
ในยุคที่กิจกรรมส่วนใหญ่ของคนรุ่นใหม่วนเวียนอยู่กับหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ดูอนิเมะ หรือใช้ชีวิตแบบนั่งทำงานนาน ๆ ก็มีความเสี่ยงที่สุขภาพจะเริ่มถดถอย และเข้าใกล้ภาวะสารพัดโรคอย่างช้าๆ จะดีกว่าหรือไม่ หากเราเริ่มลุกขึ้นมาใช้พลัง
ตอนนี้มีเทรนด์การออกกำลังกายแบบผสม ที่ทั้งหนักหน่วง ถึงใจ ท้าทาย เล่นจบแล้ว “โคตรเท่” เพราะนอกจากจะมีชื่อติดระดับโลกแล้ว ยังมีความภูมิใจในการเอาชนะตัวเองได้ด้วย…กับการแข่งขันที่เรียกว่า “HYROX” (ไฮร๊อกซ์)

“HYROX” คือหนึ่งในฟิตเนสเทรนด์ที่กำลังมาแรงและอาจกลายเป็นคำตอบของการ “คืนชีวิตให้ร่างกาย” ได้อย่างลงตัว HYROX ไม่ใช่แค่การออกกำลังกายธรรมดา แต่เป็นการแข่งขันระดับโลกที่ผสานการวิ่งและการออกแรงในรูปแบบ functional training เข้าด้วยกันอย่างมีระบบ พร้อมมาตรฐานสนามแข่งเหมือนกันทั่วโลก
HYROX ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และปัจจุบันกลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกอย่างแท้จริง โดยคาดว่าจะมีนักกีฬากว่าครึ่งล้าน เข้าร่วมแข่งขันทั่วโลกในฤดูกาล 2024-25
HYROX ประกอบด้วยการวิ่งระยะทางรวม 8 กิโลเมตร สลับกับ 8 ด่านการฝึก
1. 1,000 เมตร SkiErg – จำลองการเล่นสกี ใช้เครื่อง Concept2
2. Sled Push – ดันเลื่อนน้ำหนัก
3. Sled Pull – ดึงเลื่อนน้ำหนักกลับ
4. Burpee Broad Jumps – Burpee แล้วกระโดดไปข้างหน้า
5. Rowing 1,000 เมตร – เครื่องกรรเชียง Concept2
6. Farmers Carry – หิ้วดัมเบลหรือเคตเทิลเบลหนักเดินระยะไกล
7. Sandbag Lunges – แบกกระสอบทรายแล้วเดิน Lunge
8. Wall Balls – โยนลูกบอลหนักขึ้นกำแพงหลังทำสควอท
ซึ่งทั้งหมดนี้ ถูกออกแบบมาให้ครอบคลุมทุกมิติของการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน ทั้งความเร็ว ความแข็งแรง และความทนทานทางร่างกาย

จุดเด่นของ HYROX คือการแข่งขันภายในสนาม indoor ซึ่งเปิดให้ทั้งมือใหม่และนักกีฬาระดับโปรเข้าร่วมได้ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งเดี่ยว คู่ หรือทีม

ซึ่งสำหรับคนที่ใช้ชีวิตแบบ sedentary lifestyle สายนั่งนิ่ง นั่งแช่ทั้งวี่ทั้งวัน เช่น เล่นเกมเป็นประจำ ดูอนิเมะ ดูซีรีส์ เล่นการ์ดเกม หรือทำงานหน้าจอวันหนึ่งหลายชั่วโมง … HYROX ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ “ชุบชีวิตระบบร่างกายและสมอง” ได้อย่างชัดเจน
เพราะการฝึก HYROX ไม่ได้เน้นแค่เบิร์นไขมันหรือสร้างกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด เพิ่มการหลั่งสารสื่อประสาทเชิงบวก เช่น โดพามีนและเอ็นดอร์ฟิน ทำให้รู้สึกตื่นตัว อารมณ์ดี และมีสมาธิมากขึ้นในชีวิตประจำวัน และส่งผลต่อฟอร์มการเล่นเกม หรือการเล่นกิจกรรมที่ใช้สมองด้วย ร่างกายแข็งแรง จิตใจก็แข็งแรงตามไปด้วย…
อีกหนึ่งข้อดีของ HYROX คือมันตอบโจทย์ “เกมเมอร์” ที่คุ้นเคยกับ “ระบบเควสท์ลุยด่าน” เพราะการแข่งขัน HYROX เปรียบได้กับการลงดันเจี้ยนที่ต้องใช้ทั้งพลังและกลยุทธ์ โดยผู้ฝึกจะได้เห็นพัฒนาการของตนเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากเวลาแข่งที่เร็วขึ้น ความอึดที่เพิ่มขึ้น และความสามารถในการทำ movement ที่ยากขึ้น เช่น sled push หรือ farmers carry ได้โดยไม่ต้องพัก

