ชื่อภาษาอังกฤษ : Independence Day: Resurgence
ชื่อภาษาไทย : ไอดี 4 : สงครามใหม่ วันบดโลก
ประเภท : ภาพยนตร์
แนว : แอคชั่น / ผจญภัย / วิทยาศาสตร์
ผู้กำกับ : Roland Emmerich
ค่าย : 20th Century Fox
ฉาย : 23 มิถุนายน 2016
REVIEW NO SPOIL BY METAL BRIDGES
หลังจากปิดฉากสงครามทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปด้วยดี เมื่อปี 1996 (ซึ่งผ่านมาแล้วร่วม 20 ปีเห็นจะได้) ในปี 2016 ที่กำลังจะถึงนี้ หายนะครั้งใหม่ก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง กับภาพยนตร์มหากาพย์การโจมตีจากนอกโลก ที่ครั้งนี้อัพเกรดความอันตรายยิ่งขึ้น ที่มาพร้อมเงินลงทุนกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้ภาคนี้จะไร้ซึ่งวี่แววของ Will Smith ในบท “กัปตันสตีฟ” พระเอกผู้กอบกู้โลกในภาคที่แล้ว (เนื่องจากค่าตัวสูงลิ่วจนผู้สร้างสู้ไม่ไหว) ก็ตาม
อย่างไรก็ดี… ในภาคใหม่นี้ นอกจากสเปเชียลเอฟเฟคชนิดที่สวยได้ใจ และงาน CG เนี้ยบอย่างเทพแล้วนั้น ก็ยังได้นักแสดงสำคัญจากภาคที่แล้วมาร่วมแท็กทีมเป็นส่วนหนึ่งของภาคใหม่นี้ ไม่ว่าจะเป็น Jeff Goldblum ในบท “David Levinson”, Brent Spiner ในบท “Dr. Brackish Okun” หรือ Judd Hirsch ในบท “Julius Levinson” และ Vivica A. Fox ในบท “ผอ.โรงพยาบาล แฟนสาวพระเอกภาคก่อน” ร่วมด้วยตัวละครใหม่อย่างหนุ่มนักบิน “Jake Morrison” รับบทโดยนักแสดงหนุ่มตาน้ำข้าวขวัญใจสาวๆ อย่าง Liam Hemsworth ที่มารับหน้าที่กอบกู้โลกในภารกิจเสี่ยงตายครั้งนี้ด้วย!!

เรื่องย่อ
หลังจากการตายในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ระหว่างทดสอบยานรบต่อต้านเอเลี่ยนรุ่นแรกของ “กัปตันสตีฟ” นักบินของนาวิกโยธินสหรัฐ หนึ่งในผู้กอบกู้โลกจากการโจมตีของมนุษย์ต่างดาว เทคโนโลยีมนุษย์ก็ได้ก้าวล้ำขึ้นมาเรื่อยๆ จนมีทั้งการสร้างอาวุธ และพาหนะสุดไฮเทค ตลอดนักบินนาวิกโยธินสหรัฐรุ่นใหม่ๆ ที่ถูกฝึกฝนฝีมือมากยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือ “แจ็ค มอร์ริสัน” อดีตเด็กกำพร้า ผู้ไต่เต้าจนได้กลายเป็นนักบินรบ แต่ด้วยเพราะความผิดพลาดบางอย่าง จึงทำให้เขาถูกเนรเทศไปประจำการในฐานทัพบนดวงจันทร์ และทำหน้าที่ขับเครื่อง Moon Tug แทน


ขณะเดียวกัน เดวิด เลวินสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านดาวเทียมและคอมพิวเตอร์จากภาคที่แล้ว ซึ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการของกองกำลัง Earth Space Defense ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องโลกจากภัยคุกคามจากอวกาศในภาคนี้ ก็ตรวจพบสัญญาณเตือนการกลับมาของหายนะครั้งยิ่งใหญ่ที่เขาเคยเผชิญมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า และมันอาจหมายถึงอวสานของโลก


และแล้วการเผชิญหน้าระหว่างกองทัพมนุษย์แลผู้มาเยือนต่างดาวได้เริ่มขึ้น การปะทะกันของสองเผ่าพันธุ์ได้เปิดฉาก การมาของยานอวกาศขนาดยักษ์ก่อเกิดมหันตภัยการทำลายล้างไปรอบทิศ ผู้คนทั่วโลกต้องประสบกับการการล้มตาย จากความตั้งใจที่จะทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้สิ้นซากและเข้ายึดครองให้ได้อีกครั้ง ทางเดียวที่หยุดพวกมันได้มีเพียงสมองอันชาญฉลาดของคนเพียงไม่กี่คน และการพลีชีพของกองกำลังติดอาวุธเต็มรูปแบบ เพื่อปกป้องโลก


