Tron: Ares [สนุกไหม / รีวิว / ตัวอย่าง / หนังใหม่]
08 ตุลาคม 2568 01:00 น.
Share on FacebookTweet about this on TwitterShare on Google+

Tron Ares_Poster_02

Tron 3 ล่าข้ามโลกอนาคต 

แสดงนำโดย :  Jared Leto

อำนวยการสร้างโดย Joachim Rønning

ผลิตโดย : Disney

#disney  #tron  #tron3  #tronares  #jaredleto

Tron

“The Grid. A digital frontier. I tried to picture clusters of information as they moved through the computer. What did they look like? Ships? Motorcycles? Were the circuits like freeways? I kept dreaming of a world I thought I’d never see. And Then..One Day..I Got in”

 

“ The Grid.. พรมแดนดิจิทัล ผมพยายามนึกภาพกลุ่มข้อมูลในขณะที่มันเคลื่อนผ่านคอมพิวเตอร์ ว่ามันมีลักษณะอย่างไร เรือ? มอเตอร์ไซค์? แผงวงจรเหมือนทางด่วนหรือเปล่า? ฉันฝันถึงโลกที่คิดว่าจะไม่มีวันได้เห็นอยู่ตลอดเวลา แต่แล้ววันนึง…ผมก็ได้เข้าไปในนั้น”

-เควิน ฟลินน์ 

สิ้นสุดการรอคอย สำหรับภาพยนตร์ไซไฟโลกคอมพิวเตอร์สุดล้ำอย่าง TRON ที่เพิ่งออกภาค 2 เมื่อ 15 ปีที่แล้ว และภาคแรก ที่ออกฉายในยุค 80 (สมัย เจฟฟ์ บริเจตต์ ยังหนุ่มๆโน่นเลย) แม้ว่าตัวหนังจะไม่ได้มีพล๊อตเรื่องที่หวือหวาชวนขบคิด แต่หนังโดดเด่นด้วยงานดีไซน์ งานโปรดัคชั่น การออกแบบฉาก รวมไปถึง OST ทุกเพลงที่ถูกสร้างสรรค์ให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวกับโลกไซเบอร์ที่ลึกลับ น่าค้นหาราวกับแดนพิศวงอีกมิติหนึ่งที่มีเรื่องราวเบื้องลึกซ่อนอยู่…ก็สามารถทำรายได้ทั่วโลกสูงถึง 400 ล้านเหรียญ และ หลังจากรอคอยกันมาอย่างยาวนานกว่า 15 ปี นับตั้งแต่ Tron: Legacy ในปี 2010 แฟรนไชส์ไซไฟสุดคลาสสิกจากดิสนีย์กำลังจะกลับมาอีกครั้งใน Tron: Ares ซึ่งมีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 9 ตุลาคม 2025 โดยจะเป็นภาคที่สามของซีรีส์ และเป็นภาคต่อแบบ standalone ที่เชื่อมโยงโลกดิจิทัลกับโลกจริงอย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้น

 

 

Tron: Ares จุดเริ่มต้นการเผชิญหน้าระหว่างมนุษย์ และ โลกไซเบอร์

tron-3-ares-movie (2)

“Tron: Ares ทรอน แอรีส” คือภาพยนตร์แอ็กชันไซไฟผจญภัยเรื่องล่าสุดในแฟรนไชส์ “TRON” จาก Walt Disney Studios ที่เคยสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมมาแล้วทั่วโลกจาก “TRON” (1982) และ “TRON: Legacy” (2010) โดยภาพยนตร์เรื่องนี้จะขยายเรื่องราวจากภาคก่อน ๆ พร้อมกับพาทุกคนไปค้นหาความหมายของการเป็นมนุษย์

 