ในแง่สุขภาพ HYROX ช่วยป้องกันโรคที่มาจากการนั่งนาน เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือ กล้ามเนื้อลีบ ทั้งยังช่วยฟื้นฟูสมดุลกล้ามเนื้อและกระดูกที่เสื่อมจากท่านั่งผิด ๆ ตลอดวัน
นอกจากนี้ยังส่งผลดีต่อฮอร์โมนเพศ การเผาผลาญ และคุณภาพการนอน ซึ่งเป็นปัญหาหลักของกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตแบบ indoor-heavy หรือสังคมคนเมืองที่ทำงานทั้งวัน ขยับตัวน้อย การได้มาระเบิดพลังแบบใส่ตูมเดียวรับจบด้วยกิจกรรมดังกล่าว เป็นสิ่งที่ควรลองหาทำซักครั้ง
สำหรับผู้เริ่มต้น เราขอแนะนำให้เริ่มจากการเดินเร็ว 20–30 นาทีต่อวัน ผสมกับ bodyweight training เบา ๆ เช่น squat, push-up, และ plank ก่อนซักเือนสองเดือน หรือจนกว่าร่างกายจะปรับตัวทัน
จากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มรูปแบบ circuit training เช่น squat → row → lunge → burpee ทำวน 2–3 รอบ
จากนั้นจึงทดลองท่าจริงของ HYROX ด้วยอุปกรณ์เบา เช่น wall ball น้ำหนักเบา หรือ sled แบบไม่มีน้ำหนัก เพื่อฝึกเทคนิคและความมั่นใจ

เมื่อร่างกายเริ่มฟื้นจากสภาพ “เกมเมอร์เลเวลน้อย” ก็สามารถเข้าสู่การฝึก HYROX แบบจำลองได้ เช่น วิ่ง 500 เมตร + ทำ 2–3 ด่าน functional ต่อกัน สัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง จะช่วยเร่งการพัฒนาอย่างปลอดภัย
การฝึกแบบนี้ไม่เพียงแต่ทำให้หุ่นดี แต่ยังเสริมพลังใจให้กลับมาใช้ชีวิตจริงด้วย mindset ที่แข็งแกร่งขึ้นเหมือนตัวละครที่คุณอัพเลเวลด้วยตัวเอง
สุดท้ายแล้ว HYROX ไม่ใช่แค่การแข่งฟิตเนส
แต่คือการเก็บเลเวลใน “เกมชีวิต” อัพเกรด
พลังกาย พลังใจ ค่า Stamina และค่าความเร็ว แบบครบทุกด้าน
คนที่อาจเคยถูกจำกัดด้วยกิจกรรมหน้าจอ หรือถูกปรามาสว่า “วันๆเอาแต่เล่นเกม”
ถึงเวลาที่จะต้องใส่ใจสุขภาพแล้ว
เราอ่านข่าวทุกวันนี้ เกมภาคใหม่ก็จะออก หนังภาคต่อก็จะมา

จะดีกว่ามั้ยครับ ถ้าเรามีชีวิตยืนยาว แข็งแรง
อยู่เล่นในเกมที่เรารัก ดูหนังภาคใหม่ที่เราชอบ
แล้ว HYROX ไม่ได้มีไว้แค่สำหรับนักกีฬาอาชีพ
แต่เหมาะกับทุกคนที่อยากลุกขึ้นมาเริ่มใหม่ในแบบที่จริงจัง สนุก และยั่งยืน
แล้วเจอกัน ซักสนามนึงครับ!
แอดมิน AK47
#HYROX #FunctionalTraining #สายเกมก็ฟิตได้ #ออกกำลังกายสำหรับเกมเมอร์ #สุขภาพดีเริ่มที่ตัวเอง #HYROXThailand
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]































