Metal Gear Solid Delta: Snake Eater

Metal Gear Solid 3 Remake

ประเภท :    TACTICAL ESPIONAGE ACTION
เครื่อง : PS5, Xbox Series และ PC
วันวางจำหน่าย :  28 สิงหาคม 2025

พัฒนาโดย :Konami 

 ชม MV “ผู้บ่าวกินงู” เวอร์ชั่นรีเมค

Metal Gear Solid Delta: Snake Eater เป็นการรีเมคเกมคลาสสิก Metal Gear Solid 3: Snake Eater ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2004 เกมนี้จะคงรักษาเนื้อเรื่อง ตัวละคร การพากย์เสียง และเพลงประกอบจากต้นฉบับไว้ครบถ้วน แต่ก็มีการอัปเดตกราฟิก เสียง และรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อให้เข้ากับเทคโนโลยีของคอนโซลและฮาร์ดแวร์ในยุคปัจจุบัน

REVIEW 8/10

**รีวิวนี้เขียนจากการเล่นในระบบ PS5**

แต่ละด้านจะมีคะแนนเต็ม 3 

1=ไม่ไหว / 2= พอได้ / 3=เยี่ยม

ใช้เวลาเล่น 11 ชั่วโมง ในการเล่นรอบแรก

รีเมคแบบ 1: 1 ที่ขัดเกลาใหม่ให้ร่วมสมัย แม้จะผ่านมาเกิน20ปี แต่ Metal Gear Solid Delta: Snake Eater ก็ยังเลือก “แนวทางของต้นฉบับดั้งเดิม” เป็นแนวทางหลัก … โครงเรื่องเดิมทั้งดุ้น เกมเพลย์ลอบเร้นแบบคลาสสิกที่ถูกขัดเกลาให้ควบคุมง่ายขึ้น และงานภาพที่ยกเครื่องด้วยเอนจินยุคปัจจุบัน (UE5) คืนชีพป่ารัสเซียในสงครามเย็นให้มีมิติ สวยงามน่าสนใจ

ถ้าคุณเป็นแฟนเกมนี้ ทันยุค PS2 คุณจะชอบเกมนี้ เพราะเหมือนเจอเพื่อนเก่าที่หล่อเหลาขึ้น  แต่ผู้เล่นใหม่อาจต้องปรับตัวกับจังหวะการเล่าเรื่อง และการลอบเร้นแบบเกมยุคเก่า ที่ทั้งเข้มข้นและบางจังหวะก็เฉพาะทางจนหลายคนอาจจะไม่ชอบเลยก็ได้เช่นกันครับ

แก่นของเนื้อเรื่อง Metal Gear แทบทุกภาค ก็จะเล่าเรื่องวนๆไปกับความเป็น “สายลับ-อุดมการณ์-การเสียสละ” ในโลกของประวัติศาสตร์โลก ในเวอร์ชั่นสมมติขึ้น แต่ก็มีน้ำหนักมากพอจะให้เราเชื่อ และ “ตั้งคำถาม” กับสิ่งที่เกมเล่าว่า “หรือในอดีตหลังสงครามโลก เราเคยสร้างรถถังมีขาขึ้นมาจริงๆหว่า?55″

เรื่องราวของเกมจะเล่าถึง “จอนห์” หรือโค้ดเนม Naked Snake สายลับ CIA ถูกส่งลุยป่าลึกของสหภาพโซเวียตเพื่อพานักวิทยาศาสตร์ Nikolai Sokolov หลบหนีและหยุดยั้งโครงการอาวุธมหาประลัยที่อาจจะเกี่ยวข้องกับองค์กรระดับมหาอำนาจโลก

ก่อนที่ภารกิจจะพลิกกลายเป็น “บททดสอบศรัทธา” เมื่อเป้าหมายปลายทางคือการกำจัดสายลับสาวเก่งผู้ทรยศอเมริกา ที่มีรหัสว่า “The Boss” เธอผู้เป็นอาจารย์ และเสาหลักชีวิตของเขา หลังจากร่วมเป็นตายมานานนับสิบปี แล้วอยู่ๆเธอก็ไปเข้ากับพวกโซเวียต

