Divinity
Developer: Larian Studios
Platform: ยังไม่ประกาศ
Release Date: ยังไม่ประกาศ

Larian Studios ทีมผู้สร้าง Baldur’s Gate III ประกาศเปิดตัวเกม RPG ใหม่ล่าสุดในชื่อ Divinity ที่จะพาผู้เล่นกลับสู่โลก Rivellon อีกครั้ง โดยสตูดิโอยืนยันชัดว่านี่คือ “ผลงานที่ทะเยอทะยานที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา” แม้ยังไม่มีการเปิดเผยแพลตฟอร์มและกำหนดวางจำหน่าย แต่ทิศทางของเกมถูกวางให้มีความกว้าง ความลึก และประสบการณ์การเล่าเรื่องที่เข้มข้นยิ่งกว่าที่เคย

Divinity ถูกพัฒนาขึ้นโดยทีมเดียวกับ Baldur’s Gate III และถูกวางตำแหน่งให้เป็น RPG ที่ขยายขอบเขตทั้งด้านระบบ การเล่าเรื่อง และความเป็นอิสระของผู้เล่นอย่างเต็มที่ แม้จะเป็นเกมใหม่ที่สามารถเริ่มต้นเล่นได้โดยไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์จากผลงานก่อนหน้า แต่ Larian ระบุชัดว่าผู้ที่เคยเล่น Divinity: Original Sin และ Divinity: Original Sin II จะได้รับอรรถรสที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นจากความต่อเนื่องของโลก เรื่องราว และธีมหลักที่สตูดิโอสั่งสมมานานหลายปี

สำหรับเกม Divinity ภาคล่าสุด Larian Studios ระบุว่านี่คือครั้งแรกที่พวกเขาตั้งชื่อเกมว่า “Divinity” โดยตรง แม้จะมีประวัติยาวนานกับซีรีส์นี้มาก่อน Swen Vincke ผู้ก่อตั้งและผู้กำกับเกมของสตูดิโอ ระบุว่า นี่คือจุดรวมทุกสิ่งที่ทีมเคยทำมา เป็นก้าวสำคัญของสตูดิโอที่นำประสบการณ์ทั้งหมดมาหลอมรวมเป็นผลงานเดียว เพื่อสร้างเกมที่มีทั้งความลึก ความใกล้ชิดทางอารมณ์ และขอบเขตของโลกที่กว้างขวางกว่าทุกผลงานก่อนหน้า

แม้รายละเอียดเชิงระบบ เกมเพลย์ และโครงสร้างยังไม่ถูกเปิดเผย แต่จากแนวคิดที่ Larian วางไว้ Divinity ถูกคาดหวังว่าจะเป็นวิวัฒนาการขั้นถัดไปของ RPG สายเนื้อเรื่องเข้ม ที่ให้ผู้เล่นกำหนดเส้นทาง ชะตากรรม และผลลัพธ์ของโลก Rivellon ได้อย่างแท้จริง โดยเป็นผลลัพธ์จากการพัฒนาที่สตูดิโอ “สร้างมาเพื่อวันนี้” นับตั้งแต่วันที่ตัดสินใจยืนบนขาของตัวเองอย่างเต็มรูปแบบ

Swen Vincke ไดเรกเตอร์และผู้ก่อตั้งสตูดิโอ ยืนยันว่านี่คือผลงานที่เขารอคอยจะสร้างมาทั้งชีวิต โดยจะใช้ทรัพยากร ความรู้ และเทคโนโลยีทั้งหมดที่มี เพื่อสร้างประสบการณ์ RPG ที่ “กว้างที่สุด ลึกที่สุด และเข้าถึงอารมณ์ที่สุด” เท่าที่เคยมีมา

