
และแล้วก็ก้าวเข้าสู่ปีใหม่ 2017 อย่างเต็มตัวกันแล้วนะครับ สำหรับในวงการหนังก็จะต้องมีการสรุปรายได้ของหนังที่เข้าฉายในปีที่ผ่านมา ซึ่งในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน ทางเว็บไซต์ Imdb ก็ปล่อยรายได้ของภาพยนตร์ที่เข้าฉายในปี 2016 ออกมาแล้ว ซึ่งเรามาดูกันดีกว่าว่ามีภาพยนตร์เรื่องไหนบ้าง ติดอันดับเข้ามาใน 10 อันดับหนังทำเงินในปี 2016 กันบ้างเอ่ย?
อันดับ 10 Doctor Strange (จอมเวทย์มหากาฬ)

เริ่มด้วยฮีโร่สายเวทย์ พ่อมดคนใหม่จากค่ายมาร์เวล ที่หลายคนอาจจะมองข้ามเพราะว่า ด็อกเดอร์ สเตรน ไม่ได้ถูกมองเป็นฮีโร่ตัวหลักๆของค่ายนี้สักเท่าไหร่ อีกทั้งในเรื่องก็ไม่ได้มีฮีโร่ตัวอื่นมาแจมในเนื้อเรื่องราว นอกเสียจากธอร์ที่มานั่งคุยตอนเอนเครดิตจบ เท่านั้น แต่ด้วยกระแสปากต่อปากถึงความสนุก ก็ทำให้ภาพยนตร์ฮีโร่หมอแปลกเรื่องนี้กวาดรายได้ไปทั้งหมด 230.2 ล้านเหรียญ
อันดับ 9 Suicide Squad (ทีมพลีชีพ มหาวายร้าย)

ในเมื่อหนังฮีโร่ก็เข้าบ็อกออฟฟิสไปแล้ว หนังแก็งค์วายร้ายรวมฮิตจะไม่มาได้อย่างไร ด้วยกระแสความเกรียนของโจ็กเกอร์ เจ้าชายแห่งอาชญากรรม และแฟนสาวสุดแสบ ฮาลี่ ควินน์ ที่ส่งผลให้ มาร์ก็อต ร็อบบี้ ขึ้นมาเป็นตัวแม่แถวหน้าไปแล้ว ยังส่งผลให้ รายได้ของภาพยนตร์ Suicide Squad เก็บเงินไปได้ทั้งหมด 325.1 ล้านเหรียญ
อันดับ 8 Batman v Superman: Dawn of Justice (ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม)

ฮีโร่ขวัญใจหลายๆคนอย่างซูเปอร์แมน ที่บินออกต่อสู้กับเหล่าร้ายมานานหลายปี จนมีแฟนคลับทั่วโลก มาทะเลาะกับแบทแมนคนใหม่ อย่าง Ben Affleck ที่ก็มีแฟนคลับทั้งในตัวของเบนเอง และก็แฟนคลับของเหล่าฮีโร่รัตติกาล เรียกว่าสองฮีโร่ตัวพ่อของค่ายดีซีมาตีกัน คนจะไม่สนใจตีตั๋วมาชมได้อย่างไร อีกทั่งในแง่คำวิจารณ์ออกมาไม่ดีด้วยนัก ก็ยิ่งท้าทายให้เหล่าผู้กล้าทั้งหลาย เข้าไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ รับทรัพย์ไปดื้อๆ 330.3 ล้านเหรียญ
อันดับ 7 Zootopia (นครสัตว์มหาสนุก)

อนิเมชั่นมาแรงอีกหนึ่งเรื่องที่แอบกัดแอบเหน็บและแฝงคำสอนสังคมได้อย่างแนบเนียน อย่างอนิเมชั่นจากค่ายปราสาทอย่างดิสนิย์ ที่เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ ต่างๆ ที่มองไปทางไหนตัวนี้ก็ดี ตัวนู้นก็น่ารัก และเสียงคำวิจารณ์ก็ค่อนข้างดี จนหลายคนตีตั๋วเข้าดูซ้ำหลายรอบ ส่งผลให้แอนิเมชั่นสัตว์โลกอย่าง Zootopia คว้าเงินไป 341.2 ล้านเหรียญ
อันดับ 6. Deadpool

อีกหนึ่งหนังฮีโร่ฟอร์มไม่ใหญ่ที่ทำรายได้ขายดิบขายดี ถึงขนาดทางค่ายหนังยิ้มหน้าบาน และอนุมัติออกภาคต่อในทันทีทันใด นั้นก็คือเจ้าฮีโร่จอมกวน สุดเกรียน ชุดแดง อย่างเดดพูล ด้วยความกวนของคาแรคเตอร์ของมัน ทำให้หลายคนตีตั๋วเข้ามาชมอย่างต่อเนื่อง จนจบโปรแกรมหนัง Deadpool ซัดรายได้ไปทั้งหมด 363 ล้านเหรียญ
อันดับ 5 The Jungle Book (เมาคลีลูกหมาป่า)

