เจนนิษฐ์ BNK48 เผย “ใช้พลังเยอะมาก” ใน Folklore Season 2 ตอน “Broker of Death” : Metal Bridges‏ แหล่งร่วมข้อมูลข่าวสาร เกมส์ การ์ตูน ของเล่น หนัง อุปกรณ์ ไอที

เจนนิษฐ์ BNK48 เผย “ใช้พลังเยอะมาก” ใน Folklore Season 2 ตอน “Broker of Death”

26 พฤศจิกายน 2564 15:29 น.

Folklore ซีซั่น 2 ออริจินัลซีรีส์สยองขวัญจาก HBO Asia ที่ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมจากซีซั่นแรก ในการนำเสนอเรื่องราวความเชื่อและตำนานลี้ลับทั่วเอเชีย โดยในซีซั่นที่สองนี้ ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และ สิงคโปร์ สู่ซีรีส์ 6 ตอน ผ่านมุมมองอันหลากหลายและแตกต่างกันของผู้กำกับแต่ละคน ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เฉพาะทาง HBO GO เท่านั้น ซึ่งตอนแรกได้ออกอากาศไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ตอนของประเทศไทย ที่จะออกอากาศในวันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายนนี้ มีชื่อตอนว่า Broker of Death นำแสดงโดย เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ และ นฑี งามแนวพรม กำกับการแสดงโดย โดม-สิทธิศิริ มงคลศิริ และได้ คงเดช จาตุรันต์รัศมี มารับหน้าที่เขียนบท

Broker of Deathเป็นเรื่องราวของ มานพ (นฑี งามแนวพรม) พ่อหม้ายวัย 45 ปี เขาเป็นเจ้าของร้านเครื่องรางของขลัง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำเงินให้เขามากนัก โดยเฉพาะเมื่อเขาต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลของ เจิน (เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ) ลูกสาวของเขาเป็นเงินจำนวนมาก ที่จริงแล้วแหล่งรายได้หลักของเขามาจากการเป็น “นายหน้าจัดหาศพ” (Broker of Death) – ที่ทำการซื้อขายกับศพคนตาย วันหนึ่งเขาได้รับงานให้ไปเก็บศพ สำหรับนำมาใช้ในพิธีกรรม เพื่อเสริมอำนาจบารมีให้กับนักการเมืองผู้มั่งคั่ง มานพจำเป็นต้องเลือกระหว่างสองตัวเลือกที่น่าหวาดกลัว – วิญญาณหลอกหลอน หรือ ความจน

นอกจากเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องเครื่องรางของขลังและพิธีกรรมไสยศาสตร์ที่ถูกหยิบยกมานำเสนอได้อย่างน่าสนใจ อีกสิ่งหนึ่งใน Broker of Death ที่น่าจับตามอง คือการร่วมงานกันของ นักแสดงและทีมงานคุณภาพ ทั้งผู้กำกับและผู้เขียนบท โดยหนึ่งในนักแสดงนำของเรื่อง ได้แก่ เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ ซึ่งมารับบท เจิน เด็กสาวที่ป่วยด้วยโรคร้ายแรงและสิ้นหวังอย่างยิ่ง ถึงแม้เธอจะรู้ว่า มานพ พ่อของเธอ เป็น “นายหน้าจัดหาศพ” เธอก็ยังคงรักเขา และหวังว่าจะสามารถเกลี้ยกล่อมให้พ่อเลิกทำงานนี้ และเลิกเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ได้

เจนนิษฐ์ เล่าถึงการทำงานใน Folklore ซีซั่น 2 ตอน Broker of Death ว่า

“ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่หนูได้มาเล่นหนังผี ได้ลองแสดงอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม ถือว่าเป็นการทลายขีดจำกัดทางการแสดงของตัวเองเหมือนกัน เป็นการใช้ร่างกาย ใช้เสียงที่ค่อนข้างยาก และใช้พลังที่มากขึ้น แต่ก็รู้สึกสนุกที่ได้ทำอะไรใหม่ๆ เลยอยากให้ทุกคนติดตามกัน และสิ่งที่ทำให้หนูรู้สึกว่าซีรีส์เรื่องนี้น่าสนใจมากๆ นอกจากความน่ากลัวในรูปแบบของหนังผีแล้ว มันมีเรื่องราวของคนที่มีฐานะแตกต่างกันมากแต่ถูกเชื่อมโยงด้วยความเชื่อในเครื่องรางของขลังเหมือนกัน และมันแสดงให้เห็นถึงอะไรบางอย่างในสังคมที่น่าจะถูกตั้งคำถามรวมถึงนำไปคิดต่อหลังจากดูเรื่องนี้จบค่ะ”

