40 เรื่องราวบนสังเวียนที่ไม่เคยรู้มาก่อนในศึก Wrestlemania ต้อนรับเกม WWE 2K24

หลังจากที่รอคอยมานานในที่สุด เกมมวยปล้ำสุดฮิตจากค่ายมวยปล้ำชื่อดัง WWE อย่าง WWE 2K24 ได้ออกวางจำหน่ายเรียบร้อย ซึ่งจุดขายภาคนี้มีสองอย่าง นั่นคือปกเกมที่ได้ขวัญใจแห่งยุคในเวลานี้อย่าง Cody Rhodes ที่กลับมาสู่สมาคมในรอบหลายปีกับภารกิจครั้งใหญ่ เพื่อจบเรื่องราวหรือ Finish Story กับการคว้าแชมป์โลกจาก ‘หัวหน้าเผ่า’ Roman Reigns s ในศึกใหญ่ของสมาคมอย่าง Wrestlemania ครั้งที่ 40 ที่จะจัดขึ้นที่ฟิลาเดเฟีย ต้องบอกว่าคู่นี้กระแสแรงไม่แผ่วแล้วเป็นที่น่าสนใจของแฟนๆมวยปล้ำในตอนนี้ แล้วอีกจุดขายที่น่าสนใจของภาคนี้คือการพาผู้เล่นไปสัมผัสประสบการณ์และชื่นชมกับประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของศึกใหญ่ Wrestlemania ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผ่านแมตช์น่าจดจำรวมถึงเรื่องราวน่าสนใจให้ผู้เล่นได้เล่นและรำลึกความหลังกันแบบจุใจ

 

ในเมื่อเราพูดถึงศึกใหญ่อมตะของ WWE เพื่อต้อนรับศึก Wrestlemania ครั้งที่ 40 ในวันที่ 7 เมษายน 2024 ที่กำลังจะมาถึง วันนี้แอดจะขอพาทุกท่านเดินทางผ่านเรื่องราวน่าสนใจของ ศึกมวยปล้ำระกับตำนานที่ยังคงยิ่งใหญ่จนทุกวันนี้

 

งั้นเราจะพาไปดู 40 เรื่องราวน่าสนใจของศึกใหญ่ที่ชื่อ Wrestlemania กันครับ

 

 

 

1.) Rock ‘n’ Wrestling

ทุกอย่างมีจุดเริ่มต้น Wrestlemania ศึกมวยปล้ำศึกใหญ่ระดับโลกของสมาคม WWE- World Wrestling Entertainment ที่จะเข้าสู่ปีที่ที่40 เป็นศึกมวยปล้ำระดับโลกที่เป็นเหมือนความฝันของนักมวยปล้ำหรือแฟนมวยปล้ำที่ปรารถนาจะต้องมาเยือนให้ได้ซักครั้ง นิยามของศึก WM คือ ความยิ่งใหญ่…มหากาพย์ และ น่าจดจำ

ย้อนกลับไปในช่วงยุค 80’s ในยุคที่วงการมวยปล้ำสมัยนั้น ต่างแบ่งเขตดูแลของใครของมัน หรือการจัดหรือฉายมวยปล้ำก็ต้องเป็นเขตของตัวเองจะข้ามเขตไม่ได้ แต่ WWE ที่มองวิสัยทัศน์ว่า มวยปล้ำมันน่าจะเป็นกีฬาในระดับชาติและไม่จำกัดแฟนมวยปล้ำพวกเขาจึงเริ่มหาทางขยายตลาดในวงกว้าง ด้วยการร่วมงานกับช่องดนตรีดังอย่าง MTV จนเกิดยุคที่เรียกว่า Rock ‘n’ Wrestling หรือมวยปล้ำที่ผสมวัฒนธรรมเพลงร็อคที่กำลังฮิตในช่วงเวลานั้น

 

รวมถึงการร่วมงานกับนักร้องชื่อดังอย่าง Cyndi Lauper ที่มาร่วมงานกับสมาคมหลายต่อหลายครั้ง มีเรื่องราว(ตามท้องเรื่อง) ก่อนที่จะได้นักแสดงซีรีส์จากเรื่อง A-Team ชื่อว่า Mr.T มาร่วมทีมกับ Hulk Hogan พระเอกของสมาคมในยุคนั้น

 

เมื่อ WWE วางเกมและมีวัตถุดิบครบแล้ว พวกเขาจึงตัเสินใจจะจัดศึกมวยปล้ำที่ยิ่งใหญ่และ มันจะไม่ใช่แค่รายการมวยปล้ำ แต่จะมีความบันเทิงครบรสชาติ อาจเรียกว่า มันคือศึกมวยปล้ำที่เป็น Sport Entertainment ขนานแท้ (กีฬาผสานกับความบันเทิง) แล้วตั้งเป้าว่ามันจะเป็นศึกมวยปล้ำที่เปรียบดั่งรายการระดับโลก เฉกเช่น ซูเปอร์โบวล์ หรือ ฟุตบอลโลก ให้ได้

 

 