ย้อนรอยประวัติศาสตร์: ต้นกำเนิดและการแตกสลายของ Rivellon

เพื่อทำความรู้จักจักรวาลของ Divinity ก่อนก้าวเข้าสู่ภาคล่าสุด โลก Rivellon คือดินแดนแฟนตาซีที่ขับเคลื่อนด้วยพลังลึกลับที่เรียกว่า Source พลังซึ่งเป็นทั้งต้นกำเนิดของเวทมนตร์และความหายนะ ใน Divinity: Original Sin ภาคแรก ผู้เล่นรับบทเป็น Source Hunters ที่ต้องสืบหาความจริงเบื้องหลังการใช้ Source ที่นำพาภัยร้ายมาสู่โลก ก่อนที่เรื่องราวจะค่อยๆ เปิดเผยความขัดแย้งเชิงศีลธรรมระหว่างการควบคุมพลังกับอิสรภาพของมนุษย์

ใน Divinity: Original Sin II เรื่องราวถูกยกระดับขึ้นอย่างชัดเจน ผู้เล่นกลายเป็นผู้ที่ถูกเรียกว่า Sourcerer ซึ่งถูกกดขี่และหวาดกลัวจากสังคม เนื้อหาของเกมมุ่งเน้นไปที่การแย่งชิงอำนาจ ความเป็นเทพ (Divinity) และคำถามสำคัญว่าใครควรมีสิทธิ์กำหนดชะตากรรมของโลก Rivellon ภาคนี้ได้รับการยกย่องอย่างสูงจากการเล่าเรื่องแบบแตกแขนง ระบบตัวเลือกที่ส่งผลจริง และอิสระในการแก้ปัญหาที่แทบไม่มีกรอบตายตัว

เพื่อให้เข้าใจถึงความสำคัญของคำว่า “Divinity” เราต้องย้อนไปดูรากฐานของโลก Rivellon ดินแดนที่เปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังแต่กลับเต็มไปด้วยรอยร้าวจาก Divine Divinity กันก่อนครับ

เรื่องมาจาก … เทพเจ้าทั้งเจ็ด (The Seven Gods) ในยุคบรรพกาล โลกถูกปกครองโดยเทพเจ้า 7 องค์ที่เป็นตัวแทนของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ได้แก่

Rhalic (เทพแทนมนุษย์), Duna (เทพแทนคนแคระ), Tir-Cendelius (เทพแทนเอลฟ์), Zorl-Stissa (เทพแทนลิซาร์ด), Vrogir (เทพแทนออร์ค), Xantezza (เทพแทนอิมพ์) และ Amadia (เทพีแห่งผู้วิเศษ)

(แต่ในภาพ มี 8 เพราะมี God King ที่ถูกเทพทั้ง7 ทรยศ เนรเทศผู้คนของเขาที่ถูกแปดเปื้อนด้วยห้วงอวกาศและเหล่าผู้สาบานตน และถูกมิติบิดจนผิดเพี้ยนไป นับรวมด้วย)

เทพเหล่านี้สร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาเพื่อเป็น “แหล่งอาหาร” ของพลังงานศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่า Source ซึ่งเป็นพลังงานบริสุทธิ์ที่หล่อเลี้ยงจักรวาล … ในทุกครั้งที่มีการใช้พลัง Source จะมีผลกระทบตามมาเสมอ นั่นคือการฉีกกระชากมิติให้ The Void (ความว่างเปล่า) รั่วไหลเข้ามา สิ่งมีชีวิตที่มาจากความว่างเปล่านี้ถูกเรียกว่า Voidwoken ซึ่งมีเป้าหมายเดียวคือการกลืนกินทุกสรรพสิ่งให้กลับคืนสู่ความมืดมิด

ตัวละครสำคัญผู้พลิกชะตากรรม Lucian the Divine
หากจะพูดถึงซีรีส์ Divinity จะขาดชื่อของ Lucian ไปไม่ได้ เขาคือมนุษย์ธรรมดาที่ได้รับเลือกจากเทพเจ้าทั้งเจ็ดให้เป็น “The Divine” (ผู้พิทักษ์ศักดิ์สิทธิ์) เพื่อทำหน้าที่เป็นกำแพงมนุษย์เพียงหนึ่งเดียวที่คอยต้านทาน The Void

