ประเภท: ภาพยนตร์สยองขวัญ (Horror Film)
ผู้กำกับ: Osgood Perkins
ผู้เขียนบท: Nick Lepard
นักแสดงนำ: Tatiana Maslany, Rossif Sutherland, Claire Friesen
ผู้จัดจำหน่าย: NEON
ฉายไทย 27 พฤศจิกายน 2025
Keeper คือผลงานสยองขวัญเรื่องล่าสุดจากผู้กำกับ Osgood Perkins (จาก Longlegs และ The Monkey) ซึ่งขณะนี้กำลังถูกเก็บงำเป็นความลับสุดยอดด้วยแคมเปญการตลาดที่ลึกลับโดยค่าย NEON เพื่อคงความน่าค้นหาของภาพยนตร์ไว้

อย่างไรก็ตาม มีผู้ที่ได้รับโอกาสชมภาพยนตร์เรื่องนี้ล่วงหน้าเพียงไม่กี่คน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปรมาจารย์ในวงการสยองขวัญระดับโลกที่ออกมาแสดงความชื่นชมอย่างล้นหลาม จนทำให้ Keeper กลายเป็นภาพยนตร์ที่แฟนหนังสยองขวัญไม่ควรพลาด
เรื่องย่อ
เรื่องราวของ Keeper เริ่มต้นขึ้นเมื่อคู่รักคู่หนึ่งคือ Liz (รับบทโดย Tatiana Maslany) และ Malcolm (รับบทโดย Rossif Sutherland) ตัดสินใจเดินทางไปฉลองครบรอบวันแต่งงานที่กระท่อมอันห่างไกลและเงียบสงบ แต่การเดินทางที่ควรจะแสนโรแมนติกกลับกลายเป็นฝันร้าย เมื่อ Malcolm ต้องกลับเข้าเมืองอย่างกะทันหัน ทำให้ Liz ต้องอยู่ลำพัง และเผชิญหน้ากับ พลังงานมืดชั่วร้าย ที่ปรากฏตัวออกมา พร้อมทั้งเปิดเผยความลับอันน่าสะพรึงกลัวของกระท่อมแห่งนี้ การเผชิญหน้ากับอดีตอันน่าขนลุกของสถานที่แห่งนี้จะเปลี่ยนทริปวันครบรอบของพวกเขาให้กลายเป็นความสยองขวัญที่บีบคั้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย Osgood Perkins และเขียนบทโดย Nick Lepard โดยมี Chris Ferguson และ Jesse Savath รับหน้าที่โปรดิวเซอร์ภายใต้บริษัท Oddfellows
การสร้าง Keeper เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนพฤษภาคม 2024 โดยเป็นการร่วมงานกันครั้งที่สามระหว่าง Perkins กับ NEON ต่อจาก Longlegs และ The Monkey การถ่ายทำหลักได้เกิดขึ้นในเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา และเสร็จสิ้นในเดือนกรกฎาคม 2024 โดยมี Jeremy Cox เป็นผู้กำกับภาพ และ Edo Van Breemen เป็นผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบ สิ่งที่น่าสนใจคือการถ่ายทำเกิดขึ้นในช่วงที่การประท้วงหยุดงานของฮอลลีวูดปี 2023 มีความล่าช้า ทำให้ทีมงานและนักแสดงชาวแคนาดาหลายคนตัดสินใจสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อให้ได้ทำงานต่อ
จุดเด่นที่น่าสนใจ
ที่มา bloody-disgusting
จุดเด่นของ Keeper ที่สร้างความตื่นเต้นที่สุดคือการได้รับการยกย่องจากบุคคลระดับตำนานในวงการภาพยนตร์สยองขวัญและผู้กำกับชื่อดังหลายท่าน ก่อนที่ภาพยนตร์จะเข้าฉายอย่างเป็นทางการ โดยการรีวิวที่ถูกเปิดเผยออกมานั้นเป็นการการันตีคุณภาพและความแปลกใหม่ของวิสัยทัศน์ผู้กำกับ Osgood Perkins ได้อย่างยอดเยี่ยม
Hideo Kojima (ผู้สร้างเกม Metal Gear, Death Stranding) ถึงกับกล่าวว่า “Osgood Perkins ผสมผสาน ‘ความกลัว’ และ ‘ความประหลาดใจ’ เข้าด้วยกันอีกครั้ง เขาคือ ‘พ่อมด’ แห่งหนังสยองขวัญ”
Guillermo del Toro (ผู้กำกับ Pan’s Labyrinth, The Shape of Water) อธิบายว่า Keeper คือ “Horror Origami ที่พับตัวเองอย่างชำนาญ เปลี่ยนรูปทรง: กลายพันธุ์จากตลกเป็นสยองขวัญ และจากสยองขวัญเป็นละครดราม่า”
James Wan (ผู้กำกับ Saw, Insidious, The Conjuring) เรียกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คือ “การดิ่งลงสู่ความวิกลจริตที่น่าสะพรึงกลัว”
Bong Joon Ho (ผู้กำกับ Parasite, The Host) ได้ยกย่องสไตล์การกำกับที่โดดเด่นของ Perkins โดยระบุว่า “[Perkins] สร้างกรอบภาพที่แสดงให้เห็นถึงร่างกายมนุษย์ที่เปราะบาง – ใกล้จะถูกฉีกขาด ความสามารถตามธรรมชาติในการสร้างความรู้สึกไม่สบายใจ ความไม่สบายใจกลายเป็นความกังวล แล้วเปลี่ยนเป็นความกลัว เขาสร้างสไตล์ของตัวเองแล้ว”
Eli Roth (ผู้กำกับ Cabin Fever, Thanksgiving) เปรียบเทียบว่า “หลอน, น่าขนลุก และสวยงาม เหมือนภาพยนตร์เหนือจริงของ David Lynch เป็นต้นฉบับและน่าจดจำ”
Damien Leone (ผู้สร้าง Terrifier) และ Fede Alvarez (ผู้กำกับ Don’t Breathe, Alien: Romulus) ต่างก็กล่าวถึงวิสัยทัศน์ที่บิดเบี้ยวและประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสของความหวาดกลัวที่เข้มข้น
REVIEW จากการรับชม