2.) ที่มาของชื่อ Wrestlemania

เมื่อสมาคม WWE ตัดสินใจเดิมพันครั้งใหญ่ของสมาคม กับการลงทุนจัดศึกมวยปล้ำนัดใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์เพื่อหวังยกระดับวงการมวยปล้ำที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันนี่คือการเดิมพันแบบหมดหน้าตักของสมาคมเพราะถ้าการจัดไม่ประสบความสำเร็จชื่อของพวกเขาก็อาจถูกลบไปจากประวัติศาสตร์เพียงข้ามคืนเลยทีเดียว ศึกครั้งนี้ได้ประกบคู่มวยปล้ำโดยจุดขายคือคู่เอกเป็นแมตช์แท็คทีมระหว่าง Hulk Hogan กับ Mr.T เจอกับ Rowdy Roddy Piper และ Paul Ordoff

เมื่อทุกอย่างลงตัวเหลืออยู่อย่างเดียวนั่นคือ ‘ชื่อศึก’ ที่จะเป็นสัญลักษณ์อยู่คู่กับสมาคมในอนาคต

 

ทำให้ทีมงานระดมสมองอย่างหนัก ตนครั้งหนึ่งศึก WM เกือบจะได้ชื่อศึกว่า “The Colossal Tussle” หลายคนที่ได้ยินคงฟังพลิลึกและไม่เข้ากับศึกใหญ่ที่จะจัด ก่อนที่ Howard Finkel โฆษกบนเวที ได้เสนอชื่อศึกว่า Wrestlemania โดยได้แรงบันดาลใจมาจากคำว่า ‘Beatlemania’ หรือปรากฏการณ์ของวงสี่เต่าทอง The Beetle ที่กำลังฮิตสนั่นในเวลานั้น แล้วการใช้ชื่อว่า Wrestlemania ก็จะสอดคล้องว่าศึกครั้งนี้จะสร้างปรากฏการณ์ให้กับมวยปล้ำยิ่งใหญ่แน่นอน

 

 

3.) ค่ำคืนแห่งความยิ่งใหญ่…ก้าวแรกของ Wrestlemania

31 มีนาคม ปี 1985
นี่คือวันที่ประวัติศาสตร์วงการมวยปล้ำตจะต้องจารึก

ผู้ชม 19,121 คนหนาแน่นเต็มสนาม Madison Square Garden ในมหานครนิวยอร์ค นี่คือค่ำคืนแรกของปฐมบทตำนานศึก Wrestlemania (WM) ที่จะยิ่งใหญ่ในอนาคต นอกจากผู้ชมในสนามแล้ว ผ็ชมส่วนหนึ่งก็ได้ชมผ่านจอโรงหนังด้วย ค่ำคืนนั้นเป็นค่ำคืนหางความบันเทิงอย่างแท้จริง พร้อมด้วยคู่มวยปล้ำจุใจเรียกเสียงเชียร์จากผู้ชม

อีกสีสันที่ไม่พูดถึงคือเหล่าบรรดาคนดังที่ตบเท้าเข้าร่วมศึกครั้งนี้มากมาย ซึ่งแต่ละคนต่างล้วนเป็นคนดังฮอตฮิตในสมัยนั้น เริ่มจาก Cindi Lauper ที่มาอยู่ที่มุมให้กำลังใจ Wendi Richter ในการเจอกับ LeilanI Kai ในการปล้ำชิงแชมป์หญิง แล้วยังมีนักดนตรีค่าตัวแพงในสมัยนั้นอย่างดีกรีรางวัล Emmy Awards อย่าง Liberace มาเป็นกรรมการจับเวลา แล้วยังมีผู้จัดการทีมเบลบอลแห่ง Ney York Yankees อย่าง Billy Martin มาเป็นโฆษกของคู่เอกระหว่าง Hulk Hogan กับ Mr.T เจอกับ Rowdy Roddy Piper และ Paul Ordoff โดยมีกรรมกาพิเศษคือราชันย์มวยโลกผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลอย่าง Muhammad Ali นั่นเอง

 

Wrestlemania ครั้งแรกถือว่าประสบความสำเร็จ และยังเป็นหมุดหมายสำคัญของศึกใหญ่ระดับโลกรวมถึงจุดเปลี่ยนของวงการการมวยปล้ำที่จะเปลี่ยนไปตลอดกาล

 

 

4.) ครั้งแรกและครั้งเดียวที่จัดถึงสามสถานที่

จากความสำเร็จของครั้งแรกทั้งรายได้และคำชม จนทำให้หลายๆเมืองในสหรัฐต่างอยากให้สมาคมไปจัดศึกระดับโลกที่นอกจากจะได้ชื่อเสียงแล้วมันยังต่อยอดนำรายได้และการท่องเที่ยวมาสู่เมืองนั้นๆ คราวนี้ใน WM ครั้งที่ 2 จึงขอลองความแปลกใหม่กับการจัดศึกพร้อมการถึงสามสถานที่นั่นคือ นิวยอร์ค, ชิคาโก้ และ ลอส แองเจลลิส ซึ่งเป็นโจทย์หินเพราะต้องถ่ายทอดพร้อมกันถึงสามที่ คือ เมืองไหนจบก็ต้องรอดถ่ายทอดสดจากอีกเมืองถึงได้ชม

 

คู่เด่นของครั้งนี้มีทั้ง Hulk Hogan สู้กับ King Kong Bundy โดยมีเข็มขัดแชมป์โลกเป็นเดิมพันในกติกากรงเหล็ก ที่ ลอส แองเจลลิส, ศึกตะลุมบอนระหว่างทีมรวมดาวนักมวยปล้ำปะทะทีมรวมดาวนักอเมริกันฟุตบอลลีก NFL ที่ชิคาโก้ และที่นิวยอร์กกับการเจอกันระหว่าง Rowdy Roddy Pipper เจอกับ Mr.T ในกติกาต่อยมวยสากล

