เป็นโปรเจคท์ที่น่าจะเป็นการสนองนี้ด และสนองเนิร์ดในความรักต่อรถยนต์สไตล์ JDM (รถญี่ปุ่น) ของนักแสดงคนดังจากหนังแอคชั่นรถเร็ว แรงทะลุนรก

“ซองคัง” หรือ ที่แฟนๆหนังตระกูล  Fast & Furious รู้จักในชื่อ “ฮาน” นักดริฟท์ขาลุยของเรื่อง ได้ประกาศว่าตัวเขาจะมานั่งแท่นกำกับหนังที่สร้างจากการ์ตูนอัดรถลงเขาอย่าง Initial D 

“มันเกี่ยวกับรถยนต์ การดริฟท์ และของเจ๋งๆ แบบนั้น…เกือบจะเป็นแบบหนัง Rocky หรือแนวๆ Karate Kid เวอร์ชั่นรถซิ่ง มันเป็นหนังสนุกๆ ที่ต้องใช้ทุนสร้าง เพื่อที่จะแสดงออกถึงความรักของผมที่มีต่อรถยนต์สไตล์ญี่ปุ่น”

Initial D เริ่มต้นจากหนังสือการ์ตูนซึ่งตีพิมพ์ระหว่างปี 1995 ถึง 2013 โดยมียอดจำหน่ายมากกว่า 55 ล้านเล่ม และได้รับการดัดแปลงเป็นซีรีส์และภาพยนตร์ทั้งการ์ตูนและซีรีส์คนแสดง รวมถึงวิดีโอเกมหลายสิบเกม

แม้ว่า   Fast & Furious : Tokyo Drift จะเป็นการนำเสนอการขับรถดริฟท์ให้คนทั่วโลกได้รู้จัก แต่ Initial D ก็มักจะได้รับเครดิตในฐานะสื่อที่ช่วยยกระดับโปรไฟล์ของการดริฟท์ในญี่ปุ่น และมีส่วนทำให้ได้รับความนิยมไปทั่วโลกเช่นกัน

ซองคังเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดจากการรับบท “ฮาน” ในภาพยนตร์ Fast & Furious แต่ ปัญหาสังคมการทำงาน และ “การเลือกปฏิบัติ” ในวงการหนังฮอลลีวูด ทำให้เขาไม่สมหวังในหลายๆครั้งในการเป็นนักแสดง และต้องการ ‘อยู่หลังกล้อง’ มากกว่า

โดยตอนนี้เขามีโปรเจท์ที่อยากทำ รวม Initial D เข้าไปก็ 3 เรื่องแล้ว และหนังอัดรถเรื่องดังกล่าว คงต้องรอให้ทางซองคัง จบงานสองเรื่องแรกที่เป็นหนังระทึกขวัญซอมบี้ และ หนังสารคดีให้จบเสียก่อน

เพราะนอกจากหนังแนวรถซิ่ง อีกสิ่งที่ซองคังชื่นชอบ คือหนังสไตล์ระทึกขวัญ ซอมบี้ ผีดิบ ทำให้เขาได้มีโอกาสสร้างหนังเรื่อง  “Shaky Shivers” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Evil Dead ที่ปรับโทนให้ตลกขบขัน เข้าถึงได้แม้กระทั่งเด็กๆ และได้รับการเรียนรู้การทำงานจาก Robert Rodriguez และ Denzel Washington

“อาหารกลางวันในกองถ่ายภาพยนตร์ Fast & Furious แพงกว่า งบหนังของผมทั้งเรื่อง (Shaky Shivers) ซะอีก 55+” เขากล่าวพร้อมหัวเราะ

“แต่โดยแก่นแท้แล้ว การสร้างภาพยนตร์ยังคงเหมือนเดิม คุณมีโครงสร้างสามองก์ … นักแสดงก็ต้องตีบทให้แตก / ไฟก็ต้องพร้อม / ผู้กำกับต้องสั่ง ‘แอ็คชั่น’ และ ‘คัท’ให้เป็น …

มันถึงเวลาที่ผมต้องอยู่หลังกล้องและเริ่มสร้างสรรค์ผลงานในฐานะผู้กำกับ ผมสามารถให้โอกาสแก่ผู้คนที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากแบบเดียวกับที่ผมเคยเผชิญในฮอลลีวูด มันเกี่ยวกับการส่งต่อและถ่ายทอดความรู้ ตอนนี้ผมไม่ถือว่าตัวเองเป็นนักแสดงที่ดีที่สุด และก็ไม่ใช่ผู้กำกับที่ดีที่สุดด้วย นั่นคือสองสิ่งที่ผมไม่เก่ง

 นั่นคือเหตุผลที่ผมต้องทุ่มเทเป็นสองเท่าในงานชิ้นเดียว  เพราะผมทำงานสองอย่างพร้อมกันไม่เก่งอยู่แล้ว ดังนั้นให้ผมโฟกัสทีละอย่างดีกว่า อย่างตอนนี้ผมอยากเป็นผู้กำกับ ก็จะเต็มที่กับตรงนี้มากๆ”

ตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจน มีเพียงบทสัมภาษณ์กับทาง หนังสือพิมพ์ South China Morning Post ดังที่เป็นข่าวนั่นเอง โปรดติดตามตอนต่อไป…

แอดมิน AK47