Ghost of Yōtei นักรบปีศาจแห่งโยเท
ประเภท : Action/ Openworld
ผู้ผลิต: Sucker Punch
ระบบ PS5
วันวางจำหน่าย 2 ตุลาคม 2025
เกมนี้คือ!?

Ghost of Yōtei นักรบปีศาจแห่งโยเท เป็นผลงานเกม PS5 ที่พัฒนาโดย Sucker Punch ที่มีผลงานเด็ดๆอย่าง Infamous ฮีโร่เหนือมนุษย์ Openworld อันโด่งดัง และ Ghost of Tsushima เกมซามูไรโลกเปิดกว้างที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายญี่ปุ่นแท้ๆ และเตรียมวางจำหน่ายบน PlayStation 5 ในวันที่ 2 ตุลาคม 2025 โดยมี Sony Interactive Entertainment เป็นผู้จัดจำหน่าย พร้อมเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าในวันที่ 2 พฤษภาคม 2025 นี้
คราวนี้ทีมงาน หยิบเอาบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่น ในอีก 300 ปี หลังจากภาคแรก … ในปี 1603 ณ บริเวณดินแดนล้อมรอบ “ภูเขาโยเท” (จังหวัดฮอกไกโดในปัจุจบัน) สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยทุ่งหญ้า ทุ่งหิมะ และอันตรายที่ไม่คาดคิด เนื่องจากมันอยู่นอกอาณาเขตการปกครองของซามูไร
ภูเขาโยเท
羊蹄山 (Yōtei-zan แปลว่า “ภูเขาที่มีกีบแกะ”) เป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติชิโกสึโทยะ เกาะฮอกไกโดประเทศญี่ปุ่น มีอีกชื่อว่า เอโสะฟูจิ(蝦夷富士)โดย “เอโสะ” เป็นชื่อเก่าของเกาะฮอกไกโด เนื่องจากมีลักษณะคล้ายกับภูเขาไฟฟูจิ จึงทำให้เป็น “ภูเขาไฟฟูจิประจำท้องถิ่น” และยังเป็นหนึ่งในภูเขาที่มีชื่อเสียง 100 แห่งในประเทศญี่ปุ่นด้วย
บัญชีแค้นของอนเรียว
“นักรบปีศาจแห่งโยเท” จะเป็นเรื่องราวบนดินแดนห่างไกลและหนาวเหน็บแห่งภาคเหนือของญี่ปุ่น
เรื่องราวของเกมนี้บอกเล่าชะตากรรมของ อัตสึ นักรบสาวผู้โกรธแค้นจากเถ้าถ่านของบ้านเกิดที่ถูกทำลาย เธอเดินทางด้วยความมุ่งมั่นเพื่อตามล่าผู้คร่าชีวิตครอบครัวของเธอ และทวงคืนความยุติธรรมด้วยคมดาบ
16 ปีก่อน ในใจกลางดินแดนเอโซะ มีกลุ่มโจรที่เรียกตัวเองว่า “6อสูรโยเท” พวกมันได้พรากทุกสิ่งจากอัตสึ พวกเขาสังหารครอบครัวของเธอ และปล่อยให้เธอตายอย่างทรมาน ถูกตรึงร่างไว้กับต้นแปะก๊วยที่ลุกไหม้นอกบ้านของเธอ

… แต่เธอรอดมาได้ และใช้ชีวิตในแผ่นดินใหญ่ (แถบเกียวโต) และเข้ารบในสงครามเซกิงาฮาระ แม้ว่าฝ่ายที่อัตสึรับงานจะพ่ายแพ้ก็ตาม แต่สิ่งที่ได้มาคือ ทักษะทั้งการล่า การฆ่า และการวางแผน
จนในที่สุด อัตสึกลับมายังบ้านเกิดอีกครั้ง พร้อมกับ “บัญชีรายชื่อผ้าคาดเอว” ที่มี 6 เป้าหมาย “อสรพิษ” / “อสูร” / “จิ้งจอก” / “แมงมุม” / “มังกร” และ “ท่านไซโต”
เธอจะไล่ล่าศัตรูแต่ละคนเพื่อแก้แค้นให้ครอบครัว โดยใช้ดาบคาตานะเล่มเดียวกับที่เคยตรึงเธอไว้กับต้นไม้ในวันนั้น แต่เส้นทางของอัตสึไม่ได้มีแค่การล้างแค้นเท่านั้น ระหว่างการเดินทางในเอโซะ เธอจะได้พบพันธมิตรที่คาดไม่ถึง และสร้างสายสัมพันธ์ที่ให้ความหมายใหม่กับชีวิตของเธอ