 

 

5.) ครั้งแรกที่ผู้ชมสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ศึก Wrestlemania ครั้งที่3 ไปจัดที่ Pontiac Silverdome ที่รัฐมิชิแกน นับเป็นอีกศึกที่น่าจดจำและเข้าขั้นคลาสสิคที่ถูกกล่าวขานทุกวันนี้ และหนึ่งในตำนานที่น่าจดจำของศึกครั้งนี้ คือสถิติผู้เข้าชมในสนาม มีคนตีตั๋วเข้าชมถึง 93,173 คน นับเป็นสถิติครั้งแรกในศึกนี้ที่ถูกบันทึกและอยู่ยงคงกระพันจนถึงครั้งที่ 32 ถูกทำลาย ด้วยสถิติ 101,763 คน (ภายหลังได้มีการเปิดเผยว่าจำนวนผู้ชมที่แท้จริงในวันนั้น 97,769 คน แต่อย่างน้อยสถิติก็ถูกทำลายลง แล้วยังคงสถิติจนทุกวันนี้)

 

 

 

6.) ทัวร์นาเมนต์หาแชมป์โลก

ใน Wrestlemania ครั้งที่4 ความน่าสนใจคือทัวร์นาเม้นต์หาแชมป์โลกที่ว่าง โดยสืบเนื่องจาก Andre The Giant คู่ปรับ Hulk Hogan ได้เจอกันอีกครั้งในศึก Main Event แต่จบลงที่ชัยชนะของยักษ์ใหญ่แดนน้ำหอม แล้วมอบแชมป์ให้กับ Ted DiBiase ทำให้สมาคมไม่รับรองผลชัยชนะ

 

ก่อนจะใช้ศึก Wrestlemania เป็นสังเวียนตัดสินใจหาแชมป์โลกที่ว่างโดยเทียบเชิญนักมวยปล้ำชั้นแนวหน้าเข้าร่วมศึกครั้งนี้ ท้ายที่สุดผู้ชนะในครั้งนี้คือ Randy Savage ก่อนที่ Hogan จะร่วมฉลองชัยชนะ โดยที่ไม่คาดคิดว่าทั้งคู่จะได้เจอกันในปีต่อไปและเป็นคู่เอกบนสังเวียนแห่งนี้

 

 

7.) เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด

Wrestlemania ครั้งที่ 5 จุดขายครั้งนี้คือการกลับไปจัดที่ เมือง Atlantic City รัฐ New Jersey ที่สังเวียน Trump Plaza ของ Donald Trump อภิมหาเศรษฐีในเวลานั้น คู่เอกคือศึกที่แฟนมวยต่างรอชมนั่นคือ การเจอกันระหว่างอดีตเพื่อรัก Randy Savage พบกับ Hulk Hogan เดิมพันแชมป์โลก ศึกครั้งนี้ไม่มีมิตรแท้บนสังเวียน เป็นแมตช์สุดคลาสสิคตลอดกาลจนทุกวันนี้

 

 

 

8.) WM ครั้งแรกในต่างประเทศ

Wrestlemania ครั้งที่ 6 เป็นครั้งแรกที่ไปจัดในต่างแดน แต่ยังคงในทวีปปอเมริกา นั่นคือประเทศแคนาดา โดยคู่เอกยังคงเป็นศึกที่แฟนมวยปล้ำรอชมอีกเช่นเคย Hulk Hogan เจอกับ The Ultimate Warrior เป็นการชิงแชมป์สองเส้น แล้วเป็นกาพิสูจน์ว่าใครจะเป็นเบอร์หนึ่งของสมาคม ซึ่งท้ายสุดชัยชนะตกเป็นของนักรบทมิฬรวมแชมป์สองเส้นได้สำเร็จ

 

 

 

9.) ถูกขู่ฆ่าเพราะบทบาทของตนเอง จนต้องเปลี่ยนสนามจัดแข่งขัน

Wrestlemania ครั้งที่ 7 ถูกวางจะจัดศึกให้ยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้ง โดยไปจัดศึกที่ LA Coliseum ในลอส แองเจลลิส และคู่เอกทางสมาคมให้ Sgt. Slaughter เจอกับ Hulk Hogan เดิมพันแชมป์โลก แต่ด้วยความที่ทั้งสองเป็นนักมวยปล้ำขวัญใจชาวอเมริกันที่ได้รับความนิยมมากๆ แต่ทว่าการให้สองฮีโร่อเมริกันมาเจอกันมันก็แปลกๆ ทำให้คุณจ่าจีไอโจอย่าง Slaughter ต้องพลิกบทเป็นอธรรมในฐานะทหารผู้แปรพักตร์ไปอยู่ฝั่งอิรัก แล้วนั่นคือปัญหาใหญ่ที่เกือบทำให้ศึกใหญ่ครั้งนี้ต้องจบลง

 

สาเหตุก็คือบทบาทของจ่า Slaughter นั้นเป็นบทที่แรงในสมัยนั้น บวกกับช่วงเวลานั้นสงครามอ่าวเปอร์เซียกำลังร้อนระอุ ทำให้เขาและทางสมาคมได้รับจดหมายขู่ฆ่า ทำให้สมาคมจึงแก้ปัญหาเพราะว่าถ้าหากจัดที่สนาม LA Coliseum หากเกิดเหตุอันตรายจะไม่คุ้ม แถมระบบรักษาความปลอดภัยยังไม่พัฒนาไกลเหมือนวันนี้

