ต้องบอกว่ากระแสซอมบี้ย้อนยุคอย่าง Kingdom หรือ ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด จะทำให้ชื่อของ จูจีฮุน นักแสดงและนายแบบชื่อดังจะเป็นที่รู้จักในเวลานี้ แต่ถ้าใครเป็นคอซีรีส์เกาหลีเมื่อ10ปีที่แล้ว คงจะจำโอปป้าคนนี้ในบทเจ้าชายจากซีรีส์ปี2006อย่าง เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา (Princess Hours) ที่เข้ามาขโมยหัวใจสาวไทยมาแล้ว
เพื่อเข้ากับกระแสซีรีส์ Kingdom ในเวลานี้ จึงขอไปรู้จักเขาให้มากขึ้นผ่านผลงานหนังและซีรีส์ที่เขาได้ฝากฝีมือมาแล้ว ไปดูกันว่ามีผลงานไหนกันบ้างจ้า
10.) I am King (2012)
ก่อนที่แกจะเป็นองค์รัชทายาทสู้ซอมบี้ ครั้งหนึ่งเขาเคยรับบทเป็นองค์ชายที่ขี้กลัว และไม่ได้อยากเป็นกษัตริย์ ที่จึงทำทุกวิถีทางเพื่อจะหนีออกจากวัง แล้วเขาดันมีหน้าตาคล้าย ทอกชิล ทาสรับใช้ที่เหมือนเขาทุกประการที่กำลังตามหาคนรัก จนเกิดสลับตัวทั้งสองจนนำไปสู่เรื่องราวสุดฮาในราชสำนัก
9.) Marriage Blue (2013)
หนังรวมดาราดังมากมายที่เจ้าตัวได้ร่วมแสดงด้วย ว่าด้วยเรื่องราวความรักสุดวุ่นวายของคู่รัก4คู่ ในช่วงสัปดาห์ก่อนแต่งงาน ซึ่งแต่ละคู่ก็มีเรื่องราวสนุกๆปนวุ่นๆ สไตล์โรแมนติกก่อนระฆั่งวิวาห์ลั่น
8.) The Spy Gone North (2018)
เป็นผลงานที่ถูกพูดถึงและยังไปกวาดรางวัลตามเทศกาลภาพยนตร์ใหญ่ๆอีกด้วย หนังมีเค้าโครงจากเรื่องจริงของปฏิบัติการณ์ลับสุดยอด เมื่อสายลับเกาหลีใต้ต้องถูกส่งตัวไปยังเกาหลีเหนือ เพื่อสอดแนมเรื่องราวของอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศฝั่งตรงข้ามว่ามีจริงหรือไม่ เป็นหนังสายลับดราม่า ที่ชวนให้ชวนทึ่ง ชวนอึ้ง ชวนลุ้น ใครชอบแนวนี้ขอแนะนำครับ
7.) Along With the Gods: The Two Worlds (2017)
ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่สร้างจากการ์ตูนออนไลน์สุดฮิตล้านวิวและคาดหวังว่า จะตามรอยความสำเร็จเฉกเช่นเดียวกับ Train To Busan ตัวหนังได้ ชา แทฮยอน พระเอกจาก ยายตัวร้ายกับนายเจี๋ยมเจี้ยม (My Sassy Girl) ส่วนโจจีฮุนรับบทเป็นยมทูต
หนังเล่าถึงนักดับเพลิงที่เสียชีวิตกะทันหัน ถูกนำตัวไปยังโลกหลังความตายโดยสามผู้พิทักษ์ เขาต้องผ่านการทดสอบเจ็ดด่าน เป็นระยะเวลา 49 วัน เพื่อพิสูจน์ว่าเมื่อสมัยเขายังมีชีวิตอยู่เขาดำเนินชีวิตอย่างยุติธรรม ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดใหม่อีกครั้ง