Gameplay
นักรบปีศาจแห่งโยเท พาผู้เล่นไปยัง ภูเขาโยเท ยอดเขาสูงตระหง่านที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนเหนือสุดของญี่ปุ่น ซึ่งในปี ค.ศ. 1603 ดินแดนแห่งนี้ยังเป็นพื้นที่ห่างไกลจากอำนาจรัฐบาลกลาง เต็มไปด้วยอันตราย ผู้เล่นจะได้พบกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด ทั้งการพักผ่อนอย่างสงบ และกิจกรรมต่าง ๆ พร้อมระบบตั้งแคมป์ที่สามารถก่อไฟได้ทุกที่ เพื่อพักผ่อนใต้แสงดาว และชื่นชมธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ทั้งทุ่งหญ้ากว้าง หิมะที่หนาวจับใจ และสิ่งลึกลับที่ซ่อนเร้นอยู่ใต้ความเงียบงัน ซึ่งได้พัฒนาแนวทางของการสำรวจในแนวทาง Open-world ต่อจาก Ghost of Tsushima ให้มีอิสระ , ความลึก และทางเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้น โดยผู้เล่นสามารถเลือกเป้าหมายในบัญชี หกขุนโจรแห่งโยเท ได้ตามลำดับที่ต้องการ
การสำรวจใน “Ghost of Yotei” ไม่ใช่แค่การเดินทางไร้จุดหมาย แต่เต็มไปด้วยกิจกรรมและโอกาสในการพัฒนาตัวละคร อัตสึสามารถออก ล่าค่าหัว ซึ่งไม่เพียงเป็นวิธีหาเงินเพื่อภารกิจการแก้แค้นเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการเผชิญหน้ากับศัตรูที่ท้าทายมากขึ้น แต่ยิ่งถ้าผู้เล่นมีค่าหัวสูงๆ ศัตรูที่เข้ามาหาก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้น และเกมก็จะยากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ผู้เล่น ยังสามารถ กระทืบก่อนถามทีหลัง และเข้าสู่การ สอบสวนศัตรู เพื่อรับข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสถานที่ลับ ศัตรูที่แข็งแกร่ง หรือเส้นทางใหม่ๆ จากนั้นจะปล่อย หรือตามไปเชือดก็แล้วแต่ได้เลย
นอกจากนี้ การค้นหา แท่นบูชา ที่ซ่อนอยู่ทั่วแผนที่ยังเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแท่นบูชาเหล่านี้จะ ปลดล็อกความสามารถใหม่ๆ ให้กับ Atsu ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาทักษะการต่อสู้ ผู้เล่นสามารถเร่งการค้นหาแท่นบูชาเหล่านี้ได้ด้วยการซื้อ “แผนที่นักเดินทาง” จาก NPC นักทำแผนที่ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการสำรวจ และเครื่องมือสำคัญอีกอย่างคือ กล้องส่องทางไกล ที่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถสอดส่องทิวทัศน์บนขอบฟ้า ค้นหาสถานที่ที่น่าสนใจ และวางแผนการเดินทางล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงใช้ส่องศัตรูในฐานก่อนบุกได้ด้วย
ระบบการต่อสู้ของ “Ghost of Yotei” ถูกออกแบบมาให้รู้สึกเหมือนฉากแอ็กชันในภาพยนตร์ซามูไร เน้น ความแม่นยำในการสังหาร และการใช้เล่ห์เหลี่ยมทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะ
