映画 交響詩篇エウレカセブン ハイエボリューション
(Kōkyōshihen Eureka Seven Hi-Evolution โคเคียวชิเฮน ยูเรก้าเซเว่น ไฮ เอโวลูชั่น)
Psalms of Planets Eureka Seven Hi-Evolution
Studio: Bones
Genre: Science Fiction, Romance, Mecha
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของแฟรนไชส์ Eureka Seven ได้เปิดเผยตัวอย่างทีเซอร์ วิชวล ทีมงาน นักแสดง และ กำหนดฉาย วันที่ 26 พฤศจิกายน
สำหรับภาพยนตร์เรื่องที่สาม ปิดฉากไตรภาค Eureka Seven: Hi – Evolution (Kōkyōshihen Eureka Seven Hi-Evolution)
เรื่องย่อ

เรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องที่สามมีเรื่องราวเกิดขึ้น 10 ปีหลังจากภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้า (ภาค อาเนโมเน่) ซึ่งส่งผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ เมื่อผู้คนจากโลกเสมือนจริงภายใน Scub Coral มาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
ประชากรของโลกในเวลานี้ถูกแบ่งออกเป็น Green Earth ผู้คนจากโลก Scub Coral และ Blue Earth ผู้คนในโลกแห่งความเป็นจริง
แต่ทว่า การอยู่ร่วมกันของพวกเขานั้นห่างไกลจากความสงบสุข เพราะมีความขัดแย้งมากมายอยู่เบื้องหลัง
ดิวอี้ โนวัค ผู้นำกองทัพของ Green Earth ตัดสินใจโจมตีผู้ก่อการร้ายเพื่อปกป้องตนเอง
ยูเรก้า กลายเป็นคนที่โลกเกลียดชัง ในฐานะสัญลักษณ์และที่มาของการแบ่งแยกโลก ปัจจุบันเธอทำงานเป็นหน่วยปฏิบัติการทางทหารระดับสูงในหน่วยปฏิบัติการลับของสหประชาชาติ A.C.I.D. ที่ยังคงต่อสู้เพื่อปกป้องสันติภาพที่เปราะบางเพื่อเป็นการชดใช้รูปแบบหนึ่ง
ภารกิจพิเศษของเธอคือปกป้อง “ไอริส” เด็กสาวที่เปรียบเสมือน “ยูเรก้าคนใหม่” ที่เกิดจาก Scub Coral เช่นเธอ ในขณะที่เผชิญหน้ากันในตอนแรก พวกเธอเริ่มเข้าใจความเหงาของกันและกัน ยูเรก้าจะต้องผลักดันตัวเองให้ถึงขีดจำกัดเพื่อรักษาทั้งไอริสและโลกให้ปลอดภัย
“ไอริส” ที่เกิดมาจาก Scub Coral เช่นเดียวกับ ยูเรก้า และมีพลังควบคุม Scub Coral ที่ยูเรก้า เคยมีมา
ยูเรก้า ปัจจุบันได้สูญเสียความสามารถเดิมของเธอ และตอนนี้ยังคงเป็นมนุษย์ธรรมดาในหน่วยทหาร
หุ่นยนต์เอกในภาคนี้ คือ เนอร์วาซ ไทป์ Z
Loveless หุ่นที่เป็นคีย์ของเรื่อง ออกแบบโดย โชจิ ควาโมริ ผู้ออกแบบรถถังสองขาอันโด่งดังจาก Metal Gears
“ได ไซโตะ” จะไม่ได้เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยทางผู้กำกับ โทโมกิ เคียวดะ และผู้เขียนบทภาพยนตร์ Eureka Seven ยูอิจิ โนมุระ ได้ร่วมมือกันเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้แทน
ในภาคนี้ มีเพียงยูเรก้าเท่านั้นที่เป็นตัวละครดั้งเดิม ที่เหลือคือตัวละครใหม่ทั้งหมด
เดิมภาพยนตร์เรื่องนี้มีกำหนดฉายในปี 2019 แต่ถูก เลื่อนไปเป็นช่วงต้นฤดูร้อนปี 2021 จากนั้นจึงเลื่อนอีกครั้งไปจนถึงปลายฤดูใบไม้ร่วงปี 2021 เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโคโรนาไวรัส (โควิด-19) และส่งผลต่อตารางการผลิต
แอดมิน Ak47
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]

































