เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา วงการบันเทิงได้สูญเสียนักแสดงผู้เป็นตำนานของฮอลลีวูดอย่าง Val Kilmer ซึ่งจากไปในวัย 65 ปี เขาคือหนึ่งในนักแสดงมากฝีมือที่มีผลงานการแสดงอันหลากหลาย ทั้งในแนวดราม่า แอ็กชัน แฟนตาซี และคอมเมดี้ โดยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครที่เขารับบท ด้วยการแสดงที่เข้าถึงอารมณ์และเปี่ยมด้วยพลัง จึงไม่น่าแปลกใจที่ชื่อของ Val Kilmer จะถูกจดจำในใจผู้ชมตลอดมา
เพื่อเป็นการรำลึกถึงเขา บทความนี้จะขอพาย้อนชม 10 ผลงานภาพยนตร์ที่ถือเป็นจุดเด่นในเส้นทางสายการแสดงของเขากันครับ
Top Secret! (1984)
หนึ่งในภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทำให้ชื่อของ Val Kilmer เริ่มเป็นที่รู้จัก กับภาพยนตร์แนวล้อเลียนสุดฮาโดยทีมผู้สร้าง ZAZ (Jim Abrahams, David Zucker และ Jerry Zucker) ซึ่งเคยฝากผลงานใน Airplane! และ The Naked Gun ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวของนักร้องร็อกแอนด์โรลล์ที่บังเอิญเข้าไปพัวพันกับปฏิบัติการสายลับท่ามกลางฉากหลังของสงครามโลกครั้งที่สอง Kilmer แสดงบทนำในเรื่องนี้ได้อย่างโดดเด่น ทั้งด้านเสียงร้องและการแสดงตลกที่เป็นธรรมชาติ
The Saint (1997)
ภาพยนตร์แอ็กชัน-สายลับที่ดัดแปลงจากซีรีส์โทรทัศน์คลาสสิกชื่อเดียวกัน Val Kilmer รับบทเป็น “ไซม่อน เทมปลาร์” จอมโจรผู้ใช้ตัวตนปลอมหลากหลายในการทำภารกิจโจรกรรม เขาต้องเข้าไปพัวพันกับแผนสมรู้ร่วมคิดระดับนานาชาติเพื่อแย่งชิงสูตรพลังงาน Cold Fusion ซึ่งอาจเปลี่ยนอนาคตของโลก Kilmer แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสลับบทบาทและบุคลิกได้อย่างแนบเนียนในภาพยนตร์เรื่องนี้
Batman Forever (1995)
หนึ่งในบทบาทที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Kilmer คือการรับบท “บรูซ เวย์น / แบทแมน” ในภาพยนตร์ภาคต่อของแฟรนไชส์ Batman ที่กำกับโดย Joel Schumacher เขาต้องเผชิญหน้ากับวายร้ายถึงสองคน ได้แก่ ทูเฟซ (Tommy Lee Jones) และ ริดเลอร์ (Jim Carrey) แม้ตัวภาพยนตร์จะได้รับเสียงวิจารณ์ที่หลากหลาย แต่ Kilmer ได้รับคำชื่นชมในแง่ของการตีความบทแบทแมนที่เคร่งขรึมและซับซ้อน
Tombstone (1993)
ภาพยนตร์แนวคาวบอยที่นำเสนอเรื่องราวของ Wyatt Earp และกลุ่มมือปราบในตำนาน Val Kilmer รับบทเป็น Doc Holliday นักพนันผู้มีฝีมือแม่นปืนและป่วยด้วยวัณโรค ตัวละครนี้กลายเป็นหนึ่งในบทบาทที่ผู้ชมกล่าวถึงมากที่สุด ด้วยการแสดงที่ผสมผสานความกล้าหาญและความเจ็บปวดไว้ในคราวเดียว
Real Genius (1985)
คอมเมดี้แนววิทยาศาสตร์ที่เล่าถึงกลุ่มนักศึกษาวิศวกรรมอัจฉริยะในมหาวิทยาลัยชั้นนำ Val Kilmer รับบทเป็น คริส ไนท์ นักเรียนอัจฉริยะที่ใช้แนวคิดสร้างสรรค์และอารมณ์ขันในการต่อต้านโครงการลับของรัฐบาลซึ่งจะเปลี่ยนผลงานของพวกเขาให้กลายเป็นอาวุธทำลายล้าง เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงด้านที่เป็นกันเองและเสน่ห์ของ Kilmer ในบทบาทสายฮาได้อย่างชัดเจน