เพราะอัตสึ ไม่ได้ต่อสู้ในฐานะซามูไรผู้มีเกียรติ หรือนินจาผู้ภักดีต่อคำสั่ง แต่เธอคือนักล่าค่าหัวที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อฆ่าเป้าหมายให้ได้ โดยไม่สนว่าวิธีจะสกปรกแค่ไหนก็ตาม และนั่นทำให้เกม ถอดระบบ Stance ในภาคเก่า และใส่ระบบอาวุธที่แยกความสามารถในการรับมือกับศซัตรูในแบบต่างๆออกจากกัน เพื่อง่ายต่อการจดจำ และสร้างความแตกต่างในการต่อสู้ด้วย
ดาบคานานะ ที่สมดุล
หอก ที่มีระยะโจมตียาว
เคียวโซ่ ที่เหมาะกับการโจมตีวงกว้าง
โอดาจิ ดาบยักษ์สำหรับศัตรูตัวใหญ่
ดาบคู่ ที่รวดเร็วและเหมาะกับศัตรูที่ใช้หอก
ความท้าทายในการต่อสู้ยังมาพร้อมกับระบบ “PARRY” หากกดทันในจังหวะที่เหมาะสม ตอนศัตรูโจมตีหนักจะทำให้เกิดสถานะ “อาวุธหลุดมือ”… แน่นอนว่า ผู้เล่นก็สามารถถูกทำให้ดาบหลุดมือได้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ อัตสึยังมีอาวุธระยะไกลไว้ในครอบครอง เช่น ปืน , ธนู , คุไน, ระเบิด, และ ผงทราย ทำให้ตาบอด ซึ่งใช้เพื่อก่อกวน ควบคุม หรือสร้างความได้เปรียบทางยุทธวิธี
การพัฒนาตัวละคร อัตสึ และการจัดการทรัพยากรจะเกิดขึ้นได้ที่ แคมป์พักแรม ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการสำรวจ โดยผู้เล่นสามารถตั้ง แคมป์ใต้แสงดาว เพื่อพักผ่อน , เล่นชามิเซ็น หรือทำอาหาร ซึ่งการทำอาหารอาจให้บัฟชั่วคราวที่เป็นประโยชน์ต่อการต่อสู้ อีกทั้งการตั้งแคมป์ จะเป็นการเรียกสมาชิกใน “กลุ่มฝูงหมาป่า” ของอัตสึ ให้ตามมาสมทบที่แคมป์ ซึ่งพวกเขาจะนำเสนอ การอัปเกรด และ ไอเทมพิเศษ ทำให้ผู้เล่นสามารถเตรียมพร้อมและปรับแต่งอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องกลับไปยังเมืองใหญ่ ซึ่งผู้เล่นอาจจะได้ค้นพบ ชุดเกราะ, เครื่องราง, และอุปกรณ์ ใหม่ๆด้วย
นอกเหนือจากประสบการณ์หลัก “Ghost of Yotei” ยังมอบมิติใหม่ในการเล่นด้วย โหมดการเล่นพิเศษ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานศิลปะอันเป็นตำนาน
Kurosawa Mode ที่เปลี่ยนภาพในเกมให้เป็นขาวดำเพื่อเลียนแบบภาพยนตร์คลาสสิกของ Akira Kurosawa
Takashi Miike Mode ซึ่งร่วมมือกับผู้กำกับหนัง “13 Assassins” จะซูมกล้องเข้าใกล้ระหว่างการต่อสู้ มอบประสบการณ์ที่เข้มข้น ดิบ และเพิ่มการกระเซ็นของโคลนและเลือดให้ท่วมจอกว่าเดิม โหดกว่าเดิม และบ้าคลั่งกว่าเดิม
และ Shinichirō Watanabe Mode ร่วมกับผู้กำกับอนิเมะ “Samurai Champloo” ที่จะเพิ่มเพลงจังหวะชิวๆ สมัยใหม่ แบบ Lo-Fi ซึ่งกำกับโดย Watanabe เข้ามาในเกมโดยเฉพาะ ซึ่งเพลงประกอบของเกมสร้างสรรค์โดย Toma Ooa ผสมผสานดนตรีตะวันออกเข้ากับกลิ่นอายตะวันตกได้อย่างลงตัว
และแน่นอนว่า Photo Mode จาก “Ghost of Tsushima” ก็จะกลับมาให้แฟนๆ ได้สร้างสรรค์ภาพสวยงามอีกครั้ง
