PlayStation Portal
คือเครื่องเล่น PlayStation 5 จากระยะไกล ที่ก่อนหน้านี้รู้จักกันในชื่อ Project Q ตามที่ Sony Interactive Entertainment เคยประกาศ
โดยจะเปิดตัวในไทยที่ราคา 7,790 บาท โดยลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าแบบ Pre-order ได้ตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2567
ผ่านร้านค้า Sony Store ทุกสาขา, Shopify และ ร้านตัวแทนจำหน่าย (ดูรายละเอียดได้ที่: https://www.playstation.com/local/retailers/
เครื่องเล่นระยะไกล PlayStation Portal นำประสบการณ์ PlayStation 5 มาสู่มือคุณ ประกอบด้วยคุณสมบัติหลักของคอนโทรลเลอร์ไร้สาย DualSense รวมถึงทริกเกอร์ที่ปรับเปลี่ยนได้และการตอบรับแบบสัมผัส
หน้าจอ LCD ขนาด 8 นิ้วที่มีความละเอียด 1080p ที่ 60 เฟรมต่อวินาที มอบประสบการณ์การรับชมภาพที่มีความคมชัดสูง ที่สร้างโดยนักพัฒนาระดับโลก
PlayStation Portal เหมาะกับใคร?
PlayStation Portal เหมาะสำหรับเกมเมอร์ในบ้านที่อาจจะต้องใช้ทีวีในห้องนั่งเล่นร่วมกัน กับพ่อแม่พี่น้องที่ไม่ได้เล่นเกม แต่คุณอยากเล่นเกม PlayStation 5 ก็มูฟตัวเองออกมาอีกห้องหนึ่งของบ้าน ซึ่ง PlayStation Portal จะเชื่อมต่อกับ PlayStation 5 ของคุณจากระยะไกลผ่าน Wi-Fiเท่านั้น
ข้อดีคือ มันจะเป็นเครื่องเล่นเกมที่คุณสามารถนอนเล่น หรือหิ้วไปเล่นในห้องน้ำหรือส่วนต่างๆของบ้านได้ตามใจ จากการเชื่อมต่อ Wi-Fi วงเดียวกัน (สายเกมเก็บเลเวลที่ต้องการความต่อเนื่องน่าจะชอบ) ซึ่งบนตัวเครื่อง จะมี “แจ็คเสียง 3.5 มม.” สำหรับหูฟังแบบมีสาย และการเชื่อมแบบบลูทูธ สำหรับหูฟังไร้สาย
PlayStation Portal สามารถเล่นเกมที่รองรับซึ่งติดตั้งบนคอนโซล PlayStation 5 เท่านั้น ไม่รองรับ PSVRใดๆ และเกมที่สตรีมผ่านการสตรีมบนคลาวด์ของ PlayStation Plus Premium
Pulse Elite (18,980 เยน)
PlayStation Portal สามารถใช้งานร่วมฮาร์ดแวร์ใหม่อื่นๆ ที่จะเปิดตัวภายในปี 2023 ได้แก่ ชุดหูฟังไร้สาย Pulse Elite (18,980 เยน) และหูฟังไร้สาย Pulse Explore (29,980 เยน) ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสียง PlayStation เครื่องแรกที่ใช้ “ไดรเวอร์แม่เหล็กระนาบที่ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อประสบการณ์การฟังระดับออดิโอไฟล์ที่ปกติจะพบในหูฟังระดับพรีเมียมสำหรับ Sound Engineer ในห้องอัดเพลง”
Pulse Explore (29,980 เยน)
ทั้ง Pulse Elite และ Pulse Explore สามารถเชื่อมต่อโดยตรงกับ PlayStation Portal ผ่านทาง PlayStation Link ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเสียงไร้สายใหม่ของ PlayStation ที่ออกแบบมาเพื่อให้มีความหน่วงต่ำ (Zero Latency) ที่ไม่มีความเหลื่อมกันระหว่างถาพ และเสียง อันเป็นปัญหาสามัญของหูฟังบลูทูธที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเล่นเกม และสารมารถรองรับหลายอุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน เช่น บลูทูธที่เชื่อมโทรศัพท์มือถือ พร้อมๆกับเล่นบน PlayStation 5 ซึ่งจะทำให้คุณสามารถรับสายและฟังผ่านชุดหูฟังนี้ ตัวเดียวจบ
แอดมิน AK47
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]
