Kiss Kiss Bang Bang (2005)
ในผลงานแนวสืบสวน-คอมเมดี้จากผู้กำกับ Shane Black Kilmer รับบทเป็น Gay Perry นักสืบเอกชนฝีปากจัดที่ต้องจับคู่กับโจรดวงซวย (Robert Downey Jr.) เพื่อคลี่คลายคดีฆาตกรรม ผลงานเรื่องนี้ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากในด้านบทภาพยนตร์และการแสดงของทั้งคู่ โดยเฉพาะ Kilmer ที่ถ่ายทอดตัวละครออกมาได้อย่างมีชีวิตชีวา
Willow (1988)
ภาพยนตร์แฟนตาซีอันยิ่งใหญ่จากปลายปากกาของ George Lucas ซึ่งกำกับโดย Ron Howard เล่าเรื่องของโลกที่เวทมนตร์ยังคงดำรงอยู่ Kilmer รับบทเป็น Madmartigan นักดาบเจ้าเล่ห์แต่เปี่ยมด้วยน้ำใจ ที่กลายมาเป็นผู้ช่วยเหลือ Willow ในภารกิจปกป้องทารกผู้มีชะตาจะโค่นล้มราชินีผู้ชั่วร้าย นี่คือหนึ่งในบทบาทที่ยืนยันถึงความสามารถในการเล่นบทแฟนตาซีได้อย่างน่าประทับใจ
The Doors (1991)
หนึ่งในบทบาทที่เปลี่ยนชีวิตของเขาอย่างแท้จริง Kilmer รับบทเป็น Jim Morrison นักร้องนำแห่งวง The Doors ภายใต้การกำกับของ Oliver Stone เขาทุ่มเทเต็มที่ในการศึกษาบุคลิกและเสียงร้องของ Morrison จนได้รับเสียงชื่นชมว่าแทบจะแยกไม่ออกระหว่างนักแสดงกับตัวจริง การแสดงของเขาในเรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในจุดสูงสุดของอาชีพ
Heat (1995)
ผลงานระดับตำนานในแนวอาชญากรรม โดยผู้กำกับ Michael Mann ที่รวบรวมนักแสดงระดับตำนานอย่าง Al Pacino และ Robert De Niro มาเผชิญหน้ากัน
Kilmer รับบทเป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊งปล้นธนาคารผู้เก่งกาจและเยือกเย็น แม้บทของเขาจะไม่ใช่ตัวหลัก แต่ความสามารถในการขโมยซีนและแสดงอารมณ์ภายในแบบนิ่ง ๆ กลับทำให้ผู้ชมจดจำเขาได้อย่างดี
Top Gun (1986) และ Top Gun: Maverick (2022)
บทบาท “Iceman” หรือ Tom Kazansky นักบินฝีมือดีแห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ คือบทบาทที่ทำให้ Kilmer กลายเป็นที่รู้จักในระดับโลก ในภาคแรก เขาคือคู่แข่งของ “Maverick” (Tom Cruise) ขณะที่ในภาคต่อเมื่อปี 2022 Kilmer ได้กลับมาแสดงอีกครั้ง แม้จะมีปัญหาด้านสุขภาพจากการต่อสู้กับโรคมะเร็งในลำคอ แต่ฉากที่ทั้งสองกลับมาพบกันอีกครั้งก็กลายเป็นฉากที่ตราตรึงใจผู้ชมอย่างยิ่ง ถือเป็นบทสรุปอันงดงามของตัวละครและนักแสดงผู้ยิ่งใหญ่คนนี้
Val Kilmer คือนักแสดงที่สามารถสวมบทบาทได้หลากหลายอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นพระเอกสายแอ็กชัน อาชญากรลึกลับ นักสืบอารมณ์ขัน ไปจนถึงนักดนตรีผู้มีชีวิตแสนบ้าคลั่ง แม้ว่าเขาจะจากไปแล้ว แต่ผลงานของเขาจะยังคงเป็นที่จดจำและเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมและนักแสดงรุ่นหลังต่อไป
หากคุณมีผลงานโปรดของ Val Kilmer ที่ประทับใจเป็นพิเศษ อย่าลังเลที่จะร่วมแชร์ความทรงจำ เพื่อรำลึกถึงเขาไปพร้อมกันครับ
@P.PETTY
ข้อมูลอ้างอิง:
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]






