เกมนี้ยังนำเสนอเสียงพากย์ภาษาญี่ปุ่นเต็มรูปแบบ พร้อมการซิงค์ริมฝีปากและคำบรรยายภาษญี่ปุ่นตั้งแต่ Day 1 โดยไม่ต้องรอแพทช์ใดๆ เพื่อประสบการณ์ที่สมจริงที่สุด
REVIEW 10/10
-เกมเพลย์ 3 /3
-งานภาพ 3/3
-ความชอบ 1 /1
**รีวิวนี้เขียนจากการเล่นในระบบ PS5
31 ชั่วโมง รอบแรก เน้นเนื้อเรื่อง Side Questทำบ้าง แต่ข้ามไปหลายตัว
(แต่มีเควสท์ท่าสุดยอดดาบคู่ของทาเคโซที่ต้องทำ เพื่อทำให้การต่อสู้สนุกขึ้น)
แต่ละด้านจะมีคะแนนเต็ม 3
1=ไม่ไหว / 2= พอได้ / 3=เยี่ยม
เมื่อจิตวิญญาณแห่งดาบและน้ำตา ถูกรังสรรค์อย่างสมบูรณ์แบบโดยผู้สร้างจากตะวันตก
ในโลกของวงการเกม การที่สตูดิโอจากฝั่งตะวันตกจะหยิบยืมวัฒนธรรมตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แก่นแท้ของวิถีซามูไร ที่เต็มไปด้วย ปรัชญาและ ความลุ่มลึก มาสร้างสรรค์เป็นผลงานที่ได้รับการยอมรับนั้น ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายอย่างยิ่งยวด แต่ Sucker Punch Productions ได้ทลายกำแพงนั้นลงอย่างสิ้นเชิงกับ Ghost of Tsushima
และพวกเขาได้กลับมาเพื่อตอกย้ำความสำเร็จนั้นให้กึกก้องยิ่งกว่าเดิมกับ Ghost of Yōtei ผลงานที่ไม่ใช่เป็นเพียงภาคต่อที่ยอดเยี่ยม แต่คือการก้าวข้ามไปสู่การเป็น “Masterpiece” ที่สมบูรณ์แบบในทุกมิติของแอดมินเลยก็ว่าได้ มันคือเกมที่ทำให้เราต้องตั้งคำถามว่า นี่คือเกมที่สร้างโดยชาวตะวันตกจริงๆ ใช่มั้ย? เพราะทุกอณูของมันช่างเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณความเป็นญี่ปุ่นที่ลึกซึ้งจนน่าขนลุก
เรื่องราวในภาคนี้คือมหากาพย์แห่งความเจ็บปวดและการไถ่บาปที่ถูกเล่าขานผ่านชีวิตของ อัตสึ หญิงสาวผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์สังหารหมู่ครอบครัวของเธอโดยกลุ่มนักฆ่าอำมหิตนามว่า “6 อสูรโยเท” ภาพความทรงจำในวัยเด็กที่เธอถูกตรึงไว้กับต้นไม้ด้วยดาบคาตานะของพ่อตัวเอง ก่อนที่ทุกอย่างจะมอดไหม้ไปกับกองเพลิง ได้หล่อหลอมให้เธอกลับมาในฐานะ “อนเรียว” หรือ “วิญญาณแค้น” ที่พร้อมจะชำระหนี้เลือดทุกหยด และยังเป็นความหวังเดียวของชาวบ้านที่อ่อนแอ และถูกกดขี่จากท่านไซโต้ผู้ชั่วช้า ที่ชักนำเอาสงครามมาสู่ดินแดนเอโซะแห่งนี้ การมาของอนเรียว ทำใเอากองทัพของไซโต้ถึงกับสั่นสะท้าน และกลายเป็นภัยคุกคามต่อความยิ่งใหญ่นอกเขตอำนาจโชกุนแห่งนี้…

แม้โครงเรื่องหลักจะขับเคลื่อนด้วยแรงแค้น แต่สิ่งที่ Ghost of Yōtei นำเสนอไม่ใช่การเดินทางไล่ฆ่าที่ตื้นเขิน หากแต่เป็นการดำดิ่งลงไปสำรวจบาดแผลในจิตใจ (Trauma) ของมนุษย์อย่างละเอียดอ่อน การเดินทางของอาสึเต็มไปด้วยบทสนทนาที่คมคาย แฝงไปด้วยปรัชญาชีวิตและการตั้งคำถามถึงวัฏจักรแห่งความรุนแรงที่ไม่มีวันสิ้นสุด ทุกตัวละครที่เธอพบเจอ ทุกภารกิจที่เธอทำ ล้วนสะท้อนแง่มุมของความทุกข์ การสูญเสีย และการดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอด จนกระทั่งบทสรุปของเรื่องราวที่สามารถขยี้หัวใจของผู้เล่นให้แหลกสลาย และเรียกน้ำตาออกมาได้อย่างหมดจดงดงาม แม้จะจบในแนวทาง “ความสงบสุขครั้งใหม่” แต่ก็ “แลก” กับอะไรหลายๆอย่างตามมาด้วยเช่นกัน… ถือเป็นประสบการณ์ทางอารมณ์ที่น้อยเกมนักจะทำได้ถึง และดึงอารมณ์ร่วมตั้งแต่คัตซีนฉากแรก ไปจนถึงฉากสุดท้ายได้ จุดนี้ชมจริงๆครับ อินมาก