เมื่อโลกดิจิทัลและโลกจริงมาบรรจบกัน จากการที่นักรบเอไออย่าง Ares (Jared Leto) ถูกส่งมาปฏิบัติภารกิจสุดอันตรายในโลกจริง แต่จิตสำนึกและมโนธรรมของเขาเกิดพัฒนาขึ้น จากการได้พบกับโปรแกรมเมอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอย่าง Eve Kim (Greta Lee) ทำให้อยากดำรงอยู่บนโลกใบนี้และเริ่มต่อต้านคำสั่ง จนถูกตามล่าอย่างไม่ลดละ และเกิดเป็นสงครามระหว่างมนุษย์และเอไอสุดอัจฉริยะ

 tron-3-ares-movie (4)

ถือเป็นทิศทางใหม่ของเรื่องราว หลังจากที่ TRON มักจะเล่าเรื่อง คนโดนดูดไปผจญภัยในโลกไซเบอร์ แต่กลายเป็นมนุษย์ถูกโปรแกรมคอมพิเตอร์บุกโลกแทน นอกจากนี้ โทนสีของเรื่องราวในภาคนี้ จะต่างจากสองภาคแรกที่ใช้โทนแสงสีฟ้า ตัดเงามืดสีดำ ที่สื่อถึงโลกดิจิตอลอันห่างไกล มาเป็น โทนสีแดง ที่แสดงถึง “การรุกราน และไม่เป็นมิตร”

นำแสดงโดย จาเรต เลโต ในบท Ares พร้อมด้วย การกลับมาของ เจฟฟ์ บริเจตต์ ในบท เควิน ฟลิน พระเอกจากภาคแรก และพ่อของพระเอกในภาค 2 ที่ตัวภาพยนตร์จะต้องตอบคำถามให้ได้ว่า เขากลับมาได้ยังไง เพราะในภาค2 เขาได้สลายไปแล้ว

 

 

 

REVIEW

tron-3-ares-movie REview  (1)

เนื้อเรื่องของ TRON: ARES เดินไปในทิศทางใหม่ที่น่าสนใจ โดยพลิกจากพล็อตดั้งเดิมที่มนุษย์หลุดเข้าไปใน The Grid มาเป็นการที่โปรแกรมคอมพิวเตอร์บุกมายังโลกของเราแทน แม้ว่าโครงเรื่องหลักจะเป็นเส้นตรง ไม่มีอะไรซับซ้อนให้ต้องตีความมากนัก สามารถดูได้เรื่อยๆ เพลินๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมอบความสนุกที่เข้มข้นและเข้าถึงง่ายกว่าสองภาคก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด  ทำให้เนื้อเรื่องภาคนี้ คือ ดูดีสุดเท่าที่ทำมาแล้ว

 

ซึ่งเราต้องยอมรับความจริงกันก่อนว่า 2 ภาคที่ทำออกมา เนื้อเรื่องอยู่ในระดับดูเพลินๆเท่านั้น ไม่ได้สนุกอะไรมาก แต่งานภาพ ดีไซน์ ความล้ำ คือจุดแข็งที่ “ดิสนีย์อัดแน่นในหนังแฟรนไชส์นี้ ตามยุคสมัย และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี”  พร้อมกับนำเสนอมุมมองของความเป็น มนุษย์ ได้ลึกซึ้งกว่าภาคก่อนๆ เป็นการตั้งคำถามกับความหมายของ “ชีวิต” จาก “สิ่งที่ไม่เคยมีชีวิตเป็นของตัวเอง” ประเด็นนี้ ขยี้ได้น่าสนใจมากๆครับ

 

ในส่วนของการแสดง Jared Leto อาจดูแข็งทื่อในบทบาทนี้ แต่กลับกลายเป็นความแข็งที่เข้ากับคาแรคเตอร์ของ AI ซึ่งถูกสร้างโดยมนุษย์ได้อย่างลงตัว และยิ่งภาคนี้เล่นกับเรื่องราวการเอาโปรแกรม มาทำให้เกิดเป็นตัวตน ภายใต้ระยะเวลาจำกัด และเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ถูกใส่เอาไว้อย่างแนบเนียนร่วมสมัยอย่างน่าสนใจ

tron-3-ares-movie (1)

