 และภาคอื่นๆ ผู้เล่นยังคงต้องจัดการช่องเก็บของ สำรวจไอเท็ม ค้นหากุญแจแปลกๆ เพื่อไขประตู และใส่ฟิวส์เข้ากับกล่องควบคุมไฟฟ้า ทั้งหมดนี้ให้ความรู้สึกที่แฟนซีรีส์จะรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดี นอกจากนี้มุมมองแบบ First-person ที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคหลังๆ ก็ยังคงอยู่ แต่ในภาคนี้ผู้เล่นสามารถสลับไปเล่นในมุมมอง Third-person ได้ตลอดเวลา ซึ่งการเลือกมุมมองนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ส่วนเสริม แต่เป็นการออกแบบที่คำนึงถึงประสบการณ์ความสยองขวัญในทั้งสองมุมมองเป็นอย่างดี
ในมุมมองแบบ First-person ศัตรูจะดูใหญ่โตและน่ากลัวมากขึ้น เนื่องจากมุมมองที่จำกัดทำให้ช่วงเวลาที่น่าตกใจ (jump scare) มีผลกระทบสูงขึ้น อย่างเช่นตอนที่ต้องเลื่อนรถเข็นเพื่อปีนขึ้นไป ซึ่งขณะทำภารกิจ ศัตรูจะโผล่มากรีดเล็บไปกับหน้าต่างอย่างน่าสะพรึงกลัว แต่ในมุมมองแบบ Third-person ที่เปิดกว้างขึ้น ทาง Capcom ได้เพิ่มแอนิเมชันพิเศษอย่างการที่ Grace สะดุดล้ม เพื่อเพิ่มความตึงเครียดและชดเชยระดับความน่ากลัวที่อาจลดลงจากมุมมองที่กว้างขึ้น

สั่งซื้อชุด Limited คลิก
สั่งซื้อชุดธรรมดาในระบบ PS5 คลิก คลิก คลิก
บทวิเคราะห์จากแอดมิน
Resident Evil 9 – Requiem กับทิศทางใหม่ของความสยอง

ในวาระครบรอบ 30 ปีของแฟรนไชส์ Resident Evil หนึ่งในเกมแนวสยองขวัญที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมเกม Capcom ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญของภาคล่าสุด Resident Evil 9: Requiem ซึ่งชี้ชัดถึงทิศทางใหม่ของซีรีส์ ที่ยังคงเคารพ รากเหง้าความ “น่ากลัว” และเลือกจะหันหลังให้กับตัวละครเก่าหน้าคุ้นขวัญใจมหาชนที่เก่งเกินมนุษย์ และเปิดพื้นที่ให้ตัวเอกหน้าใหม่อย่าง เกรซ นักวิเคราะห์ FBI ผู้มีทั้งข้อดีและข้อบกพร่องที่ส่วนตัวแอแอดมินมองว่า ให้ความรู้สึกเหมือน “มนุษย์จริงๆ” มากขึ้น เช่นเดียวกับครึ่งแรกของ RE7 ที่ “อีธาน วินเทอร์ส” เป็นแค่ผู้ชายที่เดินทางตามหาแฟนในบ้านร้างนั่นละครับ

การละทิ้งอดีตเพื่อความสยองขวัญที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
หนึ่งในประเด็นที่ชัดเจนจากคำกล่าวของผู้กำกับ โคชิ นากานิชิ คือการตัดสินใจ “ไม่ใช้ตัวละครจากภาคเก่า” โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวลือก่อนหน้าที่ว่า จะมี “ลีออน เคเนดี้” พระเอกจากภาค 2-4-6 อันเป็นที่รักของแฟน ๆ มาโดยตลอด การตัดสินใจนี้แม้จะสร้างความเสียดายให้กับผู้เล่นบางกลุ่ม แต่ก็บ่งบอกถึงท่าทีของ Capcom ที่ต้องการสร้าง “ความกลัวที่เชื่อถือได้” ผ่านตัวละครที่ ไม่ใช่ยอดมนุษย์อย่างชัดเจน
“ลีออนจะไม่กระโดดหนีถังที่ตกลงมา” เป็นคำพูดที่เสียดสีแบบตรงไปตรงมาของคุณนากานิชิ แสดงให้เห็นว่าตัวละครจากภาคเก่าไม่อาจ “แสดงความกลัว” ที่ผู้เล่นจะรู้สึกคล้อยตาม อันเป็นแก่นสารทีทีมงานอยากจะทำเกมสยองขวัญได้อีกต่อไป เพราะทั้งคริส / จิล / ลีออน / แคลร์ และคนอื่นๆในยุคไตรภาคแรกนั้น มีความเก่งเกินไป เอาตัวรอดมาแล้วจากเหตุการณ์ระดับหายนะนับไม่ถ้วน ความกลัวจึงหมดความหมาย และน่าจะให้ไปสู้กับภัยก่อการร้าย หรือเนื้อเรื่องสเกลสงครามขนาดใหญ่ จะเข้าท่ากว่าครับ
Resident Evil Requiem
ถูกลือว่าเป็น “เกมภาคสุดท้าย” ที่มีบทของลีออน
แหล่งข่าววงในที่น่าเชื่อถือของซีรีส์ Resident Evil ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลล่าสุดว่า Resident Evil Requiem (หรือที่หลายคนเรียกกันว่า Resident Evil 9) อาจเป็นเกมภาคหลักครั้งสุดท้ายที่ ลีออน เอส. เคเนดี้ จะปรากฏตัวในฐานะตัวละครหลัก ก่อนที่จะโบกมือลาเวทีเกมภาคหลักไปอย่างถาวร โดยที่ลีออนจะกลับมาในภาคนี้ และมีบทบาทไม่แพ้ตัวละครใหม่อย่าง เกรซ แอชครอฟต์ เลยทีเดียว
หากยึดตามเส้นเวลาในเนื้อเรื่อง ลีออนจะมีอายุเกือบ 50 ปี ในเหตุการณ์ของ Requiem ซึ่งถือว่าเดินทางมาไกลจากวันที่เขาเป็นนายตำรวจหนุ่มหน้าใหม่ใน Resident Evil 2 อย่างมาก และอาจถึงเวลาที่ตัวละครนี้จะได้พักหลังจากต้องฝ่าภารกิจที่เกินมนุษย์มาหลายสิบปี
เกรซ – ตัวเอกหญิงคนใหม่ของ RE9

