สำหรับบทความนี้ เป็นการบุกเบิกการทำคอนเทนต์รีวิวหนังครั้งแรกของผมเลย ส่วนตัวก็เป็นคนชอบดูหนังแหละ ผมไปดูวันที่15 วันแรกที่ฉาย แต่ผมอยากดูสไลม์เดอะมูฟวี่มากกว่านะ555555 ไว้มีโอกาสแล้วค่อยไปดูและอาจจะมีคอนเทนต์ออกมาด้วยนะครับ ยังไงวันนี้ผมมาในหัวข้อรีวิวAntman นะครับ ที่สำคัญคือมีสปอยด้วยแต่อาจจะไม่เยอะมาก แต่ก็มีแหละ สำหรับคนที่ซีเรียสก็ขอให้ไปดูแล้วค่อยมาอ่านก็ได้ครับ และต่อจากนี้ก็เข้าสู่เนื้อหาได้ครับ
แนะนำ
Ant-Man & The Wasp : Quantumania หนังภาคต่อของ Ant-Man ทั้งสองภาคที่สร้างมาตรฐานไว้ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว โดยในภาคนี้มีเซ็ตติ้งใหม่ที่น่าสนใจมากๆอย่าง “มิติควอนตั้ม” ที่ในนั้นก็มีสัตว์ประหลาด และรวมถึงอารยธรรมล้ำสมัยอยู่อีกด้วย และรวมถึงเรื่องราวปมในอดีตของ “เจเน็ต แวนไดน์” ที่ติดอยู่ในมิติควานตั้มก่อนหน้านี้ด้วยว่าไปก่อวีรกรรมอะไรไว้ทำไมมีแต่คนรู้จัก (รังเกียจด้วย55555)
หนังเล่าเรื่องของ “สก๊อต แลงค์” หรือ “Ant-Man” หลังจากจบศึก Endgame กับธานอสแล้ว เขาก็กลายเป็นชายหนุ่มที่มีชื่อเสียงในฐานะ1ในสมาชิกของทีม “Avengers” และก็ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ รวมถึงวีรกรรมของตัวเองจนร่ำรวยขึ้นมาได้
จนวันหนึ่งลูกสาวของเขา “แคซซี่ แลงค์” ได้ทำการทดลองส่งสัญญาเข้าไปในมิติควานตั้มได้สำเร็จ และทำให้ สก๊อต แคซซี่ โฮป เจเน็ต และแฮงค์ โดนดูดเข้าไปในมิติควอนตั้ม(ยกตี้55555) พวกเขาทั้งหมดต้องเอาตัวรอดและหนีออกไปจากมิติควานตั้มให้ได้เลยยยยยยย!!!!!
ประเด็นที่ต้องการสื่อ
ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าผมเป็นคนเดียวหรือป่าว แต่จับประเด็นที่หนังพยายามจะสื่อไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่ จะเล่นประเด็นของครอบครัวผมว่าก็ยังไปไม่สุด หรือเรื่องของการยึดอำนาจของแคงก็ยังไม่สุดเหมือนกัน ที่ใกล้เคียงสุดน่าจะเป็นความรักของสก๊อตที่มีให้กับลูกของเขาอย่างแคซซี่ล่ะมั้งครับ อ่านมาถึงแค่ตรงนี้ผมก็อยากให้ถอดสมองดูแล้วล่ะครับ

ข้อดี
หนังเรื่องนี้ตีความมิติควอนตั้มออกมาได้ค่อนข้างน่าสนใจและมีมิติอยู่พอสมควร การนำเอาตัวละครเก่าอย่าง “ดาเรน” ตัวร้ายในภาค1กลับมาใช้ซ้ำได้อย่างดี ไม่มีพล็อตโฮล จนขนาดที่ผมคิดว่านี่เค้าเตรียมการไว้แต่แรกแล้วรึป่าว อเมซิ่งจริงๆ เป็นการเก็บรายละเอียดและเซอร์วิสแฟนๆตามแบบฉบับหนังมาร์เวล และมีซีนที่สก๊อตทุกคนช่วยกันต่อตัวสก๊อตจริงออกไป ผมรู้สึกประทับใจมากๆที่ทุกคนร่วมมือกันแบบนั้น และเหมาะกับความเป็นAnt-Manมากๆ หนังเรื่องนี้มีฉากส่วนใหญ่ในมิติควอนตั้ม จึงต้องใช้ซีจีแทบทั้งเรื่อง ส่วนซีจีก็อยู่ในระดับมาตรฐาน รวมถึงซีจีในฉากต่อสู้ด้วย ที่ทำได้ลื่นไหลไม่ติดขัด ทำให้ฉากต่อสู้ดูได้สนุกขึ้น
และที่ขาดไปไม่ได้ซีนตลกของเรื่องนี้ตลกมากจริงๆครับ สอดแทรกคลายเครียดได้ในจุดที่เหมาะสมเลย และสำหรับซีนที่โมดอคตายนี่ผมนั่งขำ(มันเล่นมุกด้วยแหละ) แต่เพื่อนผมนั่งร้องไห้อ่ะ555555 มันก็คงแล้วแต่คนล่ะมั้งครับ55555 ผมเกือบลืมพูดถึงฉากเอ็นเครดิตทำเอาคนไฮป์กันทั้งโรงเลยทีเดียว แคงจะกลับมาอีกครั้งครับ

ข้อเสีย
ตัวร้ายประจำภาคคือข้อเสียสำหรับผมครับ เมื่อเอา แคง ไปเปรียบเทียบกับตัวร้ายดีๆอย่าง ธานอส โลกิ หรือคิลมองเกอร์ ผมรู้สึกว่าแคงขาดเสน่ห์และแรงจูงใจในการทำเรื่องเลวๆ คือแค่มีคำทำนายว่าจะเป็นผู้กวาดล้างทุกมัลติเวิร์ส ก็คือต้องทำตามแล้วหรอ แต่อย่างน้อยก็ยังมีความน่าค้นหาในเรื่องของภูมิหลังอยู่บ้าง และต่อมาก็คือความตื้นของบทหนัง ซึ่งหนังมาร์เวลหลายๆเรื่องก็เป็นอย่างนี้เยอะ เลยทำให้ประเด็นที่หนังพยายามจะสื่อที่ไม่ชัดเจนไปด้วยครับ
สรุป
Ant-Man & The Wasp : Quantumania ก็เป็นอีก1ในหนังสูตรสำเร็จตามตำราของมาร์เวลที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีพอสมควร แต่สำหรับผมเบื่อ เบื่อพล็อตหนังมาร์เวลในแบบเดิมๆ ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้ง และก็ไม่ได้อินตั้งแต่จบEnd game แล้วครับ ก็รู้แหละว่าเป็นหนังตลาด และมันทำเงินได้
งั้นเอาไป 7/10 พอ
พึ่งจะได้ลงบทความบ้าง ช่วงนี้ผมติดงานเยอะมากๆ อาจจะดูแปลกตาไปบ้างยังไงก็ขออภัยด้วยครับ และขอบคุณสำหรับทุกๆคนที่คอยติดตามผมและMetal bridgesเสมอมาครับ
สำหรับวันนี้ซาโยนาระครับ
AD วาชิระซัง
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]
































