Predator: Badlands (พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน)
ประเภท: ภาพยนตร์แอ็กชัน/ไซไฟ (Action/Sci-Fi)
ผู้พัฒนา: Lawrence Gordon Productions, Davis Entertainment, Toberoff Entertainment
ผู้จัดจำหน่าย: 20th Century Studios
ผู้กำกับ: แดน แทคเทินเบิร์ก (Dan Trachtenberg)
บทภาพยนตร์: แพทริค ไอสัน (Patrick Aison)
นักแสดงนำ: แอล แฟนนิ่ง (Elle Fanning), ดิมิเทรียส ชูสเตอร์–โคโลอามาทังกี (Dimitrius Schuster-Koloamatangi)
ฉายโรงภาพยนตร์ IMAX, Dolby Cinema, 4DX และอื่น ๆ : 6 พฤศจิกายน 2025
Predator: Badlands หรือ พรีเดเตอร์: แดนเถื่อน คือภาพยนตร์ภาคใหม่ล่าสุดในแฟรนไชส์นักล่าต่างดาวสุดคลาสสิก ที่พร้อมจะฉีกขนบและนำเสนอเรื่องราวในมุมมองที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยได้ แดน แทคเทินเบิร์ก ผู้กำกับที่เคยสร้างความสำเร็จอย่างท่วมท้นให้กับภาคก่อนหน้าอย่าง Prey กลับมารับหน้าที่กุมบังเหียนอีกครั้ง
ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นเสมือน “ด้านกลับ” ของแฟรนไชส์นักล่า โดยมุ่งเน้นไปที่ตัวละครพรีเดเตอร์เองในฐานะตัวเอก และสัญญาว่าจะนำพาผู้ชมไปสู่ดินแดนที่อันตรายและบ้าระห่ำที่สุดในจักรวาล
Predator: Badlands เป็นผลงานการกำกับของ แดน แทคเทินเบิร์ก ผู้ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากการกำกับภาพยนตร์ Prey (2022) ซึ่งเป็นที่ชื่นชมจากทั้งนักวิจารณ์และแฟน ๆ ว่าเป็นการชุบชีวิตแฟรนไชส์นี้ให้กลับมาน่าตื่นเต้นอีกครั้งด้วยแนวคิดที่สดใหม่ การที่แทคเทินเบิร์กกลับมาในภาคนี้จึงเป็นการรับประกันในเบื้องต้นถึงคุณภาพและวิสัยทัศน์ที่ไม่ธรรมดา นอกเหนือจาก Prey เขายังเคยกำกับภาพยนตร์ระทึกขวัญที่ได้รับเสียงวิจารณ์ดีอย่าง 10 Cloverfield Lane อีกด้วย สำหรับภาคนี้ แทคเทินเบิร์กได้ร่วมเขียนบทกับ แพทริค ไอสัน และได้นักแสดงดาวรุ่งอย่าง แอล แฟนนิ่ง และ ดิมิเทรียส ชูสเตอร์–โคโลอามาทังกี มาร่วมแสดงนำ ซึ่งถือเป็นส่วนผสมที่น่าสนใจในการนำพาทิศทางใหม่ของเรื่องราว
เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องของ Predator: Badlands จะถูกดำเนินเรื่องในอนาคต บนดาวเคราะห์อันห่างไกลและเต็มไปด้วยอันตราย โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ พรีเดเตอร์วัยหนุ่ม คนหนึ่งที่ถูกขับไล่ออกจากเผ่าพันธุ์ของตนเอง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของแฟรนไชส์ที่ภาพยนตร์จะถูกเล่าผ่านมุมมองของตัวพรีเดเตอร์ในฐานะตัวเอกอย่างเต็มตัว ในการเดินทางที่อันตรายและโดดเดี่ยวนี้ เขาได้พบกับพันธมิตรที่ไม่คาดคิด นั่นคือหุ่นยนต์แอนดรอยด์สาวนามว่า เธีย (Thia - รับบทโดย แอล แฟนนิ่ง) ทั้งสองต้องร่วมมือกันในภารกิจสุดอันตรายเพื่อตามล่าและค้นหาสุดยอดศัตรูที่พวกเขาไม่เคยเผชิญมาก่อน