เควสท์รายทางมีมากมาย แต่เควสท์ที่คุณต้องทำเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น ขอแนะนำ การสู้กับเหล่าศิษย์ของทาเคโซ 5 คน
ที่จะนำไปสู่การต่อสู้บนยอดเขาโยเทกับบอสลับ “ทาเคโซ” หรือ มิยาโมโต้ มุซาชิ
เพื่อแบกรับชื่อ “ไร้เทียมทาน” ต่อจากเขา และจะได้รับท่าไม้ตายดาบคู่ที่แรงสะใจ และป้องกันได้ยากด้วย
หัวใจสำคัญที่ทำให้ Ghost of Yōtei โดดเด่นอย่างที่สุดคือระบบการต่อสู้ที่ถูกขัดเกลามาจนคมกว่า Ghost Of Tsushima เพราะเราไม่ต้องมานั่งจำท่าจรดดาบ บน กลาง ล่าง เพื่อรับมือกับศัตรูในหลายๆแบบแล้ว แต่ตัวเกมเลือกใส่ระบบอาวุธแยกชิ้น ที่ทำให้จำง่าย และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการออกท่าด้วย และการดวลดาบในเกมนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการสแปมปุ่มโจมตีมั่วๆ แต่เป็น “ระบำดาบแห่งความตาย” ที่ต้องอาศัยสมาธิ การอ่านจังหวะ และการตัดสินใจที่เฉียบคมในเสี้ยววินาที ทุกท่วงท่าของอัตสึ ทั้งการตั้งรับ การปัดป้อง (Parry) ที่ให้ความรู้สึกสะใจเมื่อทำการโต้กลับได้สำเร็จ และการสวนกลับที่ปลิดชีพศัตรูได้อย่างโหดเหี้ยมแต่สง่างามนี้ ก็ล้วนถูกถ่ายทอดออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ
ภาคนี้ยังได้เพิ่มมิติทางกลยุทธ์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ด้วยประเภทของศัตรูที่หลากหลายและฉลาดกว่าเดิม บีบให้ผู้เล่นต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้และเลือกใช้อาวุธให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ “คุซาริกามะ” (Kusarigama) เพื่อทลายการป้องกันของศัตรูที่ถือโล่ หรือการใช้ดาบคู่ที่เน้นความเร็วในการเข้าจู่โจมศัตรูที่ถือหอก การสลับอาวุธไปมากลางสมรภูมิที่ดุเดือดกลายเป็นความท้าทายและสนุกไม่น้อย เพราะฝูงศัตรูจะมีหลายแนวให้เราต้องปรับตัวตาม (ในเกมเรียกว่า การด้นสดของอัตสึ ซึ่งแนวคิดนี้ได้มาจากทาเคโซ (หรือมิยาโมโต้ มุซาชิ) ที่มาเป็นบอสลับในเกมนี้ด้วย)
ในด้านงานศิลป์ Ghost of Yōtei คือบทกวีที่ถูกถ่ายทอดผ่านภาพและเสียง โลกของเกมที่ถูกนำเสนอในโทนสีที่หม่นหมองและบรรยากาศที่ชื้นแฉะกว่าภาคแรก กลับยิ่งขับเน้นความงามอันเปลี่ยวเหงาของธรรมชาติออกมาได้อย่างน่าทึ่ง ทีมพัฒนาได้แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดในระดับที่น่าเหลือเชื่อ ตั้งแต่แสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องผ่านม่านหมอก, แสงจันทร์ที่กระทบลงบนผิวน้ำนิ่ง, สายลมที่พัดไหวให้ทุ่งหญ้าเอนลู่ไปในทิศทางเดียวกัน ไปจนถึงแอนิเมชันการสะบัดเลือดออกจากคมดาบแล้วเก็บเข้าฝักอย่างเยือกเย็น