เป็นหนังสยองขวัญที่ Slow Burn เล่าเรื่องช้าๆ เนิบๆ ใช้เวลาในการปูเรื่องราวค่อนข้างนาน น้ำเยอะ เนื้อน้อย ภาพสวย ก็โอเคอยู่ แต่อาจจะไม่ถึงกับ Day1 ครับ
ไม่ใช่หนังที่ดูสนุก , แต่ไม่ใช่หนังที่แย่ , และก็ไม่ใช่หนังที่ชอบซะทีเดียวครับ
จริตคนไทย เวลาดูหนังผีๆสางๆนี่ ส่วนมากจะชอบอะไรรวบรัด เข้าใจง่าย มาไวไปไวโฉ่งฉ่าง…
อีกทั้งตัวหนังเลือกที่จะเฉลยเรื่องราว “เร็วไปหน่อย” เพราะเอาปม ประเด็นต่างๆมากางให้ชัดช่วงกลางเรื่องเลย แต่ส่วนตัวเข้าใจได้ว่า เขาวางจังหวะการเล่าแบบนี้ เพื่อให้องก์สุดท้ายของหนัง นำไปสู่บทสรุปเรื่องที่ออกแนว “เออ เอามันยังงี้แหละ” กำปั้นทุบดินไปเลย!

ตัวหนังมีหลายจุดที่ชวนให้นึกถึงงานออกแบบภูติผีในสไตล์ “จุนจิ อิโต้” ไม่น้อย มันดูน่าพิลึก ขยะแขยงปนหดหู่ แถมยังมี “ซีนบรรจงปั้น” เพื่อการ”สร้างภาพติดตา” อยู่ไม่น้อย หลายซีนชวนหยีตา น่ากลัว ก็มีแซมๆมาตลอดทั้งเรื่อง
ซึ่งถือเป็นลายเซ็นของผลงานหนังจาก Osgood Perkins จริงๆ (ตั้งแต่ The Monkey ที่เอางานของสตีเฟน คิง มาทำ หรือ Longlegs แต่อันหลังส่วนตัวมองว่าจะเล่าได้คมกริบกว่า Keeper เยอะมาก)
ส่วนตัวอยู่ในฝั่งที่ “อีกนิดก็เกือบจะชอบ” หนังเรื่องนี้แล้วครับ แต่ด้วยความคนไทยอ่ะเนอะ ชอบอะไรที่มันตรงไปตรงมา และใช้เวลาในการเล่าที่ไม่ยืดเยื้อเกินไป ซึ่งเรื่องนี้ เอาจริงๆก็น้ำเยอะจนชวนหลับไปหน่อย … เนื้อน้อยไปนิด 55+
แต่ข้อดีของหนังเรื่องนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องการวางองค์ประกอบศิลป์ ถือว่าเป็นหนังภาพสวยเรื่องนึงเลย มุมเส้นนำสายตา การจัดวาง การใช้สี เด็กเรียนฟิล์ม เอาเรื่องนี้แคปภาพนิ่ง เอาเป็นต้นแบบเพื่อการศึกษาได้เลยเอาจริงๆ
แถมการตัดต่อ การจัดวางที่ทุกอย่างพอมารวมๆกัน มันดูน่าหวาดระแวงไปหมด อีกทั้งหลายซีนที่ใช้ Transition เป็นภาพหญิงสาวจากยุคอื่นๆ เพื่อสื่ออะไรซักอย่าง ตรงนี้ทำได้น่าสนใจ และ โยงไปยังช่วงเฉลยด้วย ถึงมันจะจบแบบอิหยังหวะ กำปั้นทุบดินไปหน่อยอย่างที่บอกในตอนต้นก็ตาม…
อย่างว่าครับ อย่าหาเหตุผลกับผีเลย เพราะ “เหตุผล” เป็นเรื่องของ “คน” ไม่ใช่เรื่องของ “ผี”
เอาเป็นว่า ใครว่าง หารอบฉายได้ ก็อยากให้ไปลองดูหนังสยองทางเลือก เรื่องนี้ดูครับ!
ไม่ต้อง Day1 ก็ได้ กดโค้ดลด…หรือรอราคาโปรก็ได้ครับ…ไม่ต้องรีบขนาดนั้น

Keeper : “เจ้าที่ปีศาจ” ฉายไทย 27 พฤศจิกายน 2025
แอดมิน Ak47
#Keeper #OsgoodPerkins #หนังสยองขวัญ #NEON #TatianaMaslany #RossifSutherland #ข่าวหนัง
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]





