การร่วมมือกันระหว่างนักล่าต่างดาวที่ถูกเนรเทศกับแอนดรอยด์เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้แตกต่างจากภาคก่อน ๆ โดยสิ้นเชิง ซึ่งจะนำไปสู่การสำรวจมิติใหม่ของเผ่าพันธุ์พรีเดเตอร์และจักรวาลที่เชื่อมโยงกัน
REVIEW
หากคุณคิดว่า “Prey” (2022) คือความสดใหม่ที่แฟรนไชส์ Predator ต้องการแล้วล่ะก็อยากให้คุณไปลองดู “Predator: Badlands” ผลงานล่าสุดจากผู้กำกับคนเดียวกันอย่าง แดน แทคเทินเบิร์ก
คราวนี้เขาไม่ได้แค่ “สร้างสรรค์” แต่คือการพลิกโฉม ให้เป็นภาพยนตร์ไซไฟแอ็กชั่นฉีกกรอบ ด้วยการส่ง “พรีเดเตอร์” ขึ้นแท่นเป็น “พระเอกเต็มตัว” ครั้งแรก และที่น่าทึ่งที่สุดคือ มันเป็นหนังที่สำรวจ “ความเป็นมนุษย์” ได้อย่างลึกซึ้ง… ทั้งๆ ที่ไม่มีมนุษย์ในเรื่องเลยแม้แต่คนเดียว!

“Badlands” เปิดเรื่องมาด้วยกลิ่นอายที่แฟนๆ หนังสือการ์ตูนสไตล์ โชเน็น จัมป์ (Shonen Jump) คุ้นเคยเป็นอย่างดี นี่คือพล็อต “พระเอกที่โหลยโท่ย พ่อไม่รัก เดินทางกับพรรคพวกสุดเพี้ยน เพื่อทำสิ่งที่ยิงใหญ่” ที่ดูจะเข้มข้นสุดๆ
เราได้รู้จักกับ “เดค” (Dek) พรีเดเตอร์หนุ่ม เผ่าเยาจา ที่เกิดมาพร้อมปมด้อยเรื่องรูปร่างที่เล็กกว่าคนอื่น จนถูกมองเป็น “ไอ้เตี้ย” ของตระกูล และเป็นจุดอ่อนที่พ่อไม่อาจยอมรับได้ ยกเว้นพี่ชายของเขาที่เชื่อมั่นว่าน้องชายจะเข้มแข็ง และเป็นอนาคตของเผ่าได้ แต่ในวันที่พิสูจน์ตัวเองของเดค เขากลับถูกพ่อของเขาไล่ล่าสังหาร และทำให้เดคเสียพี่ชายไปอย่างโหดเหี้ยม ทำให้เดคต้องระเห็จระเหินมายังดาวที่โหดที่ดสุด เพื่อปราบ “คาลิสก์” (Kalisk) มอนสเตอร์ที่แกร่งที่สุดชนิดที่พ่อของเขายังไม่อาจก้าวมาย่างกราย! เพื่อนำหัวของมันกลับไปพิสูจน์คุณค่าในตัวเองในคนในเผ่ารับรู้

แน่นอนว่าการผจญภัยจะขาด “พรรคพวกสุดพิลึก” ไปไม่ได้ และนี่คือจุดที่หนังยกระดับความบันเทิงไปอีกขั้น บนดาวมรณะ เดคได้พบกับพันธมิตรที่ไม่คาดฝันที่สุด… “เธีย” (Thia) รับบทโดย Elle Fanning … เธีย คือแอนดรอยด์จากบริษัท Weyland-Yutani (ใช่ครับ! นี่คือการครอสโอเวอร์กับจักรวาล Alien แบบเต็มๆ!) แต่สภาพของเธอห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์ เธียรอดชีวิตจากการโจมตีของคาลิสก์ แต่ก็ถูกฉีกร่างจนเหลือเพียง “ครึ่งท่อนบน” และต้องใช้แขนทั้งสองข้างในการเคลื่อนไหวต่างขา

ทั้งสองเดินทางไปด้วยกัน โดยที่เธีย สัญญาว่าจะนำทางให้เดคในการตามล่า“คาลิสก์” เพื่อแลกกับ “ขาที่หายไปของเธีย” จากการต่อสู้กับคาลิสก์ครั้งก่อน
ความสนุกสนานจึงบังเกิด เมื่อนักรบสายขรึมผู้เงียบขรึมอย่างเดค ต้องมาจับคู่กับแอนดรอยด์สาวช่างจ้อ ปากไม่ว่าง และขี้สงสัยไปเสียทุกเรื่อง
“เธีย” คือตัวขโมยซีนที่แท้จริง บทสนทนาที่ชวนขำเกิดขึ้นตลอดทาง โดยเฉพาะเมื่อเธอพยายามทำความเข้าใจชีววิทยาของเดค (เช่นบทพูดที่ว่า “เธอใช้เขี้ยวข้างนอก หรือฟันข้างในเคี้ยวอาหารเหรอ?”) จนเดคที่รำคาญสุดขีด ทนการช่างพูดของเธอไม่ไหว เลยเปลี่ยนจากการ “อุ้ม” ด้านหน้า มาเป็นจับเธอ “แบก” ไว้ด้านหลังเหมือนเป้สะพายหลังแทน และมองเธอเป็นเพียง อุปกรณ์นำทาง ไม่ใช่เพื่อน…
นี่คือเคมีของคู่หูแบบ “Buddy Movie” ที่ดูไม่น่าจะเข้ากันได้เลยแม้แต่น้อย แต่กลับกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวและมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด

