Bounty Star: The Morose Tale of Graveyard Clem
ประเภท : Action
ผู้พัฒนา : DINOGOD
เครื่อง : PlayStation 5 , Xbox Series , PlayStation 4 , Xbox Oneและ PC
วางจำหน่าย : 23 ต.ค. 2025
เกมนี้คือ!?
Bounty Star: The Morose Tale of Graveyard Clem เป็นเกมแอคชั่น 3 มิติแบบ over-the-shoulder ที่ผสมผสานการต่อสู้ด้วยหุ่นยนต์และการปรับแต่ง เข้ากับการทำฟาร์มและการสร้างฐาน ผู้เล่นสวมบทบาทเป็นอดีตทหารหญิงผ่านศึก นามว่า ” เคล็ม” เธอคือนักสู้ผู้มีความสามารถ และนักบินหุ่นยนต์ผู้เชี่ยวชาญ เคล็มพยายามสลัดความรู้สึกผิดจากอดีตของเธอในสมัยเป็นทหาร และกลายเป็นพวกรับจ้างสารพัด ในโลกที่เสื่อมโทรม เพื่อผดุงความยุติธรรม ช่วยคนเดือดร้อนในย่าน Red Expanse ซึ่งเป็นพื้นที่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอเมริกาในยุคเสื่อมถอยของผู้คน
ผู้เล่นจะได้ใช้งานหุ่นรบสองขา Desert Raptor MKII ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่โมดิฟายมาเป็นพิเศษ สามารถติดตั้งระบบโจมตีได้หลากหลาย ทั้งอาวุธหนักระยะประชิดกำลังสูง อาวุธระยะทำลายกว้างไฮดรอลิกพลังไอน้ำ ปืนระเบิด และอื่น ๆ นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งระบบป้องกันที่หลากหลาย และเร่งความเร็วได้ด้วยเครื่องขับดันความเร็วสูง พร้อมโล่ปราบจลาจล และอื่น ๆ
ใน The Red Expanse เป็นพื้นที่เกษตรกรรมและการค้าที่อุดมสมบูรณ์ แต่ก็เต็มไปด้วยอาชญากรที่ดุร้าย และสัตว์กลายพันธุ์อันตราย รัฐบาลเองก็หมดปัญญาจะจัดการ จึงได้ตั้งค่าหัวเหล่าร้าย แล้วให้ใครก็ได้มาจัดการ ซึ่ง “เคล็ม” คือคนที่เก่งที่สุด มือดีที่สุดในย่านนี้ แต่สิ่งที่เธอได้มาจากการทำงานล่าค่าหัว คือเงิน และข้าวของการเกษตรต่างๆ ที่จะทำให้จิตใจเธอสงบลงด้วยการปลูกผัก ทำสวนทำไร่
ทุกอย่างในเกมนี้จะเริ่มที่ โรงรถทรุดโทรมซึ่งทำหน้าที่เป็นฐานปฏิบัติการและบ้าน เงินที่ได้มา จะถูกนำไปใช้ในส่วนต่างๆเช่น การสร้างท่อจ่ายน้ำและไฟฟ้า ,เลี้ยงสัตว์ , ปลูกผัก , ปรุงอาหาร , ผลิตกระสุน และเชื้อเพลิงสำหรับการต่อสู้ สำหรับงานต่อๆไป
“ชีวิตที่สงบ ท่ามกลางความโกลาหล” เป็นไอเดียหลักของเกมนี้เลยก็ว่าได้
โดย Ben Ruiz ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของเกม ‘Bounty Star’ ได้ออกมาเปิดเผยว่า แนวคิดของเกมเกิดจากการที่เขาต้องการถ่ายทอดชีวิตของนักล่าค่าหัวที่ขับหุ่นยนต์ในโลกทะเลทรายที่โหดร้าย ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากทะเลทรายอาริโซน่าที่เขาเติบโตมา
โดยเกมนี้ได้รับอิทธิพลมาจาก 3 เกมหลักคือ ‘Armored Core’ (ในแง่ของเมคคานิค), ‘Devil May Cry’ (ในแง่ของแอ็กชัน) และ Harvest Moon (ในแง่ของการทำฟาร์ม) นอกจากนี้ยังได้รับอิทธิพลจากเกมกระดาน ‘BattleTech’ และภาพยนตร์คาวบอย
ในช่วงท้ายของการพัฒนา ทีมงานได้แอบใส่ “มินิเกมเบสบอล” ซ่อนไว้ในเกม (ในด่าน “Meek’s Arch Baseball Field”) เนื่องจากผู้พัฒนาชื่นชอบเบสบอลเป็นการส่วนตัว ซึ่งเกมได้รับการตอบรับที่ดี โดยเฉพาะจากผู้เล่นที่ชื่นชอบหนังคาวบอย, เนื้อเรื่องที่เน้นตัวละคร และเกมแนวหุ่นยนต์
Ben ยืนยันว่า ทีมพัฒนาไม่มีแผนสำหรับอัปเดตเนื้อหาขนาดใหญ่หรือการทำภาคต่อ เนื่องจากใช้เวลาพัฒนากับเกมนี้มานาน และตอนนี้ทีมพร้อมที่จะเดินหน้าสู่โปรเจกต์ใหม่แล้ว อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงทำงานแก้ไขปัญหาและปรับปรุงคุณภาพเกม (QoL) ต่อไป

Bounty Star: The Morose Tale of Graveyard Clem มีกำหนดออก 23 ต.ค. 2025
แอดมิน AK47
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]




