 

ทางออกในตอนนั้นจึงตัดสินใจย้ายสนามไปจัดที่ Sports Arena ที่แม้วนามจะเล็กแต่ก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้หากเกิดเหอันตราย แต่ท้ายสุดก็ไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แล้วการปล้ำในศึกครั้งที่ 7 ก็ราบรื่น แถม Hulk Hogan ก็คว้าแชมป์โ,กมาได้อีกครั้ง ทำให้เขากลายเป็นขาประจำของศึกนี้ไปโดยปริยาย นอกจากนี้ยังเป็นวันที่ The Undertaker เริ่มสร้างสถิติไร้พ่ายด้วยการเอาชนะ Jimmy Snuka เป็นคนแรก

 

 

10.) RIC Flair VS Hulk Hogan!?

สุดยอดนักมวยปล้ำผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลอย่าง Ric Flair ได้ก้าวสู่สมาคม WWE ก่อนที่เขาจะสามารถคว้าแชมป์โลกในศึก Royal Rumble ปี 1992 ทำให้แฟนมวยปล้ำต่างอยากเห็นในแมตช์ในฝันที่สองยอดฝีมือจะมาเจอกัน แล้วต้องเป็น Wrestlemania เท่านั้น แต่น่าเสียดายที่เราไม่ได้เห็นทั้งคู่ประมือในศึกใหญ่ตำนานครั้งนี้

สาเหตุคือทางสมาคมได้มีการลองจัดคู่นี้เจอกันหลายครั้ง ไม่ว่าในรายการประจำสัปดาห์หรือเดินสายทัวร์ ซึ่งผลตอบรับคือไม่ว้าว แต่ก็ไม่ฮิตจนแฟนๆอยากจะดูขนาดนั้น ทำให้ทางสมาคมจึงเปลี่ยนแผนในนาทีสุดท้ายก่อนศึกจะเริ่ม โดยให้เป็นคู่เอกถึงสองคู่ในคืนเดียว โดยให้ Ric Flair เจอกับ Randy Savage ชิงแชมป์โลก ขณะที่ Hulk Hogan เจอกับ Sid Justice ดาวรุ่งพุ่งแรงในตอนนั้น

 

 

11.) Viva Las Vegas

.ในศึก Wrestlemania ครั้งที่ 9 นี่คือครั้งแรกที่ไปจัดในสนามกลางแจ้งที่ Caesars Palace ใน Las Vegas สวรรค์ของนักพนันและนักท่องเที่ยว โดยจัดเป็นธีมสไตล์โรมัน คู่เอกในวันนั้นคือดาวดวงใหม่ที่สมาคมกำลังผลักดันนั่นคือ Bret Hart เจอกับ Yokozuna ก่อนที่อีกฝ่ายจะใช้กลโกงคว้าแชมป์ แต่เรื่องไม่จบแค่นั้น เมื่อ Hulk Hogan ขอท้าชิงแชมป์ต่อแล้วเอาชนะคว้าแชมป์ไปครอง และยังเป็นเป็นการปรากฏตัวครั้งสุดท้ายของเขา ก่อนที่จะย้ายไปสมาคมคู่แข่ง WCW-World Championship Wrestling ในเวลาต่อมา

 

 

12.) 10 ปีผ่านไป ได้กลับบ้านอีกครั้ง

.ในช่วงปี 90 เป็นต้นมาวงการมวยปล้ำเริ่มดุเด็ดเผ็ดร้อนจากสองสมาคมอย่าง WWE และ WCW โดยเฉพาะสมาคม WWE จึงต้องหาความแปลกใหม่ บวกกับศึก Wrestlemania ก็ครบรอบ10ปี จึงนำศึกนี้มาจัดที่บ้านเกิดอีกครั้งใน สนาม Madison Square Garden มหานครนิวยอร์ก เมื่อปี 1994 และเป็นการเริ่มยุคใหม่หรือ New Generations ในวันที่เหล่าดาวดังในยุคทองตบเท้าย้ายไปสมาคมคู่แข่ง แต่พวกเขาก็พร้อมจะมอบความสุขและความสุนกเพื่อเป็นเบอร์หนึ่งของวงการให้ได้

 

คู่เอก Yokozuna แชมป์โลก ต้องป้องแชมป์กับผู้ท้าชิงสองคน นั่นคือ Lex Luger และ Bret Hart หลังจากถูกตัดสินให้เป็นผู้ชนะร่วมในศึก Royal Rumble 94 แถม Bret ยังต้องเจอกับน้องชายจอมอิจฉาอย่าง Owen Hart ท้ายสุดเป็น Bret ที่คว้าแชมป์โลก มาครองได้สำเร็จ

 

และแมตช์น่าจดจำจนเป็นความทรงจำของใครหลายๆคน นั้น คือศึกพิสูจน์แชมป์ Intercontinental ระหว่าง Shawn Michaels พบกับ Razor Ramon นี่คือแมตช์ที่สนุกเร้าใจ และต้องหามาดูให้ได้ซักครั้ง ในชีวิต แล้วแมตช์ไต่บันไดครั้งนี้กลายเป็นต้นแบบให้กับแมตช์ไต่บันไดสุดยอดอีกหลายปีต่อมา