เธอถูกวางตัวในฐานะเจ้าหน้าที่ FBI ที่มีทักษะการยิงปืนที่ดูจะชำนาญกว่า อีธาน วินเทอร์ส จากภาค 7-8 แต่ในขณะเดียวกันเธอเองก็ ขี้ตกใจ เป็นคนเก็บตัว และมีความอ่อนไหว
จุดเด่นของเธอไม่ใช่พละกำลังหรือการปะทะกับผีชีวะอย่างไม่สะทกสะท้าน … แต่คือกระบวนการ “เผชิญหน้าและเอาชนะความกลัว” ด้วยสติปัญญา และความเปราะบางแบบมนุษย์ปุถุชน
Capcom เลือกใช้คอนเซปต์ “Addictive Fear” หรือ “เสพติดความกลัว” ซึ่งสะท้อนความพยายามในการออกแบบประสบการณ์ผู้เล่นที่ “ไม่น่าอยู่…แต่น่าค้นหา”
ทีมงาน Capcom อธิบายเพิ่เติมถึงความกลัวใน RE9 …ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นต้องหลีกหนี แต่เป็นเหมือนยาขม ที่เมื่อกลืนลงไปแล้วจะพบ “ความสุขหลังเอาชนะมันได้” และ “เริ่ม Loop ใหม่จนจบเกม”

มุมกล้อง: ความตึงเครียด vs ฉากแอ็คชัน
Capcom ยังยืนยันว่าจะมีทั้ง มุมมองบุคคลที่หนึ่ง และ บุคคลที่สาม ให้เลือก ซึ่งมีผลอย่างยิ่งต่อโทนของเกม
โดยการเล่นแบบมุมมองบุคคลที่หนึ่งช่วย “เพิ่มความตึงเครียดและสมจริง” เหมาะกับผู้เล่นที่ต้องการประสบการณ์หลอนแบบใกล้ชิด
ในขณะที่มุมมองบุคคลที่สามเหมาะกับ “ผู้ที่ชอบฉากแอ็คชัน” และต้องการมุมมองกว้างเพื่อวางแผนและตอบโต้ศัตรูอย่างมีประสิทธิภาพ

แนวทางนี้เป็นการประนีประนอมอย่างชาญฉลาด เพราะเปิดโอกาสให้แฟนทั้งสองกลุ่มเลือกประสบการณ์ที่ตนเองต้องการ แต่นั่นก็ทำให้ทีมงานต้องทำงานหนักขึ้น เพราะการเปลี่ยนมุมกล้องนั้น ไม่ได้แค่ซุมกล้องออกแล้วจบกัน แต่เหมือนเป็นการทำเกม 2 เกม ในเวลาเดียวกัน ด้วยวัตถุดิบเดียวกัน ทีมงานออกมาเผยว่า พวกเขาต้องทำงานแยกส่วนกัน และมีข้อสรุปร่วมกันในแต่ละจังหวะของเกม เพื่อไม่ให้บาลานซ์ของมุมกล้อง สร้างความเหลื่อมล้ำในการเล่นจนเกินไป…