แต่สุดท้ายแล้ว… สงครามการต่อสู้เพื่อดำรงไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์ และการปกป้องสิ่งที่เรียว่า “บ้าน” ครั้งนี้จะเป็นอย่างไร คงต้องติดตามความคืบหน้าในภารกิจครั้งสำคัญนี้ของ “แจ็ค” และ “เดวิด” กันต่อไปได้ ในเดือนมิถุนายน ปี 2016 นี้ ทุกโรงภาพยนตร์!!!
ตัวละคร
ตัวอย่างภาพยนตร์
Review Score 7/10 (ไม่สปอย์)
เหตุกาณ์ตัดมาจากภาคแรก ใน 20 ปีต่อมา เหล่าเอเลี่ยนก็กลับมาบุกโลกของเราอีกครั้ง โดยการนำยานอวกาศลำใหญ่ยักษ์เขามาเจาะแกนโลก เพื่อหวังเพื่อทำลายแรงโน้มถ่วงของโลกเพื่อทำลายมวมนุษยสยชาติ เหล่ากองทัพนักบินจึงต้องออกมาขัดขวางการยึดโลกอีกครั้ง ซึ่งในการครั้งนี้ เอเลี่ยนเตรียมตัวมาอยากดีกว่าที่เคย
สำหรับเรื่องนี้ดูง่ายดูได้เรื่อยๆ ดำเนินเรื่องเร็วมาก มาถึงเอเลี่ยนก็มาบุกเลย สำหรับคนที่ไม่เคยดูภาคแรกมาก่อนก็คงนั่งอืนไปพักใหญ่ เพราะตามตัวละครไม่ทัน ทั้งตัวละครเก่าและใหม่ก็มีเข้ามาใหม่ๆเรื่อยๆ ซึ่งหนังก็ไม่ยอมเสียเวลาเล่าตัวละครในภาคเก่าสักเท่าไหร่ รวมถึงตัวละครใหม่ๆที่บทก็ไม่ได้เน้นไปที่เรื่องราวของตัวละครนั้นๆ เพราะหนังเน้นไปที่การโจมตีของเอเลี่ยนมากกว่า
ส่วน ซีจี ถือว่า ถือว่าเป็นจุดเด่นของเรื่องนี้เลยทีเดียว เพราะทำได้เป็นอย่างดีสมกับเป็นหนังแอ็คชั่น ไซไฟ แต่แอบติดตรงที่ดันเอาฉากอลังๆไปตัดใส่ตัวอย่างไปซะเยอะ เลยทำให้พอดูจริง จึงรู้สึกเฉยๆไม่ตื่นตาตื่นใจเท่าที่ควรจะเป็น แถมตัวอย่างยังทำให้ความลุ้นระทึกหายไปด้วย เพราะโชว์ฉากเจ๋งๆไปเยอะแล้ว แต่ที่ขอชมก็คือเป็นหนังเอเลี่ยนที่ไม่กั๊กการเรื่องของการปรากฏตัวของเอเลี่ยนที่โชว์เอเลี่ยนให้เห็นชัด ๆ ไม่มาหลบๆซ่อน นานๆออกที เหมือนเรื่องกับอื่นๆ
แต่จุดที่พลาดที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ มุกตลก ซึ่งมันแป้ก ซึ่งนอกจากไม่ตลกแล้ว ยังลดเกรดของหนังตัวเองลงไปด้วย มุกบางฉากก็ไม่คิดว่าจะกล้าเอามุกนี้เขามาใส่หนังฟอร์มใหญ่ระดับนี้
สรุป หนังเรื่องนี้ตอบโจทย์ความเป็นแอ็คชั่นไซไฟได้เป็นอย่างดี เพราะในหนังเต็มไปด้วยฉากทำลายล้าง ฉากแอ็คชั่นสนุกต่างๆ แต่หนังเรื่องนี้พลาดในเรื่องมุกตลกที่พยายามยัดใส่เขามานั่นเอง
แหล่งที่มาเพิ่มเติม : IMDb
By : Admin@no (แอดมินโนเอง)
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]







