นั่นทำให้  Snake  ช๊อก และสับสนมากๆ อันเป็นแก่นเรื่องที่ท้าทายคำว่า “ความจงรักภักดี” ต่อคน ต่อชาติ และต่ออุดมการณ์ จนนำไปสู่บทสรุปที่ชวนดิ่งที่สุดอีกฉากของวงการเกมหลังยุค 2000 เป็นต้นมาด้วยครับ และมันทวีความสวยงามของฉากท้ายเรื่องด้วยกราฟิกยุคใหม่นี้ด้วย และทำให้ที่มาของตัวละคร “Big Boss” ดูทรงพลัง มีเหตุผลขึ้นมา ทั้งๆที่เรารู้อนาคตของเขาแล้วในเกมภาคอื่นๆก็ตาม…

ซึ่งสิ่งที่ Metal Gear Solid Δ ทำได้ดีมากคือการ “คงน้ำหนักทางการเมืองและความเป็นมนุษย์” ไว้ครบถ้วน ยังมีทั้งบทสนทนาเฉียบคมว่าด้วยสงครามเย็น ผสานกับภาพฟุตเทจของประวัติศาสตร์จำลอง และคาแร็กเตอร์ที่หน้าตาดูจริงจัง แต่ก็โคตรเบียว โคตรแอ็กอ้าด ตามแบบของซีรีส์ Metal Gear (โดยเฉพาะขวัญใจแอดมิน  Ocelot ที่ท่าควงปืนขี้โม้ บวกแอคชั่นเบียวๆ ยังคงสะกดสายตา แม้บางโมเมนต์เมื่อนำมาทำเป็นกราฟิกแบบสมจริงยุคปัจจุบันก็ตามครับ)

ด้าน “วิธีการเล่า” เกมยังยึดสไตล์ Snake Eater ดั้งเดิมเต็มตัว เพราะเกมเน้น “คัตซีนยาวๆ” และ “มาถี่ๆ” ในช่วงต้น ที่อัดข้อมูลมหาศาลให้คนเล่น เพื่อปูโลกทัศน์ของเกมนี้ ทั้งศัพท์การเมือง/หน่วยงาน/รหัสโค้ดเนมสารพัด

ผู้เล่นใหม่อาจรู้สึก”ตามไม่ทัน” (โชคดีที่เกมนี้เค้ารีเมคมาแบบ 1:1 ทำให้เราสามารถเข้าอินเตอร์เนต ค้นหาข้อมูล หรือ Wiki ที่เจาะจงถึงสิ่งที่เราๆท่านๆสงสัยในเกมได้ครับ) แต่รวมๆแล้ว อาจจะต้องแข็ง Eng ระดับหนึ่งเลย เพราะบทสนนาเยอะ ลึก และยาวมาก แถมบทพูดตัวละครเองก็จัดว่าเล่นคำเชิงเปรียบเปรย หรือพูดให้เข้าใจยากๆ ทั้งๆที่เป็นเรื่องง่ายๆในบางตัวละครด้วยนั่นเอง 

เกมเพลย์แบบลอบเร้น ยังคงเป็นหัวใจหลัก และยกระบบ “แซนด์บ็อกซ์ลอบเร้นแบบแบ่งพื้นที่” (เป็นโซนติดกันคั่นด้วยโหลดสั้นๆ) ที่ทุกฉากคือพัซเซิล: เส้นทางการเดินของทหารยาม, ภูมิประเทศ, อุปกรณ์จำกัด และทรัพยากรที่ต้องบริหาร จุดที่รีเมคทำได้ดีคือการเพิ่ม มุมกล้อง New Style (แบบผ่านไหล่ ตามสไตล์เกมยิงยุคปัจจุบัน) และแบบ Legacy Style สำหรับคนรักมุมมองแบบคลาสสิกยุค PS2 ด้วย แน่นอนว่า ด้วยมุมกล้องใหม่ ทำให้การเล่นสนุกขึ้น และสัมผัสได้ถึงแอคชั่นที่เท่ขึ้น 

ส่วนสำคัญของเกมอีกอย่างคือ Camouflage System ที่ให้คุณได้ เลือกชุด/เพนต์หน้าพรางชุด หรือ ปลอมตัวให้เข้าภูมิประเทศเพื่อดันค่ากลมกลืน (Camo%) ให้สูงสุด โดยในเวอร์ชั่นรีเมคนี้ ก็จะมีการเพิ่ม Preset ที่สลับไวด้วย D-pad ทำให้ลดจังหวะการกด“เข้าหน้าเมนูบ่อยๆ” แต่เอาจริงๆ คนที่เล่น PS2 มา ก็น่าจะชินกับการกดปุ่ม Start เพื่อเข้าหน้าจอหยุดเกมแล้วเปลี่ยนข้าวของมากกว่าครับ