กลับสู่รากเหง้า…ในโลกที่เปลี่ยนไป
แม้รายละเอียดของเนื้อเรื่องจะยังไม่เปิดเผยทั้งหมด แต่จากคลิป Capcom Spotlight เราได้เห็นเงาของ Raccoon City ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ซึ่งอาจหมายถึงการ “กลับไปสำรวจอดีต” ในมุมมองใหม่ หรือการขุดรากแห่งความสยองเพื่อสร้างบทใหม่ที่ลึกกว่าเดิม โดยเชื่อมโยงกับแกนกลางของ Resident Evil ไตรภาคหลัก อีกทั้งชื่อภาคนี้ ยังสื่อถืงการ “ไว้อาลัยแด่ผู้จากไป” ซึ่งก็น่าจะหมายถึงผู้ที่เคยอาศัยใน Raccoon City นั่นเอง…
อย่างไรก็ตาม Requiem ก็ไม่ใช่การเอาใจแฟนเกมหน้าเก่า แต่เป็นการ “รื้อถอนและประกอบใหม่” ด้วยเครื่องมือของยุคปัจจุบัน ทั้งกราฟิก เนื้อเรื่อง และการออกแบบเกมเพลย์ที่วางจังหวะให้ “ความกลัว” เป็นงาน “ศิลปะ” ในแบบที่เข้าใจง่าย มีสไตล์ที่คุ้นเคยในบรรยากาศใหม่ๆ
หรือมันถึงเวลาที่จะปลดระวางจริงๆ?
แม้ลีออนจะเป็นหนึ่งในตัวละครที่แฟนๆ รักมากที่สุดของแฟรนไชส์ Resident Evil แต่หากมองในเชิงเนื้อเรื่องและภาพลักษณ์ของแฟรนไชส์ ก็ต้องยอมรับว่าการเดินทางของเขาได้เปลี่ยนจากแนวสยองขวัญเอาชีวิตรอด (Survival Horror) ไปสู่แนวแอคชั่นฮีโร่เกินจริงมาตั้งแต่ Resident Evil 4 เป็นต้นมา
หลังจากนั้น อนิเมชั่นหลายภาคอย่าง Resident Evil: Degeneration, Damnation, Vendetta และ Death Island ยิ่งสร้างภาพให้ลีออนกลายเป็นตัวละครที่ “ไร้จุดอ่อน” ต่อสู้กับศัตรูราวกับพระเอกแอคชั่นฮอลลีวูดมากกว่าจะเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ต้องเอาชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยเชื้อไวรัสและสัตว์กลายพันธุ์ ซึ่งความเหนือจริงนี้ค่อยๆ พาเขาออกห่างจากแกนหลักของ Resident Evil ที่เคยเน้นความตึงเครียดและความเปราะบางของตัวละคร
อีกทั้งปัจจัยด้านอายุในเส้นเรื่อง — ลีออนในวัยเกือบ 50 ที่ยังต้องออกภาคสนาม ปะทะสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ อาจเริ่มไม่สมเหตุสมผล แม้จะพยายามอธิบายด้วยการฝึกฝนหรือประสบการณ์ แต่ในโลกความจริงแล้ว งานลักษณะนี้มักส่งต่อให้เจ้าหน้าที่รุ่นใหม่ที่มีความฟิตและความทนทานสูงกว่า
ดังนั้น การให้ Requiem เป็น “บทส่งท้าย” ของลีออนในเกมภาคหลัก ถือเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสม ทั้งเพื่อรักษาความสมจริงของเนื้อเรื่อง และเปิดทางให้แฟรนไชส์สามารถสร้างตัวละครรุ่นใหม่ๆ ที่เข้ากับธีม Survival Horror ยุคปัจจุบันมากขึ้น

Resident Evil 9 กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าความสยองไม่จำเป็นต้องพึ่งพาตำนานของพวกตัวละครหน้าเดิม ๆ
หากแต่ใช้ “ความเป็นมนุษย์ธรรมดา” มาเป็นจุดขาย แล้ววางโครงสร้างเกมให้ผู้เล่นต้อง “ยอมรับและเสพติดความกลัว” อย่างเต็มใจ
แอดมินมองว่า “Capcom กำลังเดิมพันครั้งสำคัญ ด้วยการปิดฉากยุคของเหล่าตัวละครในตำนาน และเปิดประตูให้ผู้เล่น “เป็นเหยื่อ” อีกครั้ง”
น่าติดตามมากครับ! สำหรับการมาของภาคนี้ ที่จะนำไปสู่ยุคใหม่ของ RE ได้จริงอย่างที่ว่าไว้หรือไม่
รักษาตัว รักษาสุขภาพกายใจให้ดี
แล้วเจอกันครับ ที่ RACCOON CITY ใน 30 ปีต่อมา …
27 กุมภาพันธ์ 2026
สั่งซื้อชุด Limited คลิก
สั่งซื้อชุดธรรมดาในระบบ PS5 คลิก คลิก คลิก
#ResidentEvilRequiem #ResidentEvil9
#ResidentEvil #Biohazard #Games #Survival #Action #Horror #ผีชีวะ #เกมส์
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]












































