ชื่อภาษาอังกฤษ : Boruto: Naruto the Movie
ชื่อภาษาญี่ปุ่น : ボルト‐ナルト・ザ・ムービー
ชื่อภาษาไทย : โบรูโตะ เดอะมูฟวี่
ประเภท : ภาพยนตร์อนิเมชั่น
แนว : แอ็คชัน / ผจญภัย / แอนิเมชัน
ผู้กำกับ : Hiroyuki Yamashita
ผู้แต่ง : Kishimoto Masashi
ค่ายภาพยนตร์ : Toho Company
ฉาย : 24 กันยายน 2015
หลังจากจบ The Last Naruto The Movie ไม่ทันไร ก็มาว่ากันต่อกับเรื่องราวของเหล่านินจารุ่นต่อไปในหมู่บ้านโฮคาเงะอีกครั้ง กับ โบรูโตะ เดอะมูฟวี่ (Boruto: Naruto the Movie) หลังจากสงครามโลกนินจาครั้งที่ 4 จบลง เมื่อเหล่าวายร้ายทั้ง “โอซึซึกิ คางูยะ” และ “เซ็ตซึสีดำ” ถูกผนึกไป โลกนินจาก็กลับมาสู่ความสงบสุขและสามัคคีกันอีกครั้ง นารูโตะได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษของโลกนินจา และการเดินทางไปทั่วโลกเพื่อไถ่บาปของของซาสึเกะได้ได้เริ่มขึ้น พร้อมๆ กับการถือกำเนิดของโลกนินจายุคใหม่ กับเหล่าลูกๆ ของพวกเขา!!

โดยในภาคนี้ สำหรับญี่ปุ่นนั้นได้มีกำหนดฉายไปตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2015 ที่ผ่านมา ซึ่งก็มาพร้อมกับโปรโมชั่นเอาใจแฟนการ์ตูน ด้วยของที่ระลึก 2 แบบ 2 สไตล์จากตระกูลอุซึมากิ (นารูโตะกับโบรูโตะ) และตระกูลอุจิวะ (ซาสุเกะกับซาราดะ) สำหรับ 100 คนแรกที่เข้าชมภาพยนตร์ ซึ่งพี่ไทยเราจะมีของสมนาคุณสำหรับแฟนหนังหรือเปล่าด้วยมั้ยนั้น? คงต้องรอดูกันต่อไปอ่านะ