6.) Along With the Gods: The Last 49 Days (2018)
หนังภาคต่อจากหนังเรื่อง Along With the Gods: The Two Worlds ที่คราวนี้ทั้งสามทีมเทพผู้พิทักษ์ จะต้องผจญภัยฝ่าแดนปรโลกทั้งเจ็ดสู่การพิพากษาครั้งที่ 49 เพื่อส่งดวงวิญญาณของตนเองและ คิม ซูฮง วิญญาณอาฆาตน้องชายของ คิม จาฮง ผ่านด่านพิพากษาจาก “ราชันย์ยอมรา” เทพแห่งนรก เพื่อพิสูจน์ตัวตนให้กลับมาเกิดใหม่ให้สำเร็จ แต่ในเวลาเดียวกันความทรงจำอันเจ็บปวดของเทพผู้พิทักษ์ทั้งสามเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์เริ่มกลับคืนมาจากฝีมือของ “เทพประจำตระกูล” ที่อยู่บนโลก
5.) Item (2019)
มาดูทางฝั่งซีรีส์กันบ้าง เริ่มจากเรื่องนี้กันเลยครับ จูจีฮุนรับบทนำเป็นอัยการหนุ่มจิตใจดีที่ต้องช่วยลูกสาวให้รอดพ้นจากอันตราย จนต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับของวิเศษที่มีพลังพิเศษที่อยู่ในมือเขาโดยบังเอิญ ของสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถหาคำตอบได้ เขาจึงใช้พลังจากของสิ่งนี้ปกป้องคนที่เขารัก
4.) Mask (2015)
ซีรีส์เรื่องนี้เขารับบทเป็นทายาทเจ้าของกิจการใหญ่โต เรียกว่าครบเครื่องจนเป็นที่หมายปองของสาวน้อยสาวใหญ่เลยทีเดียว จนวันหนึ่งต้องมาแต่งงานกับลูกสาวของเศรษฐี ซึ่งอันที่จริงเธอเป็นหญิงสาวธรรมดาที่หน้าตาเหมือนคู่หมั้นของพระเอกที่ประสบอุบัติเหตุ จึงสวมรอยเข้าไปแทนจนเกิดเรื่องราววุ่นๆเข้าจนได้

3.) Medical Top Team (2013)
ซีรีส์ดราม่าเข้มข้น เรื่องราวเฉือนคมในวงการแพทย์ของทีมแพทย์ที่รวมมือดีที่สุด เรียกว่าเป็นดรีมทีมของโรงพยาบาลแห่งนี้ แต่เมื่อชื่อเสียงกลับเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ พกวเขาจึงต้องเผชิญเรื่องราวและอุปสรรคที่เข้มข้นรวมถึงหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่ต้องช่วยชีวิตคนอีกจำนวนมาก

2.) Princess Hours (2006)
และนี่คือซีรีส์ที่ทำให้ชื่อของเขากลายเป็นที่หนึ่งในดวงใจของสาวๆ รวมถึงเพลงประกอบอย่าง Perhaps Love ติดหูมาจนทุกวันนี้ แล้วยังถูกนำมาสร้างรีเมคในฉบับภาษาไทยมาแล้วอีกด้วย
เรื่องราวของเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง ที่ตกกระไดพลอยจนต้องแต่งงานกับเจ้าชายที่เป็นรัชทายาทแห่งราชวงศ์เกาหลีตามคำสัญญาที่ปู่ของเธอได้ให้กับกับอดีตพระราชาองค์ก่อน ทำให้เธอต้องปรับเปลี่ยนชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ จนเกิดเรื่องวุ่นๆตามมาในภายหลัง

1.)Kingdom (2019-2020)
ผลงานล่าสุดของจูจีฮุนที่ทำให้ชื่อของเขากลับเป็นที่รู้จักมากขึ้น เมื่อเขารับบทเป็นองค์ชายรัชทายาทที่ต้องจับดาบสู้กับฝูงซอมบี้เพื่อปกป้องประชาชนในซีรีส์ของ Netflix ซึ่งตอนนี้มีถึงสองซีซั่นและในอนาคตเราคงจะได้เห็นเขาจับดาบตัดหัวผีดิบแน่นอนเพราะจะมีซีซั่นต่อไปแน่นอน
ทั้งหมดนี้คือ 10 บทบาทที่น่าจดจำของ จูจีฮุน ที่เคยเป็นที่รู้จักในบทเจ้าชายผู้เย็นชา สู่บทบาทองค์ชายรัชทายาทที่พร้อมจะปกป้องประชาชน ให้รอดพ้นวันกลียุคที่คนตายคืนชีพ ใครชอบบทบาทไหนของเขาก็บอกกันได้นะ
@P.PETTY
ข้อมูลประกอบ
- https://fiercebook.com/articles/6827
- https://pantip.com/topic/38545133
- https://sudsapda.com/top-lists/116661.html
- https://thepeople.co/joo-ji-hoon-netflix-kingdom-2/
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]

































