ชื่อภาษาอังกฤษ : Die Hard
ชื่อภาษาไทย : นรกระฟ้า
ประเภท : ภาพยนตร์
แนว : แอ็คชั่น / ระทึกขวัญ
ผู้กำกับ : John McTiernan
ค่าย : 20th Century Fox
ฉาย : 20 กรกฏาคม 1988
ภาพยนตร์แนว Action ที่พลิกวงการหนัง Action ยุค 80 ตลอดกาล พร้อมทั้งส่งให้ดาราทีวีอย่าง Bruce Willis (บรู๊ซ วิลลิส) ที่กำลังโด่งดังจากละครซีรี่ยส์เื่อง Moonlighting กลายเป็น Action Star คนใหม่ของวงการ แล้วอะไรที่ทำให้ภาพยนตร์อายุเกือบ 30 ปีนี้กลายเป็นตำนานคู่วงการภาพยนตร์จนถึงปัจจุบัน มาดูกัน
เรื่องย่อ

Die Hard เป็นเรื่องราวในวันคริสมาสต์ เมื่อ John McClane (จอนห์ แมคเคลน) ตำรวจของ NYPD เดินทางมาที่ Los Angeles เพื่อเซอร์ไพร์สภรรยาตัวเอง Holly (ฮอลลี่) ที่ทำงานอยู่ในตึก Nagatomi Plaza

แต่ความซวยของเขาคือ เขาดันไปกับวันเดียวที่ Hans Gruber (ฮัน กรูเบอร์) ผู้ก่อการร้ายบุกเข้ายึดตึกเพื่อปล้นเงินในตู้เซฟ และจับตัวประกันทั้งหมดในตึก เหลือรอดเพียงแค่ John คนเดียว เขาจึงต้องเอาชีวิตรอดพร้อมกับช่วยภรรยาของเขาออกมาให้ได้!!
——————-
ตัวละคร
John McClane
รับบทโดย Bruce Willis
ตำรวจแห่ง NYPD ผู้อารมณ์ร้อน ปากหมา และชอบทำอะไรแบบไม่คิด ทำให้เขาต้องทะเลาะกับภรรยาและแยกกันอยู่ แต่ว่าอย่างไรก็ตาม John เป็นคนที่รักครอบครัวอย่างมาก เขาจึงอยากจะคืนดีกับภรรยาด้วยการไปเซอร์ไพร์สในวันคริสมาสต์ แต่ดวงซวยดันไปตรงกับวันที่ผู้ก่อการร้ายบุกยึดตึกพอดี เขาจึงต้องช่วยภรรยาของเขา พร้อมกับเอาตัวรอดไปด้วย
Holly Gennaro
รับบทโดย Bonnie Bedelia
ภรรยาสาวของ John ที่ทำงานเป็นเลขาให้กับเจ้าของตึก Nagatomi Plaza โดยเธอใช้นามสกุล Gennaro แทน McClane เพราะมาจากการที่เธอทะเลาะกับเขานั่นเอง แม้ภายนอกเธอจะดูเรียบร้อย ใจเย็นกว่า John แต่จริงๆเธอก็มีนิสัยโหดๆเหมือนกับสามีอยู่ลึกๆเหมือนกัน
Hans Gruber
รับบทโดย Alan Rickman
ผู้ก่อการร้ายชาวเยอรมันสุดฉลาด วางแผนเฉียบคม หัวหน้มทีมปล้นตึก Nagatomi Plaza เพื่อหวังเงินในตู้เซฟจำนวนมหาศาล มีจิตใจโหดเหี้ยม และทำทุกอย่างได้เพื่อแผนการตัวเอง รวมถึงความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันเพื่อหลอกคนได้ด้วย
Al Powell
รับบทโดย Reginald VelJohnson
ตำรวจสายตรวจที่ได้รับแจ้งเหตุให้ไปดูที่ตึก Nagatomi Plaza และพบว่าตึกนี้โดนผู้ก่อการร้ายยึด จึงต้องเข้ามาผัวพันโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ได้ติดต่อกับ John ที่อยู่ในตึก และเป็นคนให้คำแนะนำต่างๆเพื่อให้ John รอดชีวิตออกมาจากตึกให้ได้
Review 10/10 Rank S
Die Hard เป็นสุดยอดหนังแอ็คชั่นที่เรียกว่าพลิกวงการหนังแอ็คชั่นยุค80ไปเกือบทั้งหมด ตั้งแต่การให้พระเอกเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่อยู่ในสถานะการณ์ที่เลวร้าย ฉะนั้นตัวละคร แมคเคลน จึงเป็นพระเอกหนังแอ็คชั่นที่ดูมีเลือดเนื้อและความเป็นมนุษย์สูงมาก ทำให้คนดูอินและเอาใจช่วยรวมถึงมุกตลกร้ายที่มาจากเจ้าตัว ทำให้คนดูชอบตัวละครนี้มากขึ้น
และตัวร้ายอย่าง ฮาน ที่แสดงโดย อลัน ริคแมน ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งสำเนียงและนิสัยที่ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นตัวร้ายที่มีแผนการและชั่วร้ายทำให้สถานการณ์ต่างๆในหนังกดดันเพิ่มขึ้น ยิ่งฉากการปะทะกันระหว่างแมคเคลนและฮาน ถือเป็นฉากไฮไลท์ที่ตื่นเต้นแบบสุดๆ

และบทหนังที่สามารถสร้างเอกลักษณ์ตัวละครได้อย่างดีรวมถึงผสมมุกตลกร้ายๆเข้าไปได้อย่างลงตัว ที่สำคัญคือแม้บทหนังจะไม่ได้มีอะไรที่แปลกใหม่อะไร แต่ว่าสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากคือการที่หนังใส่สถานการณ์ต่างๆเพิ่มความกดดันและความสนุกเข้าไปอย่างลงตัวมาก ต้องขอบคุณการให้โลเคชั่นหนังอยู่เพียงบนตึก ทำให้รู้สึกสถานะการณ์เป็นพื้นที่ปิด ไร้ทางหลบหนีเพิ่มความกดดันเข้าไป ผสมผสานฉากแอ็คชั่นดิบๆเข้าไปผสมกับสถานะการณ์ในหนัง จึงเป็นความตื่นเต้นอย่างมหาศาล จนเรียกได้ว่าน้อยมากที่จะมีหนังแอ็คชั่นยุคนี้มาเทียบความลงตัวกับ Die Hard

สรุปแล้ว Die Hard คือหนังแอ็คชั่นที่ลงตัวและสมบูรณ์ในเกือบทุกองค์ประกอบ บทที่ไม่มีรูโหว่และสามารถใส่สถานการณ์ในหนังได้อย่างดี ตัวละครที่มีจุดน่าจดจำและเสน่ห์แต่ละคน ฉากแอ็คชั่นที่ดิบผสมกับความตื่นเต้นกดดันและมุกตลกร้ายๆที่มีทั้งเรื่อง จึงทำให้ Die Hard นอกจากจะเป็นหนังแอ็คชั่นขึ้นหิ้งแล้ว ยังเป็นหนังอันดับ1ในดวงใจของผมตลอดกาลด้วยครับ
แอดมิน S โคตรหล่อ
Trailer
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]

