Lucian รวบรวมเผ่าพันธุ์ต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อก่อตั้ง“Order of the Sacred” … ในสงครามครั้งใหญ่ Lucian ตัดสินใจทำสิ่งที่โหดร้ายแต่ “จำเป็น” (ในมุมมองของเขา) นั่นคือ การใช้ระเบิดมรณะ Deathfog เพื่อกวาดล้างกองทัพ Black Ring จนทำให้เผ่าพันธุ์เอลฟ์ต้องเกือบสูญพันธุ์และสร้างแผลใจให้กับโลก Rivellon มาจนถึงทุกวันนี้

หลังจากความสำเร็จ (ที่เกือบจะเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์) ในภาค Original Sin 2 สถานะของ Lucian และตำแหน่ง The Divine ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงว่าความสงบสุขที่แท้จริงต้องแลกมาด้วยอะไร และเส้นเรื่องค่อนข้างจะยุ่งเหยิงไปซักหน่อย หากจับต้นชนปลายในส่วนของรายละเอียดเชิงลึก ที่เหมือนจะเล่าเรื่องต่อกัน แต่ก็มีจุดขัดแย้งกันเองหลายๆจุด ทำให้แฟนเกมส่วนมก จัดให้Original Sin ทั้งสองภาค อยู่ในสถานะกึ่งรีเซตจักรวาลครับ… 

ซึ่งในโลกของ Divinity ภาคใหม่ เราคาดหวังว่าอาจจะได้เห็นผลกระทบจากความขัดแย้งที่สะสมมานานหลายศตวรรษเช่น เอลฟ์ (Elves) ที่ไม่ใช่แค่คนรักธรรมชาติ แต่พวกเขาสามารถ “กินศพ” เพื่อสืบทอดความทรงจำของผู้ตายได้ และพวกเขายังคงโกรธแค้นจากการโดน Deathfog ถล่มในอดีต , ลิซาร์ด (Lizards) เผ่าพันธุ์ที่หยิ่งผยองและเชื่อว่าตนเองคือผู้สืบทอดมังกรโบราณ มีระบบการเมืองที่ซับซ้อนภายในจักรวรรดิโบราณ (Ancient Empire) , The Black Ring กลุ่มลัทธิชั่วร้ายที่ต้องการอัญเชิญ Chaos (ความโกลาหล) กลับมาสู่โลก ซึ่งมักจะเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับเหล่า Divine Order

สิ่งที่ทำให้ “Divinity” ภาคใหม่น่าจับตามองที่สุด ก็คือทาง Larian ระบุว่านี่คือครั้งแรกที่ใช้ชื่อเกมสั้นๆ ว่า “Divinity” ซึ่งบ่งบอกถึงการ Reboot หรือการ รวมจักรวาล ครั้งยิ่งใหญ่ที่มอบอิสระอย่างมา และยกระดับสานต่อระบบจาก Original Sin 2 และ BG3 ที่ผู้เล่นสามารถแก้ปัญหาได้นับร้อยวิธี ไม่ว่าจะเป็นการคุยกับNPCสารพัด, การใช้พลังธาตุเปลี่ยนสภาพสนามรบ หรือการสังหารตัวละครสำคัญเพื่อเปลี่ยนทิศทางเนื้อเรื่อง โดยทีมงานเน้นย้ำเรื่องความใกล้ชิด ซึ่งหมายถึงบทสนทนาและระบบความสัมพันธ์ที่จะลงลึกกว่าเดิม ผู้เล่นจะได้สัมผัสถึงน้ำหนักของการตัดสินใจที่กระทบต่อเพื่อนร่วมทีมอย่างรุนแรง  และด้วยเอนจินที่พัฒนาขึ้นจากยุค BG3 เราน่าจะได้เห็น Rivellon ในมุมมองใหม่ๆที่สวยงามและกว้างใหญ่ที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีปัจจุบันจะทำได้ครับ

ตัวเกม อยู่ในช่วงการพัฒนา หากมีอัพเดต จะนำเสนอในโอกาสต่อไป

แอดมิน AK47

#Divinity #LarianStudios
#RPG #BaldursGate3
#Rivellon #DivinityOriginalSin
#CRPG #GameNews #FantasyRPG