Harman/Kardon Aura Studio 2
Gadget ประเภท : ลำโพงบูลทูธ
Date Released : Released Now!!
ราคา : 11,900 บาท
ลำโพลงบลูทูธรุ่นล่าสุดจาก Harman/Kardon รุ่น “Aura Studio 2” ที่มีการพัฒนาระบบเสียงให้ดีกว่ารุ่นก่อน แต่ยังใช้รูปทางเดิม เพิ่มเติมคือระบบเสียงที่ดีขึ้น
ตัวลำโพงของ Harman/Kardon Aura Studio 2 ยังออกมาในรูปแบบรูปทางของเดิม คือทรง “โดม” เหมือนรุ่นก่อนหน้านี้ที่ออกมา ภายในตัวลำโพง จะมี Tweeter อยู่ 6 ตัว และตรงกลางของลำโพง จะมี Woofer ด้วยอีกหนึ่งตัว Harman/Kardon Aura Studio 2 สามารถให้เสียงได้แบบ 360 อาศา พร้อมตัวขยาย 1 x 30W + 2 x 15 และนอกจากนี้ ตัวลำโพงยังเพิ่ม Ambient Light ที่จะช่วยเพิ่ม อรรถรส ในการฟังเพลงให้มากขึ้น และนอกจากนี้ Harman/Kardon Aura Studio 2 ยังสามารถเชื่อมต่อกับ Harman/Kardon Aura Studio 2 อีกตัวเพื่อเปลี่ยนให้ระบบเสียงเป็นแบบ Strereo ได้อีกด้วย และระหว่างการใช้งานลำโพงตัวนี้ยังสามารถรับสายโทรศัพท์ได้ทันที เพราะภายในติดตั้งไมมาให้แล้ว
คุณภาพเสียง
เสียงเบส – โดยในย่านต่ำนั้นให้เบสที่อิ่ม มีมวลเยอะ โดยตัวเบสนั้นมีลักษณะที่นุ่ม ไม่พุ่งพล่านและกระแทกกระทั้น ทำให้สามารถฟังได้แบบเพลินๆโดยไม่เหนื่อยจนเกินไป
เสียงร้อง – เสียงร้องโดดเด่นสดใส เสียงนักร้องชัดถ้อยชัดคำ สามารถคุมโทนได้ดี ไม่มีเสียงเบสเข้ามาเบียดบัง โดยเสียงนักร้องจะอยู่ด้านหน้าเครื่องดนตรีเล็กน้อย
เสียงแหลม – ปลายแหลมมีความใส ปลายเสียงทอดไปได้ไกลจนสุดเสียง ไม่ด้วน โดยยังมีรายละเอียดกรุ๊งกริ้งเล็กๆน้อยๆให้ฟังกันอยู่อย่างครบเลยทีเดียว
เวทีเสียง – เวทีเสียงกว้างขวาง เครื่องดนตรีแต่ละชิ้นนั้นตั้งเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ไม่ซ้อนทับกัน สามารถใช้ฟังได้ทั้งเพลงแบบที่มีวงดนตรีขนาดเล็กๆไปจนถึงวงออเคสตร้าได้เลยทีเดียว
ฟังชั่นการใช้งาน
ตัวลำโพง Harman/Kardon Aura Studio 2 สามารถเชื่อมต่อได้แบบไร้สายด้วย บลูทูธ หรือจะใช้สาย AUX ขนาด 3.5 มิลเชื่อต่อก็ได้ และสามารถเชื่อมต่อหรือจับคู่กับลำโพง Harman/Kardon Aura Studio 2 เพื่อเปลี่ยนเป็นระบบเสียง Strereo ก็ง่ายเพียง กดปุ่ม Bluetooth ที่ตัวลำโพงค้างไว้จนมีเสียงแจ้งเตื่อน เท่านั้น และตัวลำโพงจะจับคู่ให้เองโดยอัตโนมัติ
รายระเอียดสเปค
Power supply : 19VDC, 3A
Power consumption : 57W maximum, <0.5W eco-standby mode
Transducers : 4.5” (112mm) for Woofer, 6 x 1.5” (40mm) for Tweeter
Amplifier power : 1 x 30W + 2 x 15W
Frequency response : 50Hz – 20kHz
Signal-to-noise ratio : 80dB at 30W (woofer), 80dB @15W (tweeter)
Bluetooth transmitter frequency range : 2.402 – 2.480GHz
Bluetooth transmitter power Max : 10dBm
Bluetooth transmitter modulation : GFSK, π/4 DQPSK, 8DPSK
By. Mr.H
Cr.https://www.munkonggadget.com/product/%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%87-HarmanKardon04101024_3069.html
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]