ระบบอาการบาดเจ็บ / ความหิว  ยังอยู่ครบ ทำให้ผู้เล่นต้องโฟกัสกับการหาไอเทมจำพวกวัตถุดิบเพื่อการรักษา เช่นผ้าปิดแผล ยาฆ่าเชื้อ เข็มด้าย เศษไม้ทำดามเฝือก บลาๆๆ และยังต้องบริหารค่าความหิว บางซีนออกแรงเยอะ หรือสวมใส่ชุดบางประเภท ทำให้ค่าความหิวหมดเร็วขึ้น ก็ต้องเจียดเวลาไปหาไอเทมของกินตุนไว้ด้วย เต็มคลัไว้ก่อน ดีที่สุดครับ

แต่ AI & สถานะเตือนภัย ยังคงรูปแบบเดิมๆ “เห็น-ได้ยิน-เรียกกำลังเสริม” แต่ถ้าคุณเล่น Normal อาจจะง่ายไปนิดสำหรับระยะการมองเห็นของศัตรู (บางทีอยู่ตรงหน้าพวกยังมองไม่เห็นเลย หรือรู้ตัวช้า ไม่ท้าทายเท่าไหร่) ลองปรับเป็น Hard ขึ้นไปก็ได้ครับ ศัตรูจะตื่นตัว อ่อนไหวกับเสียง หรือสิ่งผิดปกติที่ผู้เล่นก่อขึ้นในฉากได้ดีไม่น้อยเลย

บอสไฟต์ยังเป็น การใช้แนวทางของภาคต้นฉบับ คือวิ่งๆวนๆ หรอยได้หรอยไป

โดยตัวที่คิดว่าน่ารำคาญ ยกให้ The End เช่นเคย คนเล่นเค้ารู้กันว่าคุณปู่สไนเปอร์ นี่หากันยากมาก และในเวอร์ชั่นรีเมค ที่ป่าเขาสมจริงขึ้น ไม่มีดนตรีประกอบใดๆ มีแค่เสียงนก ลม และสรรพสัตว์ในป่า โคตรกดดัน แล้วปู่แกก็ซ่อนโคตรเนียน ฉากนี้เป็นฉากที่เสียเวลา และหัวร้อนไม่น้อยครับ

ส่วนตัวอื่นๆ ถ้าคุณเป็นเกมเมอร์ยุคเก่าๆ จะมีแพทเทิร์นการสู้บอสของเกมในยุคนั้นติดมาในระบบการเรียนรู้ของคนเล่นครับ (55) ว่าต้องงัดอะไรมาสู้ หลบแบบไหน อ่านทางง่ายครับ 

ถึงกระนั้น รอยแผลตามแบบเกมยุคเก่า ก็ยังพอมีให้เห็น ทั้งการเคลื่อนไหวบางจังหวะ “ขาดๆ เกินๆ”, ไม่มีล็อกเป้าทำให้การยิง การใช้งานท่า CQC พลาดได้ง่ายๆ หรือ การใช้ที่กำบังยังขัดใจบ้าง, ความหนาแน่นศัตรู/พัฒนาการสถานการณ์เชิงลึกไม่ได้เพิ่มมิติขึ้นมากนักถ้าเทียบมาตรฐานของ MGSV—ซึ่งทั้งหมดเป็นผลจากการ “รักษาดีเอ็นเอเกมเก่าคงเดิมแทบทั้งระบบ”นั่นเอง

ถ้าคุณต้องการ “ความสดใหม่ระดับพลิกวงการ” หรือระบบ AI/บอสที่ยกเครื่องทั้งหทด …รีเมคนี้ “จงใจ”ไม่ไปไกลถึงจุดนั้นครับ

ในขณะที่กราฟิก คือจุดที่ “รีเมค” สมชื่อที่สุด…ป่ารัสเซียดูหนาแน่น และมีผิวสัมผัสของใบไม้, เปียกชื้น ที่ประทับใจมากๆ เพะราะมันชัดเจนตั้งแต่หน้าไตเติ้ลเข้าเกมเลย , โคลนที่เลอะผ้า, แผลที่เพิ่มขึ้นตามสถานการณ์, เงา/ไฮไลต์บนหน้าและดวงตาที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้ชัดกว่าเดิม คัตซีนระดับพรีเมียม ช่วยยกระดับซีนไคลแมกซ์ให้สมเกียรติความทรงจำวัยเด็กยุค PS2 ของหลายๆคน