 

13.) ศึกมวยปล้ำปะทะคนชนคน อีกครั้ง

ในศึก WM ครั้งที่2 เราเคยได้เห็นทีมมวยปล้ำปะทะทีมนักอเมริกันฟุตบอลมาแล้ว ครั้งที่ 11 รอบนี้เราได้เห็นศึกนี้อีกครั้ง เมื่อคู่เอกเป็นการเจอกันระหว่าง Bam Bam Bigelow เจอกับตำนานคนชนคนอย่าง Lawrence Taylor ซึ่งตอนแรกสมาคมเสี่ยงเพราะว่ามันต่างจากครั้งแรก ตอนที่ Mr.T ปล้ำคู่กับ Hulk Hogan แต่ครั้งนี้เป็นแมตช์ตัวต่อตัว ปรากฏว่า L.T. กลับทำผลงานได้ดีและประทับใจทีมงาน แม้จะไม่ใช่นักมวยปล้ำอาชีพ แต่เขาก็ส็ได้สนุกก่อนจะเอาชนะไปในที่สุด

 

 

 

14.) Boyhood Dream Come True!

.ศึกครั้งที่ 12 มีแมตช์น่าสนใจและน่าจดจำมา ตั้งแต่การสร้างสถิติของ The Undertaker ยังคงสร้างสถิติไร้พ่ายด้วยการเอาชนะ Diesel ตามด้วยแมตช์โหดมันส์ฮาระหว่าง Rowdy Roddy Pipper กับ Goldust ชนิดว่าต้องไล่ล่าตลอดทางก่อนจะมาบู๊ในสังเวียนต่อ ตามด้วยการกลับมาของ The Ultimate Warrior เอาชนะ Hunter Hearst Hemsley หรือ Triple-H

 

คู่เอกคือศึกระหว่างสองยอดฝีมือของยุค New Generations ระหว่าง Bret Hart เจ้าของแชมป์โลก กับ Shawn Michaels ในกติกาการปล้ำคนเหล็ก 60 นาที คือใครทำสกอร์ได้มากสุดจะเป็นผู้ชนะ แต่เมื่อแมตช์จบลงเสมอจึงมีการต่อเวลา แล้วเป็น HBK – Heart Break Kid คว้าชัยไปพร้อมกับการเป็นแชมป์โลกสมัยแรกได้สำเร็จ

 

 

15.) ดิบ เถื่อน มันส์ ในครั้งที่13

เมื่อ WWE เริ่มเข้าสู่ยุคที่เรียกว่า Attitude อันเป็นยุคที่เรียกว่า ดิบ เถื่อน มันส์ ส่วนหนึ่งเพราะสมาคมต้องปรับภาพลักษณ์เพื่อจะสู้กับสมาคมคู่แข่งเพื่อรักษาฐานแฟนคลับเอาไว้ ถ้าหากพูดถึงแมตช์ดุดเดือดที่สุดในศึก Wrestlemania แล้วล่ะก็จะต้องมีแมตช์ระหว่าง Bret Hart กับ Stone Cold Steve Austin ในครั้งที่ 13 กับศึกสะสางแค้นในกติกาที่จะต้องทำให้อีกฝ่ายยอมแพ้ให้ได้ โดยมี Ken Shamrock ยอดนักสู้ MMA จาก UFC เป็นกรรมการรับเชิญ

 

ขอบอกว่าแมตช์นี้ได้ใจแฟนมวยปล้ำทั้งสายคลาสิคและสายฮาร์ดคอร์ เพราะทั้งคู่สู้กันราวกับแค้นกันมาแต่ชาติก่อน กับภาพจำที่ Austin ยืนหยัดแม้ชุ่มไปด้วยเลือด แต่ก็ไม่พูดยอมแพ้จนนาทีสุดท้าย

 

 

16.) จอมกัดบุก WWE

ในศึก Wrestlemania ครั้งที่ 14 ความน่าสนใจคือคู่เอกระหว่าง Stone Cold Steve Austin กับ Shawn Michaels ที่ความพิเศษคือแขกรับเชิญอย่าง ‘จอมกัด’ Mike Tyson แชมป์มวยโลกที่เวลานั้นโด่งดังและอยู่ในช่วงถูกแบนจากวงการมวยโลก (กัดหู Evander Holyfield) โดยไปถูก Austin ลูบคม ก่อนจะถูกทีม Degeneration –X ของ Shawn คว้าตัวเข้าร่วมทีม แมตช์ในวันนั้น Austin เอาชนะจากการช่วยเหลือของจอมกัด ก่อนที่จะชูมือเป็นผู้ชนะ แถมปิดฉากด้วยการชก Shawn สลบคาเวที (ฮ่า!)

