Paramount+ เตรียมเปิดตัวในประเทศไทยผ่านข้อตกลงการอนุญาตสิทธิ์กับ Monomax ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งในไทย เพื่อสานต่อนโยบายที่ยืดหยุ่นของ Paramount Global ในการนำแบรนด์สตรีมมิ่งหลักและนำเนื้อหาของบริษัทเข้าสู่ตลาดทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวบริการแบบตรงถึงผู้บริโภค หรือผ่านความร่วมมือแบบรวมกับผู้ให้บริการในท้องถิ่น

ความร่วมมือทางแบรนด์กับไทย ก็กำลังดำเนินการควบคู่ไปกับในกรีซผ่าน Cosmote, เบลเยียมกับ Streamz, แอฟริกาผ่าน MultiChoice และในอินเดียผ่านข้อตกลงกับ JioCinema และ Blast TV ของฟิลิปปินส์ ส่วนในญี่ปุ่น ทางParamount+ จะดำเนินการด้วยตนเอง

ส่วน Mono เป็นที่รู้จักดีในประเทศไทยจากช่องทีวีดิจิตอล ในชื่อ MONO29 ซึ่งเป็นช่องที่ได้รับความนิยมสำหรับการถ่ายทอดซีรีส์ และภาพยนตร์ต่างประเทศตลอด 24 ชั่วโมง

ในปีแรก Paramount+ จะเป็นบริการใหม่บน Monomax จะให้สมาชิกสามารถเข้าถึงเนื้อหาของช่องได้แก่ผลงานจากทาง Showtime, CBS Studios และ Paramount Pictures รวมถึงซีรีส์ยอดนิยมอย่าง FBI: International, NCIS, NCIS: Sydney, Mayor of Kingstown, Tulsa King และ Halo รวมไปถึงภาพยนตร์ดังอย่าง Dungeons & Dragons: Honor Among Thieves, Transformers: Rise of the Beasts, Hellraiser และ แฟรนไชส์ ​​Mission: Impossible เป็นต้น

Dan Cohen หัวหน้าฝ่าย LC ของ Paramount และประธานของ Republic Pictures กล่าวว่า

“กลยุทธ์หลักของเราที่ Paramount Global Content Distribution ยังคงมุ่งเน้นไปที่การมอบความบันเทิงคุณภาพดีที่สุดให้กับผู้ชมผ่านเนื้อหาหลักและประเภทต่างๆ ในรูปแบบใหม่ที่สร้างสรรค์และเข้าถึงได้ และข้อตกลงใหม่กับ Mono ก็ทำเช่นนั้น ความสำเร็จของจุดหมายปลายทางภายใต้แบรนด์ Paramount+ ของเราในบริการสตรีมมิ่งทั่วโลก คือการนำเสนอทางเลือกที่น่าดึงดูดสำหรับทั้งลูกค้าของเรา ที่ต้องการขยายฐานสมาชิกโดยนำเสนอเนื้อหาที่มีความต้องการสูง และผู้ใช้ปลายทางที่ต้องการเข้าถึงเนื้อหานั้นภายในแพลตฟอร์มที่คุ้นเคย ในขณะที่ธุรกิจของเราเติบโต”

นวมินทร์ ประสพเนตร ซีอีโอของ Mono เสริมว่า

“เป้าหมายหลักของเราคือการมอบประสบการณ์ความบันเทิงที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าเสมอมา ด้วยการจับมือเป็นพันธมิตรกับ Paramount Global Content Distribution เราสามารถยกระดับข้อเสนอของเราได้อย่างมาก”

Paramount+ จะเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้

แอดมิน AK47

#Paramount+ #Mono29 #Movie #Series #Streaming #Online

ที่มา  hollywoodreporter