ภาพยนตร์ที่สร้างมาจากการ์ตูนที่หลายๆคนเคยผ่านตากันมาในวัยเด็ก เรื่องราวของเด็กชายกำพร้าที่ถูกทิ้งอยู่ในป่า เพราะพ่อแม่ถูกสังหารจากเสือใจร้าย และท้ายสุดหมาป่าก็เก็บไปเลี้ยง โดย The Jungle Book ได้ค่ายดิสนี่ย์มาลงทุนสร้างเอง จะไม่ให้หนังเรื่องนี้โด่งดังไปได้อย่างไร ส่งผลให้ภาพยนตร์ที่อิ่มเอมใจในป่าใหญ่เรื่องนี้ เก็บเงินไปได้ 364 ล้านเหรียญ
อันดับ 4 The Secret Life of Pets ( เรื่องลับแก๊งขนฟู )

มีคนกล่าวว่า สินค้าที่หลายคนยอมควักเงินจ่ายเงินออกมาโดยไม่คิดอะไรเลย นั้นก็คือสินค้าเกี่ยวกับเด็กและสัตว์เลี้ยง และอนิเมชั่นสำหรับเด็กที่เต็มไปด้วยเหล่าสัตว์เลี้ยงจะไม่ทำเงินไปได้อย่างไร นอกจากจะได้เงินจากคุณพ่อคุณแม่ที่พาลูกพาหลานไปเข้าชมในโรงภาพยนตร์แล้วนั้น ยังเก็บเงินได้กับเหล่าทาสหมา ทาสแมวได้อีก ทำให้อนิเมชั่นสัตว์เลี้ยงเรื่องนี้ รับทรัพย์ไปทั้งหมด 368.3 ล้านเหรียญ
3. Captain America: Civil War (กัปตันอเมริกา: ศึกฮีโร่ระห่ำโลก)

ในเมื่อหนังฮีโร่ตีกันอย่าง Batman v Superman ทำรายได้อยู่ที่อันดับ 8 ของหนังทำเงินไปแล้ว จะไม่พูดถึงหนังรวมฮีโร่ของค่ายตรงข้ามอย่างมาร์เวลไปได้อย่างไร โดยคราวนี้เหล่าฮีโร่แทบจะหมดค่ายออกมาตีกันขนาดนี้ รวมไปถึงหนูน้อยสไปเดอร์แมนก็ออกมากับเขาด้วย คนดูจะจะพลาดไม่ตีตั๋วเข้าชมไปได้อย่างไร ส่งผลให้หนังรวมฮีโร่ของค่ายสีแดงเก็บเงินไปได้ 408 ล้านเหรียญ
2. Rogue One (โร้ค วัน: ตำนานสตาร์ วอร์ส)

ขึ้นชื่อว่า สตาร์ วอร์ส แฟนคลับทั้งหลายทั่วโลกก็พร้อมจะจ่ายเงินซื้อตั๋วเดินเข้าโรงภาพยนตร์กันอยู่แล้วตั้งแต่ได้ยินชื่อเรื่อง ถึงแม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ใช่ภาคหลักของสตาร์ วอร์ส แต่ทว่าแฟนคลับทั้งหลายทั่วโลกก็ไม่มิสน เดินเข้าเดินออกซื้อตั๋วชมภาพยนตร์กันอย่างว่าเล่น ส่งผล Rogue One ให้เก็บเงินค่าตั๋วไปได้ทั้งหมด 439.7 ล้านเหรียญ
1. Finding Dory (ผจญภัยดอรี่ขี้ลืม)

และก็มาถึงหนังที่ทำเงินสูงสุดประจำปี 2016 กันแล้ว อนิเมชั่นภาคต่อของเหล่าปลาทะเลสุดแสนน่ารัก กลับมาผจญภัยอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานหลายปี และแล้วในปี 2016 อนิเมชั่นของเหล่าปลาน้อยก็กลับมาโลดแล่นในโรงภาพยนตร์อีกครั้ง ด้วยความน่ารักสดใสและเนื้อหาโดนใจผู้ปกครอง ทำให้คุณพ่อคุณแม่ต่างจูงมือลูกเข้าไปชมในโรงภาพยนตร์ ส่งผลให้อนิเมชั่นเรื่องนี้ โกยเงินไปถึง 486.2 ล้านเหรียญ เลยทีเดียว ถือว่าเป็นการกลับมาที่คุ้มค่าสุดๆ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ มีภาพยนตร์ในดวงใจของเพื่อนๆติดอันดับบ้างกันหรือเปล่า?
——————————————
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆและรูปภาพจาก
IMDB/20th Century Fox/DISNEY/WARNER/UNIVERSAL
แอดมินน้องเบ้น
บทความที่คุณอาจชอบ…
10 ซีรี่ส์ติดเรทที่เด็กๆไม่ควรดู

10 นักแสดง Hollywood ที่คุณอาจไม่รู้ว่าเป็นเกย์
10 ตัวละครตัวแม่ที่ไม่ควรเข้าใกล้ในโลกภาพยนตร์
7 พฤติกรรมที่ไม่ควรทำเวลาดูหนังในโรงภาพยนตร์
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]






