 

 

 

17.) ศึกพิสูจน์ศักดิ์ศรีในยุค Attitude

ปี 1999 น่าจะเป็นที่ที่น่าจดจำหลายๆอย่าง สำหรับศึก Wrestlemania ครั้งที่ 15 ที่คราวนี้คู่เอกคือการเจอกันของสองยอดฝีมือของยุค Attitude ระหว่าง Stone Cold Steve Austin กับ The Rock ทำให้ Austin กลายเป็นสัญลักษณ์ขาประจำของ Wrestlemania ไปโดยปริยาย และคู่นี้ก็มีโอกาสเจอกันอีกสองครั้ง

 

 

 

18.) สหัสวรรษใหม่ ความแปลกใหม่ใน Wrestlemania

เข้าสู่สหัสวรรษใหม่ อะไรใหม่ๆ งานนี้ศึก Wrestlemania 16 หรือ WM 2000 จึงมีการนำแมตช์ใหม่ๆเข้ามาเพื่อสร้างสีสันและสร้างความแปลกใหม่กว่าทุกปี ไม่ว่าจะเป็นแมตช์ชิงแชมป์ Hardcoreตะลุมบอน สุดโหดของสามทีมแนวหน้าอย่าง Hardy Boyz, Edge & Christian และ Dudley Boyz และคู่เอกที่เป็นไฮไลต์คือการเจอกันของท็อปสตาร์แนวหน้าทั้งสี่ The Rock, Triple H, Big Show และ Mick Foley โดยมีแชมป์โลกเป็นเดิมพัน

 

 

 

19.) กลับสู่ความยิ่งใหญ่

Wrestlemania ปีนี้มีเรื่องที่น่าจดจำหลายอย่าง เพราะนี่คือศึกใหญ่ครั้งแรกของ WWE หลังจากเอาชนะสมาคมคู่แข่งจนขึ้นเป็นสมาคมอันดับหนึ่ง และปีนี้ยังได้เกิดแมตช์คลาสสิคอีกแมตช์นั่นคือ สามทีมแนวหน้าอย่าง Hardy Boyz, Edge & Christian และ Dudley Boyz ที่สู้กันในกติกา TLC (Tables Ladder Chairs) เรียกว่าเป็นแมตช์ขโยซีนในปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

 

ส่วนคู่เอกคือการเจอกันภาคสองของสองยอดฝีมือ ระหว่าง Stone Cold Steve Austin กับ The Rock ที่ครั้งนี้โหดกว่าภาคแรก และนั่นทำให้หลายคนได้รู้จัก Austin มากขึ้น เพราะเขาคือคนที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ

 

 

20.) แมตช์ในฝันที่น่าจดจำ

เป็นศึก Wrestlemania ครั้งที่สองที่กลับไปจัดที่แคนาดาอีกครั้ง และแน่นอนว่าไฮไลต์ปีนี้คือการเจอกันของสองนักมวยปล้ำสองเจนที่มีแฟนๆชื่นชอบ ระหว่าง The Rock กับ Hulk Hogan ที่กลับสู่บ้านเก่าในรอบหลายปี ศึกครั้งนี้เรียกความสนใจให้กับแฟนมวยปล้ำเป็นอย่างมาก และมันคือค่ำคืนที่น่าจดจำที่ได้เห็นเอสจากสองยุคมาเจอกัน

 

 

 

21.) WM ครั้งสุดท้ายของ Steve Austin

สำหรับ Stone Cold Steve Austin เขาคือหน้าตาของศึก Wrestlemania ที่ขึ้นเวทีก็ไม่ทำให้แฟนมวยปล้ำต้องผิดหวัง แต่สำหรับปีนี้คือปีสุดท้ายที่เขาจะขึ้นสังเวียนแล้วคนที่จะต้องสู้คือคู่ปรับตลอดกาลและเป็นดาวเด่นของสมาคมอย่าง The Rock แม้ไฟต์นี้จะจบลงที่ความพ่ายแพ้ของ Austin แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะจบบทบาทตัวเองในฐานะนักมวยปล้ำอาชีพเพื่อเป็นที่จดจำของรุ่นหลังต่อไป

 

 

 

22.) กลับบ้านในรอบ 20ปี

20ปี นับตั้งแต่ศึก Wrestlemania ถือกำเนิดขึ้น มีเรื่องราวมากมายให้น่าจดจำ และครั้งที่20 ก็เป็นอีกครั้งที่ได้กลับสู่บ้านเกิดอีกครั้ง แล้วนั่นเป็นการกลับบ้านเก่าครั้งสุดท้ายเพราะว่าหลังจากนั้น Wrestlemania ก็ไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลย โดยครั้งที่ 30 ได้ไปจัดที่นิวออลีนส์ และ ครั้งที่ 40ที่จะถึงนี้ไปจัดที่เมือง ฟิลาเดเฟีย นั่นเอง

 

 

 

23.) ยุคใหม่ได้เจิดจรัสอีกครั้ง

Wrestlemania ครั้งที่21 นับเป็นอีกหนึ่งหมุดไมล์สำคัญของ WWE เพราะเป็นช่วงผลัดใบที่เหล่าดาวดวงใหม่ได้เจิดจรัส นั่นคือ John Cena และ Batista ที่ขึ้นผลงาดเป็นแชมป์โลกสมัยแรกได้ทั้งคู่ แล้วอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้นั่นคือครั้งแรกของแมตช์ไต่บันได Money in the Bank ที่ผู้ชนะจะสามารถใช้สิทธิ์ในการชิงแชมป์โลกได้ตลอด 1ปี จนกลายเป็นแมตช์ทีมี PPV เป็นของตัวเองในเวลาต่อมา

 

 

 

