
ชื่อภาษาอังกฤษ : Mr.Robot
ประเภท : Tv Series
แนว : Crime / Drama / Thriller
สร้างโดย : แซม เอสเมล์ (Sam Esmail)
ฉายช่อง : USA Network
จำนวนตอน : 10 ตอน
“Mr.Robot” ซีรี่ส์สุดฮิตจากสหรัฐเมริกาที่ได้เสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมและคะแนนวิจารณ์จากเวป www.imdb.com ไปถึง 8.8 คะแนนด้วยกัน จากผู้สร้าง แซม เอสเมล์ (Sam Esmail) โดย Mr.Robot การันตีความสำเร็จโดยการได้รับรางวัล Golden Globes Awards 2016 (ลูกโลกทองคำ) ครั้งที่ 73 ถึง 2 รางวัลด้วยกันในสาขารางวัลทางโทรทัศน์ ซีรีส์ทางโทรทัศน์ยอดเยี่ยมประเภทดราม่า และนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากซีรีส์ที่ฉายทางโทรทัศน์โดย คริสเตียน สเลเตอร์ ถือเป็นซีรีส์ที่ใกล้เคียงกับโลกแห่งความเป็นจริงได้มากที่สุดเรื่องหนึ่งเพราะว่าทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้จริง และอาจจะเกิดกับตัวเราเองก็ได้ ซีรี่ส์จะพูดถึงด้านมืดที่อยู่ภายในจิตใจของมนุษย์และสังคมโดยผ่านมุมมองการเล่าเรื่องจากตัวละครที่มีชื่อว่า เอลเลียต อัลเดอร์สัน (Elliot Alderson) รับบทโดย เรมี มาเลค (Rami Malek) ที่เคยฝากผลงานให้เราคุ้นตามาบ้างแล้วกับ Night at the Museum ที่รับบทเป็นกษัตริย์แห่งอิยิปต์ Ahkmenrah หรือแม้กระทั่งในเกม Until Dawn เพราะเขาถูกใช้คาแรคเตอร์และเสียงพากย์กับตัวละครที่ชื่อ Joshua ในเกมนั่นเอง ซึ่งเอลเลียตเป็นนักวิศวกรระบบคอมพิวเตอร์ที่มีงานอดิเรกเป็นนักแฮกเกอร์อาชญากรทางคอมพิวเตอร์ที่เป็นโรคกลัวการเข้าสังคม (Social Phobia) และเรื่องราวต่างๆ มากมายของอาชญากรรมในโลกไซเบอร์ ด้วยเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมเลยทำให้ Mr.Robot กำลังจะมี Season2 ในวันที่ 13 กรกฎาคนี้
เรื่องย่อ

ในตอนกลางวัน เอลเลียต อัลเดอร์สัน (Elliot Alderson) เป็นเพียงแค่วิศกรคอมพิวเตอร์หนุ่มธรรมดาคนหนึ่งของบริษัท AllSafe มีหน้าที่ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ด้านความปลอดภัย ฐานข้อมูลต่างๆ ของบริษัท E(vil) Crop ที่เป็นบริษัทกลุ่มนายทุนที่เรืองอำนาจในด้านการสื่อสารคมนาคมและด้านต่างๆ มากมาย แต่ถ้าตกตอนกลางคืนเขาจะกลายเป็นนักแฮ็กเกอร์มือฉมังที่เป็นศาลเตี้ยคอยจัดการคนชั่วโดยแฮ็กระบบคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต และเขาเป็นโรคกลัวการเข้าสังคม (Social Phobia) จึงส่งผลทำให้เขาชอบเก็บตัวอยู่คนเดียวและเข้ากับสังคมได้ยาก แต่อยู่มาวันหนึ่งระบบภายในบริษัทต้นสังกัดเขาถูกโจมตีอย่างหนักจากกลุ่มแฮ็กเกอร์ลักลับ “FSociety” ซึ่งมีเป้าหมายในการดึงตัวอิเลียตมาร่วมทีม และมีเป้าหมายในการกวาดล้างผู้มีอิทธิพลทรงประสิทธิภาพโดยตรงต่อสังคม โดยการทำลายรากของทุนนิยมของบริษัท E(vil) Corp โดยการ Set Zero หรือการทำให้สังคมกลับไปตั้งต้นใหม่ ไม่มีหนี้ ไม่มีคนจนหรือคนรวย สังคมที่ทุกคนจะเท่าเทียมกันหมดไม่ว่าใครก็ตาม
แนะนำตัวละคร

เอลเลียต อัลเดอร์สัน (Elliot Alderson) รับบทโดย เรมี มาเลค (Rami Malek)
วิศกรคอมพิวเตอร์หนุ่มมีหน้าที่ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ธรรมดาคนหนึ่งของบริษัท Allsafe แต่ถ้าตกตอนกลางคืน เขาจะกลายเป็นนักแฮ็กเกอร์มือฉมังที่เป็นศาลเตี้ยคอยจัดการคนชั่วโดยแฮ็กระบบคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต และเขาเป็นโรคกลัวการเข้าสังคม (Social Phobia) จึงส่งผลทำให้เขาชอบเก็บตัวอยู่คนเดียวและเข้ากับสังคมได้ยาก แต่ถ้าเอลเลียตมีความสนใจใครขึ้นมา เขาจะทำการสืบค้นข้อมูลโดยการแฮ็กข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเพื่ออ่านเรื่องราวและข้อมูลส่วนตัวของคนๆ นั้น