แม้จะเต็มไปด้วยความสนุก แต่ “Predator: Badlands” ก็ไม่ได้ละเลยแกนหลักของเรื่อง หนังพาเราสำรวจโลกของ Genna ได้อย่างน่าทึ่ง ระบบนิเวศบนดาวดวงนี้ถูกสร้างขึ้นมาราวกับสารคดีธรรมชาติ ไม่ได้มีแค่สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ แต่รวมถึงพืช แมลง และวิธีที่สิ่งมีชีวิตต่างๆ ปรับตัวเพื่อเอาตัวรอดหรือ “ล่า” เหยื่อ สมกับชื่อ “Predator” ที่สื่อถึงการล่าโดยตรง เพราะในดาวนี้มีระบบนิเวศน์ที่พึ่งพาการล่าชนิด “แกร่งกว่าก็ได้กิน” อย่างชัดเจน…
แต่หัวใจสำคัญคือการเดินทางของตัวละคร ทั้งเดคและเธียต่างต้องก้าวข้าม “โปรแกรม” ที่ตัวเองถูกกำหนดมา
เดคต้องเรียนรู้ว่า “อารมณ์” และ “ความเห็นอกเห็นใจ” ที่เผ่าพันธุ์ของเขามองว่าเป็นความอ่อนแอ แท้จริงแล้วอาจเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชีวิตรอด
ในขณะที่เธีย แอนดรอยด์ที่ถูกโปรแกรมมาให้ “รู้สึก” แค่ผลประโยชน์ของบริษัท แต่ก็เริ่มค้นพบความหมายที่แท้จริงของคำว่า “มิตรภาพ”

หนังยังคงอัดแน่นด้วยฉากแอ็กชันที่ดุเดือดและชาญฉลาด เดคต้องใช้ทั้งอุปกรณ์ไฮเทคประจำเผ่า และต้องปรับตัวใช้ “เครื่องมือ” ที่หาได้จากธรรมชาติของดาวดวงนี้ และการแท็กทีมกับเพื่อนใหม่ เพื่อต่อกรกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า ราวกับเกม RPG ที่มีการฟาร์มของ คราฟท์ไอเทมเฉพาะตัว เมื่อเทคโนโลยีของยวตจา อาจจะไม่ใช่คำตอบของการต่อสู้

ส่วนตัวมองว่า “Predator: Badlands” คือความสำเร็จอีกครั้งของแดน แทคเทินเบิร์ก มันคือการผจญภัยที่ทั้งตื่นเต้น สนุกสนาน ตลกขบขัน และในขณะเดียวกันก็ลึกซึ้งจนน่าทึ่ง
มันคือเรื่องราวการเติบโตของคนนอกคอกสองสายพันธุ์ ที่ค้นพบสิ่งที่ตัวภาพยนตร์ได้สอนคนดูว่า
“การเป็นจ่าฝูง” ที่แท้จริง ไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่คือผู้ที่ปกป้องพวกพ้องได้ดีที่สุด”
นี่คือภาพยนตร์ที่ดูจบแล้วต้องอุทานออกมาดังๆ ว่า “เฮ้ย! จบแบบนี้เลยเหรอ? พรุ่งนี้ฉายต่อเลยได้มั้ย!?”
มันคือการผจญภัยที่สมบูรณ์แบบ และเป็นก้าวใหม่ที่ “กล้าทำ” ของแฟรนไชส์ Predator อย่างไม่ต้องสงสัย และเราอยากเห็นเรื่องราวต่อจากฉากจบนี้ในเร็ววันครับ!
Predator: Badlands มีกำหนดวางจำหน่าย 6 พฤศจิกายน 2025 ในระบบ โรงภาพยนตร์
แอดมิน AK47
#PredatorBadlands #พรีเดเตอร์แดนเถื่อน #DanTrachtenberg #Prey #MovieNews #ข่าวหนังใหม่ #20thCenturyStudios
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]