จุดแข็งสำคัญที่ทำให้ TRON: ARES โดดเด่นคืองานอาร์ตดีไซน์ที่ยังคงเอกลักษณ์ความ“เท่”แบบนีออนไซเบอร์ไว้อย่างครบถ้วน การเล่นกับแสง สี และเงาถูกนำมาใช้อย่างจัดเต็ม อีกทั้งยังมี ไลต์ไซเคิล (Light Cycles) มอเตอร์ไซค์แสงตัวแทนแห่งความล้ำ ภาพจำของ Tron ที่มาพร้อมความเร็ว แรง และแถบแสง Light Trail ที่ถูกยกระดับภาพจำให้มีอันตราย และเห็นภาพชัดกว่าที่เคย รวมถึงการกลับมาของชุดไลต์สูท (Light Suits)  และไลต์ดิสก์ (Light Disks) ซึ่งเป็นทั้งฐานข้อมูลส่วนบุคคลและเป็นอาวุธของเหล่าตัวละคร ก็ถูกอัพเกรดให้สวยงามขึ้นตามยุคสมัย

 

การวางองค์ประกอบฉากต่างๆ ทำได้อย่างอลังการ โดยเฉพาะฉากไล่ล่าที่เคยเกิดขึ้นในเมืองจำลอง The Grid ของภาคก่อนๆ ครั้งนี้ได้ถูกย้ายมาสู่โลกแห่งความจริงที่ผสานเข้ากับแสงสีจากโลกดิจิทัล ทำให้เกิดเป็นภาพที่แปลกตาและน่าตื่นตาตื่นใจไปอีกแบบ อย่างไรก็ตาม ตัวหนังก็ยังมีจุดที่ชวนให้ผู้ชมต้อง “เอ๊ะ” อยู่บ้าง กับฉากที่ดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่มักจะเป็นสไตล์ “ขี่ช้างจับตั๊กแตน” ที่ลงทุนลงแรงเล่นใหญ่ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับดูเล็กน้อยไปหน่อย

 

ภาคนี้ให้น้ำหนักกับการต่อสู้และการไล่ล่าเป็นหลัก แตกต่างจากสองภาคแรกที่เน้นการผจญภัยสำรวจโลกไซเบอร์อันน่าพิศวง จนบางทีก็แอบคิดถึงหนัง “คนเหล็ก” มากกว่า TRON ด้วยซ้ำ

 tron-3-ares-movie (9)

และการเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลโดยตรงต่องานดนตรีประกอบ ซึ่งแม้จะยังคงเป็นแนวอิเล็กทรอนิกส์เหมือนภาค TRON: Legacy แต่กลับมีความหนักแน่นและดุดันมากกว่าอย่างชัดเจน 

 

หากภาคที่แล้วดนตรีจะเน้นความสมูธ ชวนให้ดำดิ่งน่าค้นหา ด้วยฝีมือของวง Daft Punk ที่ทำเอาไว้ดีมากๆ

 

ภาคนี้กลับมอบความรู้สึกที่รุนแรง เข้มข้น และหนักหู เพื่อขับเน้นบรรยากาศของสงครามที่ดุดัน จาก Nine Inch Nails อินดัสเทรียลร็อกชื่อดังโดย Trent Reznor และ Atticus Ross 

 

tron-3-ares-movie REview  (7)

สำหรับแฟนๆ เดนตายของภาคแรกสุด จะต้องหายคิดถึงกับซีเควนซ์มากมายที่อ้างอิงถึงต้นฉบับ จนแทบจะเป็นภาคต่อของภาคแรกปี1982  แต่ก็ไม่ลืมที่จะใส่ไอเดียสดใหม่เข้ามา (แล้วข้ามภาค 2 ไปก็ยังได้55+)

 

โดยเฉพาะบทสนทนากวนๆ แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นของตัวละคร เควิน ฟลิน (Jeff Bridges) ซึ่งถูกนำเสนอในมุมที่ “ต่างจากเดิมเล็กน้อย” สร้างรอยยิ้มและความประทับใจให้กับผู้ชมที่ติดตามแฟรนไชส์นี้มาอย่างยาวนาน