Mr.Robot รับบทโดย คริสเตียน สเลเตอร์ (Christian Slater)
ชายลึกลับที่เป็นหัวหน้ากลุ่มแฮ็กเกอร์ “FSociety” ซึ่งมีเป้าหมายในการดึงตัวอิเลียตมาร่วมทีม และมีเป้าหมายในการกวาดล้างผู้มีอิทธิพลทรงประสิทธิภาพโดยตรงต่อสังคม โดยการทำลายรากของทุนนิยมของบริษัท E(vil) Corp โดยการ Set Zero หรือการทำให้สังคมกลับไปตั้งต้นใหม่ ไม่มีหนี้ ไม่มีคนจนหรือคนรวย สังคมที่ทุกคนจะเท่าเทียมกันหมดไม่ว่าใครก็ตาม

ไทเรล เวลลิค (Tyrell Wellick) รับบทโดย มาร์ติน วอลสตอร์ม (Martin Wallström)
รองประธานอาวุโสฝ่ายเทคโนโลยีของบริษัท E(vil) Corp ที่แสดงความสนใจในตัวเอลเลียต และต้องการให้เขามาร่วมงานด้วย

แองเจล่า มอส (Angela Moss) รับบทโดย พอร์เทีย ดับเบิ้ลเดย์ (Portia Doubleday)
เพื่อนร่วมงานในบริษัท E(vil) Corp ของเอลเลียตและยังมีความสัมพันธ์ที่เป็นเพื่อนมาตั้งแต่สมัยยังเด็ก เพราะการตายของพ่อแม่ทั้งคู่มีสาเหตุมาจากการพัวพันกับบริษัท E(vil) Corp ที่พ่อแม่ของทั้งสองคนเคยทำงานอยู่
Screenshot


ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก www.imdb.com / Wikipedia.com / FB : Mr.Robot
ตัวอย่าง :
Season 1
Season 2
Rank B+ คนแนน 8/10
โทนหนังส่วนมากจะออกไปแนวมืดมนแต่ก็มีบางฉากที่ทำให้รู้สึกดีบ้าง ตัวพระเอกมีการพูดคุยกับความคิดของตัวเองเหมือนพูดคุยกับคนดูทำให้เราเข้าใจในความมีเหตุผลของการกระทำของตัวละครได้เป็นอย่างดี และนักแสดงก็ถ่ายทอดอารมณ์เหมือนกับคนที่เป็นโรคกลัวการเข้าสังคมจริงๆ และถึงแม้ว่าหนังจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์แต่คำศัพท์เฉพาะมีน้อยมาก ทำให้การดูของคนที่ไม่รู้เกี่ยวกับของคอมพิวเตอร์ไม่ยากและซับซ้อนอย่างที่คิด การลำดับเนื้อเรื่องให้ดูมีความน่าตื่นเต้น การวางปมของตัวละครให้ผู้ชมต้องติดตาม อีกทั้งบทพูดที่ตัวละครพูดออกมาในทุกๆ ประโยคก็มีความสำคัญ เพราะทุกคำพูดหรือการกระทำมีความจิกกัดและเสียดสีสังคมปัจจุบัน รวมไปถึงการวิพากษ์เหล่าคนดังที่มีอิทธิพลอย่างมากในสังคมยุคเทคโนโลยีไล่ตั้งแต่ สตีฟ จ็อบส์ เจ้าของเทคโนโลยีแบรนด์ดังอย่าง Apple, บิล เกตส์ ชายที่รวยที่สุดคนหนึ่งในโลกที่ได้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ขึ้นมา จนไปถึงมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เจ้าพ่อแห่งวงการสังคมออนไลน์อย่าง Facebook ไปจนถึงการต่อสู้ทางความคิด อุดมการณ์ การวิพากษ์วิจารณ์ถึงทุนนิยมระหว่างคนรวยและคนจน ซึ่งเป็นสิ่งนามธรรมอย่างมาก และสุดท้ายของตอนจบในแต่ละตอนมักจะมีการหักมุมหรือสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก ทำให้ตัวหนังมีวคามน่าติดตามอยู่ในทุกๆ ตอน ส่วนข้อเสียคือตัวหนังบอกเหตุผลและการกระทำบางอย่างมันไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ บางจังหวะหนังก็เร็วบ้าง ช้าบ้าง ทำให้ตามจังหวะของหนังไม่ถูก แต่โดยรวมแล้วตัวหนังมีความสนุกและน่าติดตามมากครับ
By แอดอาคาอินุ
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]


























