FRONT MISSION 3 : REMAKE
ประเภท: Tactical RPG
ผู้พัฒนา: MegaPixel Studio
ผู้จัดจำหน่าย: Forever Entertainment
แพลตฟอร์ม: Nintendo Switch
วันวางจำหน่าย: 26 มิถุนายน 2025
เกมเพลย์จัดเต็ม 15 นาที!

FRONT MISSION 3 คือหนึ่งในเกม Tactical RPG จากยุค PS1 ที่ตราตรึงใจแฟนเกมชาวไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะการผสานเรื่องราวการเมืองระหว่างประเทศเข้ากับการรบของหุ่นยนต์ยักษ์ “Wanzer” ซึ่งกลายเป็นภาพจำอันยากจะลืม ล่าสุด Forever Entertainment จับมือกับ MegaPixel Studio เตรียมนำภาคนี้กลับมาสร้างใหม่ในชื่อ FRONT MISSION 3: Remake พร้อมกราฟิกใหม่หมดจด และฟีเจอร์ใหม่ที่เข้ากับยุคปัจจุบัน โดยจะลงให้เฉพาะ Nintendo Switch ในวันที่ 26 มิถุนายน 2025 นี้
เกมยังคงเล่าเรื่องราวผ่านตัวละครหลัก Kazuki Takemura และ Ryogo Kusama สองเพื่อนซี้ที่ถูกดึงเข้าสู่สงครามโดยไม่ตั้งใจ ภายในโลกอนาคตที่รัฐและบรรษัทขนาดใหญ่ต่างห้ำหั่นกันเพื่อครอบครองอำนาจ ด้วยการเลือกเส้นทางในช่วงต้นเกม ผู้เล่นจะได้สัมผัสเนื้อเรื่องที่แตกแขนงออกเป็นสองเส้นทาง
-ฝั่งของ Emma Klamsky กับภารกิจลับในการหยุดยั้งอาวุธทำลายล้าง M.I.D.A.S.
-ฝั่งของ Alisa น้องสาวของ Kazuki กับเบื้องหลังอันดำมืดขององค์กรการทหาร
เนื้อเรื่องทั้งสองเต็มไปด้วยความซับซ้อน การหักหลัง และคำถามทางจริยธรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีและสงคราม

ในเวอร์ชัน Remake นี้ ผู้เล่นจะได้สัมผัสกับ “กราฟิกและแอนิเมชันที่ถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมด” รวมถึงดนตรีประกอบที่ถูกเรียบเรียงใหม่ (Reorchestrated) เพื่อยกระดับอารมณ์และบรรยากาศของเกมขึ้นอีกขั้น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่อย่าง Quick Combat Mode สำหรับผู้เล่นที่ต้องการเข้าสู่สนามรบได้ทันที และระบบ คัสตอมลายพรางหุ่น Wanzer เพื่อเพิ่มความเฉพาะตัวให้กับกองกำลังของคุณ
แม้จะเป็นการรีเมคจากเกมดั้งเดิม แต่ผู้พัฒนาสัญญาว่าเกมนี้ยังคงจิตวิญญาณของต้นฉบับไว้อย่างครบถ้วน ทั้งในด้านระบบการต่อสู้แบบ Turn-based ที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ความละเอียดของกลยุทธ์ในสนามรบ และการปรับแต่ง Wanzer ที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ ขณะที่ตัวละครและเนื้อเรื่องก็ยังคงความเข้มข้น โดยมีการแปลบทพูดและฉากคัตซีนให้เข้ากับงานภาพที่ทันสมัย
สิ่งที่ทำให้ FRONT MISSION 3: Remake น่าสนใจ ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นแค่การคืนชีพของหนึ่งใน RPG ระดับตำนาน แต่เพราะมันได้รับการปรับปรุงอย่างใส่ใจ ทั้งงานภาพ เสียง และระบบเล่นที่เหมาะสมกับทั้งแฟนเก่าและผู้เล่นหน้าใหม่ ระบบสองเนื้อเรื่องยังคงเป็นจุดขายหลักที่หาได้ยากในยุคปัจจุบัน ช่วยเพิ่มความลึกและคุณค่าการเล่นซ้ำให้กับตัวเกมได้เป็นอย่างดี
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับผู้เล่นชาวไทยที่เคยผูกพันกับ FRONT MISSION 3 ในยุค PS1 การกลับมาในรูปแบบที่สดใหม่แต่ยังคงรากเหง้าทางอารมณ์ไว้อย่างครบถ้วน ย่อมเป็นเหตุผลสำคัญที่ไม่ควรพลาด การได้เห็นฉากคุ้นตาในระบบเครื่องเกมปัจจุบัน พร้อมเสียงประกอบที่มีชีวิตชีวาขึ้น ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยครับ
หากคุณเคยรักภาคนี้ในสมัยรูดแผ่น PS1 ตะแคงเครื่องเล่นในยุค 90s หรือเกมเมอร์ยุคใหม่ๆ ที่อยากรู้ว่าทำไมมันถึงถูกยกย่องว่าเป็น Tactical RPG ระดับตำนาน นี่คือโอกาสที่ไม่น่าจะพลาดกันครับ ส่วนตัวรอลง PC จัดแน่นอน 5555
แอดมิน AK47
#FrontMission3Remake #TacticalRPG #NintendoSwitch #MechaRPG #KazukiAndRyogo #WanzerBattles #เกมรีเมค #RPGในตำนาน
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]
