ทุกองค์ประกอบเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างโลกที่ทั้งงดงามและโหดร้ายในเวลาเดียวกัน และที่สำคัญที่สุดคือ ทุกฉากทุกตอนของเกมนี้ ไม่ว่าจะเป็นคัตซีนที่กำกับมาอย่างยอดเยี่ยมราวกับภาพยนตร์ของผู้กำกับระดับตำนาน หรือแม้แต่ในฉากเกมเพลย์ปกติ ล้วนถูกจัดวางองค์ประกอบศิลป์มาอย่างสมบูรณ์แบบ ชนิดที่ว่าผู้เล่นสามารถกดปุ่มถ่าย Screenshot ได้ทุกวินาที และจะได้ภาพที่สวยงามราวกับภาพ wallpaper บนหน้าจอคอมเลยก็ว่าได้
มีความเชื่อมโยงกับภาคแรกด้วยนะ
แม้ว่าโครงสร้างของโลกเปิดและภารกิจเสริมบางส่วนอาจจะยังคงรูปแบบที่คุ้นเคยจากภาคแรกเอาไว้ ซึ่งอาจทำให้ผู้เล่นบางคนรู้สึกว่ามันค่อนข้างเรียบง่าย แต่เมื่อพิจารณาในภาพรวมแล้ว จะเห็นว่านี่คือการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของทีมผู้สร้าง พวกเขาเลือกที่จะไม่ใส่ระบบที่ซับซ้อนเกินจำเป็นเข้ามาเพื่อไม่ให้มันบดบังหรือขัดจังหวะการซึมซับเรื่องราวหลักอันทรงพลัง การนำทางด้วยสายลม หรือการไขปริศนาที่ไม่ซับซ้อน ทำให้การเดินทางในโลกของ Yōtei เป็นไปอย่างราบรื่นและต่อเนื่อง เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศและเรื่องราวได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ภารกิจเสริมต่างๆ แม้จะเรียบง่าย (และชวนใหเ้ออกนอกเส้นทาง) แต่ก็ทำหน้าที่เป็นดังลมหายใจให้ผู้เล่นได้หยุดพักจากความหนักหน่วงของเนื้อเรื่องหลัก และได้เห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านธรรมดา ซึ่งยิ่งช่วยเสริมสร้างความผูกพันของผู้เล่นที่มีต่อโลกใบนี้ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
เป็นเกมที่ แอดมินเล่นจบแล้วบอกกับตัวเองว่า

เป็นเกมที่ให้อะไรกลับไปคิดได้หลายๆอย่างจริงๆ ทั้งการใช้ชีวิต
แง่มุมของการยึดติด จิตใจที่สับสน
ความเป็นคน การให้อภัย
และการปล่อยวาง
แม้ว่าคนบางพวก ก็สมควรโดนแก้แค้นก็ตาม!
แอดมิน AK47
#GhostofYotei #Action #Openworld
#SuckerPunch #PS5 #Games
-
Super Space Sheriff Gavan Infinityตำรวจอวกาศเกียบันร่างสีแดง ประเดิมความมันปี 2026
-
Ani-One เตรียมจัดรอบ Premiere Screening อนิเมะฟอร์มยักษ์ “Sentenced to Be a Hero ผู้กล้าโทษประหาร” ฉายตอนแรก “พากย์ไทย” 60 นาทีเต็มดูก่อนใครในโลก 8 ธ.ค. นี้!
-
Samurai Troopers: Armored Troopers [อนิเมะใหม่ / ซามูไรทรูเปอร์ / 2026]#News #Anime #SamuraiTroopers #Yoroiden #サムライトルーパー #Sunrise #อนิเมะใหม่2026 #BANDAI #Plamo


























