 

โดยรวมแล้วแอดมินชอบมากครับ…TRON: ARES ก็ถือเป็นภาพยนตร์ที่โดนใจแฟนๆ TRON ยุค 80s อย่างมาก เหมือนได้กลับมาเจอเพื่อนเก่าในรอบหลายสิบปี

 

แต่สำหรับแฟนๆ รุ่นใหม่อาจจะต้องย้อนกลับไปดูภาคก่อนหน้าเพื่อทำความเข้าใจ Setting ของเรื่องราวเพิ่มเติม แม้ว่าในภาคนี้จะมีการเกริ่นนำเพื่อปูพื้นมาให้พอสมควรแล้วก็ตาม

 

 

 

ภาพบรรยากาศงาน Tron: Ares Light Installation กาล่าพรีเมียร์รอบแรกของไทย

tron-3-ares-movie REview  (3)tron-3-ares-movie REview  (4)

 

พร้อมการแสดงเพลงสุดเดือดจาก DJ EDM มือฉมัง 

92ea7988-5829-485e-9114-b45dff7f93a6 52fadd5d-088e-439c-b52c-9fefed881e91

tron-3-ares-movie REview  (2)
โดยผู้ที่รับชม Tron: Ares ทุกท่าน หากมีหางตั๋วในเครือเมเจอร์ ตั้งแต่วันที่ 10-13 ตุลาคมนี้ จะสามารถนำตั๋วมาแลกเครื่องดื่มชุดพิเศษ

558880912_24604886989173356_6430876901696632721_n

 

และถ่ายรูปเช็กอินได้กับแสงไฟ และเลเซอร์สีแดงสด สะท้อนถึงภาพของ The Grid ของภาคนี้ ที่ดูร้อนแรง รุกราน อันตราย

 

 

 

 

 

 

Tron Ares_Poster

Tron: Ares มีกำหนดเข้าฉายในระบบ IMAX 3D วันที่ 10 ตุลาคม 2025 

และเพื่อชวนแฟน ๆ ชาวไทยให้เตรียมตัวไปพบกับความมันของสงครามสุดล้ำระหว่างมนุษย์กับเอไออัจฉริยะ ล่าสุด “Tron: Ares ทรอน แอรีส” บุกมาเยือนถึงกรุงเทพฯ ควบไลต์ไซเคิลไปปักหมุดแลนด์มาร์กใจกลางเมือง เปลี่ยนสนามหลวง เสาชิงช้า และมิวเซียมสยาม ให้เป็นกริดแห่งโลกดิจิทัลด้วยแสงสีแดงสุดตระการตา ผ่านโปสเตอร์พิเศษโดย Smashhh Studio ก่อนเข้าฉายจริงในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ วันพฤหัสบดีที่ ตุลาคมนี้

 

พิเศษยิ่งกว่า กับการมอบประสบการณ์ทะลุกริดแบบเต็มตา เต็มอารมณ์ ด้วยการถ่ายทำเพื่อระบบ IMAX โดยเฉพาะ

 

เพื่อให้แฟน ๆ ได้สัมผัสทั้งความตื่นเต้น ความระทึก และความอลังการอย่างเต็มอิ่ม กับงานแสงสีเสียงและภาพ

ที่จะทำให้ แรง เดือด ยิ่งกว่าเคยบนระบบ IMAX

 เตรียมไปมันกับประสบการณ์ไซไฟสุดล้ำใน “Tron: Ares ทรอน แอรีส” 9 ตุลาคมนี้

ในโรงภาพยนตร์และระบบ IMAX ทั่วประเทศ ซื้อตั๋วล่วงหน้าได้แล้ววันนี้ที่

 

Major: https://majorcineplex.app.link/fxdCEjqdzWb 

SF: https://sfcinema.co/TronAres

 

 

แอดมิน AK47