24.) ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของคนตัวเล็กแต่ใจใหญ่

Rey Mysterio สุดยอดนักมวยปล้ำจอมพลิ้วที่เป็นความหวังต่อจากเพื่อนผู้ล่วงลับ Eddie Guerrero หลังจากเอาชนะ Royal Rumble ทำให้เขาได้เป็นตัวยืนชิงแชมป์โลก เจอกับ Randy Orton และ Kurt Angle ในศึกWrestlemaniaครั้งที่22 ซึ่ง Rey ที่สวมใจสิงห์สามารถเอาชนะและคว้าแชมป์โลกสมัยแรกพร้อมมอบชัยชนะครั้งนี้ให้กับเพื่อนที่ล่วงลับ ของเขา

 

 

 

25.) ซิ่งรถเข้าสนาม

เป็น Wrestlemania ครั้งที่23 แล้วยังเป็นการกลับมายัง มิชิแกน ที่เคยจัดศึกครั้งที่ 3 จนสร้างสถิติเป็นตำนาน ซึ่งเหตุการณ์ที่น่าจดจำคือ John Cena ที่ต้องป้องกันแชมป์กับ Shawn Michaels แต่มาแบบไม่ธรรมดาด้วยการควบเจ้า Ford Mustang มายังสนามและจอดขึ้นเวทีแบบเท่ๆ

 

 

 

26.) ศึกแห่งศตวรรษ

ในศึกครั้งที่24ของ Wrestlemania หนึ่งแมตช์ที่เป็นจุดขายของปีนี้นั่นคือ การมาของสุดยอดแชมป์โลกไร้พ่ายแห่งวงการมวยโลก Floyd Mayweather เจอกับยักษ์ใหญ่ของวงการมวยปล้ำในเวลานั้นอย่าง Big Show เรียกว่าได้รับความสนใจทั้งแฟนมวยปล้ำและมวยชก เป็นไฮไลต์สำคัญของปีนี้ก็ว่าได้

 

 

 

27.) ศึกสองผู้ยิ่งใหญ่ แห่ง Wrestlemania

เมื่อพูดถึงสัญลักษณ์ของ ศึก Wrestlemania เราจะนึกถึงคนสองคนที่กำลังจะพูดถึงนั่นคือ Shawn Michaels ชายผู้ได้สมญานามว่า The Show Stopper และ Mr.Wrestlemania กับ The Undertaker ที่ในตอนนั้นเขาคือนักมวยปล้ำผู้ครองสถิติไร้พ่ายในศึกนี้ ซึ่งในครั้งที่25 ทั้งคู่ได้มาเจอกัน ซึ่งแมตช์นี้นับเป็นอีกแมตช์ที่น่าจดจำ ซึ่งชัยชนะยังเป็นข้องน้าผีตามเคย แต่ HBK ก็ขอสู้อีกครั้งในปีต่อไปนั่นคือครั้งที่ 26 ที่คราวนี้ขอเอาอาชีพมาเดิมพัน และเป็นอีกครั้งที่ได้สร้างแมตช์สุดคลาสสิค ก่อนที่น้าผีจะตอกฝาโลก ทำให้ HBK ต้องยุติบทบาทการเป็นนักมวยปล้ำในที่สุด

 

 

28.) The Rock’s Mania

แม้ว่าเขาจะไปเอาดีในฐานะดาราที่ประสบความสำเร็จ แต่ด้วยใจที่ยังผูกพันกับมวยปล้ำ นานๆทีเราจะเห็นภาพของ The Rock กลับมาให้หายคิดถึงวาระพิเศษ แต่ปีนี้พิเศษสุดเพราะเขาได้มาเป็น แขกพิเศษของปีนี้ ทำให้ทุกแมตช์ The Rock คุมทั้งรายการ หนึ่งในนั้นคือการทำให้ The Miz เอาชนะ John Cena ป้องกันแชมป์โลกได้สำเร็จ นั่นเพราะว่า The Rock ต้องการจะเจอกับ John Cena ในครั้งที่ 28 ที่ไมอามี่ในถิ่นของเขาเอง

 

 

 

29.) CENA VS THE Rock

ในเวลานั้น John Cena ถูกตั้งขอสังเกตว่าเขาเหมาะสมกับการเป็นแชมป์ มหาชนหรือไม่? นั่นทำให้ The Rock จึงกลายเป็นทดสอบให้กับเขา ซึ่งในครั้งที่ 28-29 นั่นคือช่วงเวลาที่แฟนๆจะได้เห็นกับตาว่า Cena คือของจริงหรือไม่ ซึ่งในครั้งที่ 28 เขาพ่ายแพ้ ก่อนไปสร้างฟอร์มจนในครั้งที่29 เขาต้องสู้กับคู่ปรับคนเดิม แถมรอบนี้เดิมพันแชมป์โ,กด้วย ซึ่งในที่สุด Cena เอาชนะ The Rock และรับไม้ต่อในฐานะหน้าของสมาคมต่อไป

 

 

 

30.) Yes! Victory

Daniel Bryan นักมวยปล้ำสายเทคนิคที่ในตอนนั้นเขาถูกกลั่นแกล้งจากกลุ่ม Triple-H และ The Authority ที่ตัดสินว่าเขาไม่มีบารมีพอที่จะเป็นแชมป์ งานนี้กลายเป็นเรื่องราวที่แฟนๆต่างเอาใจช่วยจนเป็นปรากฏการณ์ Yes! Movement ทำให้เขาได้ปล้ำสองแมตช์คือการเจอกับ Triple-H และ แมตช์ชิงแชมป์โลกระหว่าง Randy Orton และ Batista ซึ่งท้ายสุดเขาก็สามารถคว้าแชมป์ปิดรายการยิ่งใหญ่อย่างสวยงาม