โดยในโหมดเน้นเฟรมเรตมี อาการสวิงจาก ~60fps ลงมากระตุกเป็นระยะๆ ในบางโซน แม้หลายช่วงยังนิ่งและเล่นได้เพลิน แต่ความแกว่งถี่พอจะทำให้เสียสมาธิ คนที่ไวต่อเฟรมเรตจะรู้สึกทันที—หากมีแพตช์ปรับปรุงให้เสถียรขึ้น ภาพรวมจะ “ปิดงาน” ได้สวยงามกว่านี้มาก

ส่วนเสียงและดนตรี ยังคง “ใช้ของเดิมเป็นหลัก” เพลงธีม/สกอร์ยังทรงพลัง ทว่าการมิกซ์ระดับเสียงในบางฉากที่ต้องการให้เพลง “บิลด์” ความรู้สึก กลับค่อนข้างเบาไปนิดจนไม่ผลักอารมณ์ได้เต็มขีด ส่วนเสียงบรรยากาศป่า, สรรพสัตว์, สายลม และเสียงเครื่องมือยังคมและมีมิติ งานพากย์และบุคลิกผ่าน Codec ให้ความรู้สึก “ เออ นี่ละ Metal Gear ของแท้” ก็ราวๆนี้แหละ รวมไปถึงตัวเลือกคัลเลอร์ฟิลเตอร์/ฟอนต์ UI คลาสสิก สำหรับคนคิดถึงโทนสี/กลิ่นอาย PS2—รายละเอียดเล็กๆ ที่บอกว่ารีเมคนี้ เปิดช่อง ให้ผู้เล่นปรับแต่งประสบการณ์รสนิยมของตนด้วย อันนี้ดีครับ 

สรุป

เป็นเกมรีเมค ที่อยากให้ค่ายอื่นๆ ที่จะทำเกมรีเมคเหมือนกัน ดูไว้เป็นตัวอย่าง ไม่ต้องบิดดัดจนเละเทะผิดเพี้ยน ขอแค่คงแก่นสารเดิม และประสปการณ์เช่นเดียวกับต้นฉบับ ก็เป็นสิ่งที่น่าเอากลับไปคิดต่อเป็นการบ้าน เพราะ Metal Gear Solid Δ: Snake Eater เป็นเกมที่เข้าข่าย “รีเมคเชิงอนุรักษ์” อย่างที่ว่ามาครับ เชื่อว่า ทีมงาน ตั้งใจ “เก็บจิตวิญญาณของ MGS3 ไว้ครบ แล้วค่อยๆ ขัดเกลาให้เข้ายุค” ทั้ง ภาพสวยขึ้นอย่างมาก, การควบคุมร่วมสมัยขึ้น, เกมเพลย์ลอบเร้นยังสนุก+เปิดช่องครีเอต และ เนื้อเรื่องยังคงพลังเชิงประวัติศาสตร์จำลอง ที่ชวนถกเรื่องความภักดีและราคาของอุดมการณ์ที่ต้องจ่าย…

ทว่าเส้นทางนี้ก็มาพร้อมสิ่งที่ต้องแลก นั่นคือ  “ความไม่สดใหม่”

เพราะเกมนี้ไม่ได้มีความหวือหวา, บอส/AI/เลเวลดีไซน์ไม่ได้ยกเครื่องในเชิงลึก, และ ประสิทธิภาพที่ยังไม่นิ่ง 

ถ้าคุณเป็นแฟนซีรีส์—นี่คือ เวอร์ชันที่ควรเล่นที่สุดในตอนนี้

ถ้าคุณเป็นผู้เล่นใหม่—มันคือคลาสสิกที่ยังคม แต่ต้องยอมรับ “สไตล์ปี 2004” ในหลายมิติ

ข้อแนะนำแบบตรงไปตรงมา — เกมแพง ไม่หวือหวา… รอลดราคาค่อยซื้อก็ได้ครับ

แอดมิน AK47

#MetalGearSolidDelta #SnakeEater
#MetalGearSolid3Remake
#PS5 #XboxSeries #PC