ส่วนของผู้กำกับ โดม-สิทธิศิริ เล่าถึงที่มาของเรื่องนี้ว่า

“ไอเดียตั้งต้นของเรื่องนี้มาจากการเห็นข่าวที่มีชาวบ้านเข้าไปขโมยกะโหลกของคนตายในป่าช้า เพื่อนำไปทำเป็นเครื่องรางของขลัง ก็เลยเริ่มสนใจและหาข้อมูลต่อ และค้นพบว่ามันเป็นกระบวนการและธุรกิจที่ไม่ต่างอะไรกับธุรกิจอื่นๆเลย หลังจากนั้นก็เลยเริ่มสร้างตัวละครที่เป็นนายหน้าในการจัดหาสิ่งเหล่านี้ และพัฒนาไปสู่เรื่องราวของ Broker of Death ต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่แค่หนังผีหรือหนังสยองขวัญทั่วไป เพราะซีรีส์ต้องการจะเล่าถึงเรื่องราวของคน สิ่งที่ตัวละครในเรื่องต้องเจอ มันทำให้เราต้องขบคิดและมันเป็นสิ่งที่เราดูแล้วอาจจะรู้สึกในบางอย่างเหมือนๆกัน แต่แน่นอนเมื่อมันเป็นซีรีส์สยองขวัญ มันจะมีบรรยากาศความหลอนและความน่ากลัวเป็นจุดตั้งต้นอยู่แล้วครับ”

นอกจากนี้ทั้งคู่ยังกล่าวถึงความรู้สึกที่ได้มาร่วมงานกับ HBO ในโปรเจกต์ Folklore ซีซั่น 2 อีกด้วย โดย เจนนิษฐ์ เล่าว่า

“การได้ร่วมงานกับ HBO เป็นเรื่องใหม่และโอกาสที่ดี เพราะทำให้คนมีโอกาสดูผลงานของหนูเยอะขึ้น ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยแต่เป็นทั่วโลก และซีรีส์ไทยเองก็มีโอกาสฉายให้คนทั่วโลกได้สัมผัสเช่นเดียวกัน ส่วน Folklore ซีซั่น 2 แต่ละตอน ก็จะมีเอกลักษณ์โดดเด่นที่แตกต่างกัน เราดูแล้วเราจะรู้เลยว่านี่น่าจะเป็นตอนของที่ไหน แต่ในความแตกต่างก็จะมีสิ่งที่เหมือนกัน มีอะไรบางอย่างที่เชื่อมโยงกันอยู่ อาจจะด้วยพื้นฐานความเชื่อของเอเชียที่มันมีความคล้ายกันในบางอย่าง ทำให้รู้สึกว่ามีความครบรสของทั้ง 6 ตอนค่ะ”

และ โดม-สิทธิศิริ กล่าวทิ้งท้ายว่า

“ยินดีที่ได้ร่วมโปรเจกต์นี้ ได้เล่าเรื่องที่อยากเล่า มีสารที่อยากจะสื่อไปถึงคนดู นอกจากตอนของไทยแล้ว ตอนอื่นๆก็มีความน่าสนใจ มีความสุดยอดที่ไม่แพ้ของเรา แต่ละตอนมีเรื่องราวที่หลากหลาย ทั้งประเด็นที่นำเสนอ วิธีการเล่าเรื่องของผู้กำกับ นักแสดงของแต่ละที่ เลยอยากให้ได้ดูครบทุกตอน น่าจะทำให้สมบูรณ์และเห็นมิติอะไรหลายๆอย่าง ตอบโจทย์คอนเซ็ปต์ของ Folklore ครับ”