เรื่องย่อ
แม้จะฉายต่อจาก The Last Naruto The Movie แต่ในด้านเนื้อเรื่องของ Boruto Naruto the Movie นั้นจะดำเนินเรื่องต่อจาก มินิซีรีย์ Naruto Gaiden: The Seventh Hokage โดยเน้นในเรื่องราวความสัมพันธ์ของรุ่นลูกกับบรรดาพ่อๆ ของพวกเขา ทั้งทางด้านของ “โบรูโตะ” ลูกชายตัวแสบของนารูโตะ และ “ซาราดะ” ลูกสาวผู้สืบทอดพลังแห่งตระกูลอุจิวะของซาสุเกะ เมื่อนารูโตะสามารถก้าวขึ้นเป็นโฮคาเงะรุ่นที่ 7 ต่อจาก “ฮาตาเกะ คาคาชิ” ผู้เป็นอาจารย์ในรุ่นที่ 6 ได้สำเร็จ ทำให้ต้องแบกรับกับภาระหน้าที่ต่างๆ จนไม่สามารถมีเวลาให้กับครอบครัวของตัวเอง จนกลายเป็นชนวนทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้นในภาคนี้
โบรูโตะ ที่พบว่าพ่อของตัวเองไม่มีเวลาให้ตัวเองเหมือนก่อน เกิดการต่อต้านพ่อของตัวเองและต้องการจะทำให้ทุกคนในหมู่บ้านเห็นว่าตนเองเหนือกว่าพ่อห่วยๆ โบรูโตะจึงได้ไปขอเป็นศิษย์กับซาสุเกะ คู่ปรับตลอดกาลของนารูโตะ เพื่อที่จะกลับมาเอาชนะพ่อของตัวเอง
แต่เรื่องราวดูจะยังไม่วุ่นวายเพียงพอ เมื่อฝ่าย “ซาราดะ” ลูกสาวของซาสุเกะเอง ก็เกิดน้อยใจและสงสัยในพ่อของตัวเองเช่นกัน เมื่อเธอพบรูปความสัมพันธ์ของพ่อตัวเองกับกลุ่มเหยี่ยว และสาวแว่น “คาริน”
อย่างไรก็ตาม เมื่อรุ่นพ่อเป็นคู่ปรับกัน รุ่นลูกก็เป็นคู่แข่งกันเช่นกันในการสอบและการประลองจูนินของนินจารุ่นใหม่ แถมในภาคนี้ยังมาพร้อมกับตัวละครปริศนาอย่าง “มิตสึกิ” เด็กหนุ่มที่มาพร้อมกับความร่าเริงอารมณ์ดี และความสามารถในการยืดหดตัวได้ ว่าแต่เบื้องหลังของเขาจะแอบแฝงไปด้วยอะไรบ้างหรือเปล่านั้น คงต้องติดตามกับในโรงภาพยนตร์ 24 กันยายนนี้ คาดว่าน่าจะมีบทสรุปเป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ดีๆ ในครอบครัวให้เราติดตามกัน แต่จะเป็นอย่างไรนั้น รอชมกันเอาเอง…
ตัวละคร
โบรูโตะ อุซึมากิ – Boruto Uzumaki ให้เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย Yuuko Sanpei
เด็กชายผู้ต่อต้านโฮคาเงะรุ่นที่ 7 ซึ่งก็คือพ่อของตัวเอง เขาเป็นลูกชายนารูโตะกับฮินาตะ โบรูโตะมีนิสัยแทบจะไม่ต่างกับนารูโตะตอนเด็กๆ เลย มีแค่ทรงผม และความเกรียน+แสบ ที่ดูจะ เกินกว่าพ่อไปเยอะ คู่แข่งคนสำคัญของโบรูโตะคือ “ซาราดะ” ลูกสาวของซาสึเกะ ไม่ต่างจากรุ่นพ่อที่เป็นคู่ปรับกัน
ซาราดะ อุจิวะ – Sarada Uchiha ให้เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย Kokoro Kikuchi
สาวน้อยผู้สืบทอดพลังจากตระกูลอุจิวะ ลูกสาวของซาสึเกะ ในภาคนี้มีบทบาทพอๆ กับ โบรูโตะ ด้วยทั้งคู่ต่างก็เป็นคู่แข่งกัน ทั้งกับเรื่องแย่งซาสึเกะและการสอบจูนินของพวกนินจารุ่นใหม่ ในด้านความสัมพันธ์กับพ่อนั้น ก็ไม่ต่างจากโบรูโตะนัก เนื่องจากเธอเองก็มีความน้อยใจต่อพ่อของตัวเองที่ไม่เคยมีเวลาให้เช่นเดียวกับโบรุตะ
นารูโตะ อุสึมากิ – Naruto Uzumaki ให้เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย Junko Takeuchi
วีรบุรุษแห่งโลกนินจาโฮคาเงะรุ่นที่ 7 พ่อของโบรูโตะ ภาคนี้ยังคงมีบทบาทเป็นตัวหลักเหมือนเดิม แต่ดูจะมีบทบาทแตกต่างออกไปจากที่แล้วๆ มา ด้วยเพราะนารูโตะต้องรับหน้าที่ในตำแหน่งโฮคาเงะรุ่นที่ 7 ทำให้ต้องทำงานหนักและไม่ค่อยมีเวลาให้กับครอบครัว จนเกิดเป็นเรื่องเป็นราวกับลูกชายตัวเองขึ้นมา
ซาสึเกะ อุจิวะ – Sasuke Uchiha ให้เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย Noriaki Sugiyama
คู่ปรับตลอดการของนารุโต บุรุษจากตระกูลอุจิวะ ผู้ครอบครองพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกนินจาเนตรวงแหวน และเนตรสังสาระ เขาได้เดินทางไปทั่วโลกเพื่อล้างบาปที่ตัวเองได้เคยก่อ และเป็นพ่อของสาวน้อยซาดาระ ในภาคนี้ดูจะเนื้อหอมเกินหน้าเกินตานารูโตะเช่นเดิม ขนาดลูกๆ ของพวกเขายังพากันเเย่งในฐานะอาจารย์ผู้สอนและคอยดูแลขนาดนี้เลย ดูสิ!
มิตสึกิ – Mitsuki ให้เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย Ryūichi Kijima
เด็กหนุ่มร่าเริงอารมณ์ดีที่มาพร้อมความสามารถในการยืดหดตัวได้ แต่เบื้องหลัง… (ละไว้ให้อยากรู้)
อิโนะจิน ยามานากะ – Inojin Yamanaka (ลูกชายซาอิกับอิโนะ) ให้เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย Atsushi Abe

ชิกะได นาระ – Shikadai Nara (ลูกชายชิกามารุกับเทมาริ) ให้เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย Kenshō Ono
โจโจ อคิมิจิ – Chōchō Akimichi (ลูกสาวของ อาคิมิจิ โจจิ และ คารุย ผู้มีความมั่นใจในตัวเอง)
โมโมชิกิ โอทสึซุกิ – Momoshiki Ōtsutsuki (ตัวร้ายของเรื่อง) ให้เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย Daisuke Namikawa
กินชิกิ โอทซึกิ – Kinshiki Ōtsutsuki (ลูกน้องของ Momoshiki) ให้เสียงภาษาญี่ปุ่นโดย Hiroki Yasumoto
เพลงประกอบ
ตัวอย่างภาพยนต์
ที่มาและภาพประกอบ : narutothailand.com | Youtube: DAISUKI™
By : Admin@no_สวยสึดๆ
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]











