 

 

 

31.) การมาของเจ้าแม่งป่องพิฆาต

Sting ถือเป็นหนึ่งในนักมวยปล้ำที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งการมาที่ WWE สร้างความฮือฮาให้กับแฟนมวยปล้ำ ซึ่งเขาได้มีโอกาสเจอกับ Triple-H ในศึกครั้งที่ 31 ทำให้เราได้เห็นภาพประวัติศาสตร์ นั่นคือการมาของสองทีมในตำนานอย่าง Degeneration-x และ N.W.O อยู่บนเวทีเดียวกัน

 

 

 

32.) Andre the Giant Memorial Battle Royal

นับตั้งแต่ Wrestlemania 30 เป็นต้นมา ก็ได้มีแมตช์พิเศษเกิดขึ้นและกลายเป็นแมตช์ประเพณีที่อยู่คู่กับศึกใหญ่ นั่นคือ Andre the Giant Memorial Battle Royal ซึ่งเป็นแมตช์เพื่อให้เกียรติกับ Andre The Giant ตำนานมวยปล้ำผู้ยิ่งใหญ่ของ WWE ซึ่งผู้ชนะจะได้รับถ้วยรางวัล ที่มีหุ่นเหมือนตั้งเด่นเป็นสง่า

 

 

 

33.) Wrestlemania Axxess

หนึ่งในสีสันของศึก Wrestlemania นั่นคือช่วงระหว่างสัปดาห์ WM Week โดยสมาคม WWE ก็มีการจัดกิจกรรมที่ให้แฟนๆมวยปล้ำได้สัมผัสประสบการณ์ในแบบ WWE นั่นคืองาน Wrestlemania Axxess ซึ่งรูปแบบงานคล้ายๆกับ Comic Con ที่นอกจากจะได้กระทบไหล่นักมวยปล้ำตัวเป็นๆ มีบูธกิจกรรมให้ร่วมสนุกๆ รมถึงสินค้ามากมายให้ได้จับจ่าย รวมถึงกิจกรรมสุดพิเศษที่หาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว

 

 

 

34.) WWE Hall of Fame

อีกหนึ่งงานที่จัดในช่วง WM Week ที่ถือเป็นงานไฮไลต์นั้นคือการมอบรางวัล WWE Hall of Fame ซึ่งเป็นการมอบรางวัลให้กับเหล่าบรรดาตำนานหรือคนดังที่เดยร่วมงานกับสมาคม ซึ่งแต่เดิมเคยมีการจัดในช่วงยุค 90 ก่อนที่ใน WM20 จะนำมาจัดใหม่จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเราจะได้ฟังเรื่องราวในอดีตของเหล่าบรรดาตำนานที่ยังมีลมหายใจ เพื่อส่งมอบแรงบันดาลใจให้กับเหล่านักมวยปล้ำรุ่นใหม่ต่อไป

 

 

 

35.) คู่เอกหญิงครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ในศึก Wtestlemania ครั้งที่ 35 ได้เกิดประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ นั่นคือครั้งแรกที่แมตช์ชิงแชมป์โลกหญิงเป็นคู่เอกของรายการประจำปี โดยคู่เอกคือ Becky Lynch เอาชนะ Ronda Rousey และ Carlotte Flair ในศึกรวมแชมป์สองเส้น โดย Becky คว้าชัยพร้อมคว้าแชมป์สองเส้นไปครอง

 

 

 

36.) โควิดบุกมาเนีย

วิกฤตการณ์โควิด19 ทำให้ทุกอย่างสะดุด รวมถึงวงการมวยปล้ำที่ทำให้ Wrestlemania ครั้งที่ 36 ต้องหาทางออกด้วยการจัดในสตูดิโอปิด และปฏิบัติตามมาตรการณ์อย่างเคร่งครัด ทำให้มีการแบ่งโชว์ถึงสองวัน จนกลายเป็นแม่แบบให้ WM ปีต่อๆมาที่จัดแบ่งสองวัน จนถึงปีล่าสุด ซึ่งปีนี้ก็มีแมตช์สนุกๆมากมาย อาทิ Boneyard Match อันเป็นแมตช์สุดท้ายของ The Undertaker และ Firefry House Fun Match ถือว่า WWWE ขอหาทางและทดลองอะไรใหม่ๆ

 

 

 

37.) Austin Is Back!

หลังจากวางมือไปตั้งแต่ครั้งที่ 19 ดูเหมือนว่า Stone Cold Steve Austin จะขอกลับมาส็เพียง 1 แมตช์โดยมาเป็นคู่ต่อสู้ให้กับ Kevin Owens ซึ่งสำหรับ Owens นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับเขา เพราะจะได้เจอกับไอดอลของตัวเองงานนี้เขาจึงทำออกมาอย่างเต็มที่

 

 

 

38.) ศึกสายเลือดตระกูล Mysterio

ในศึกครั้งที่ 39 ปีล่าสุด หนึ่งในแมตช์น่าสนใจ คงหนีไม่พ้นศึกสายเลือดตระกูล Mysterio เมื่อ Dominik Mysterio หักหลังพ่อบังเกิดเกล้าอย่าง Rey Mysterio นำไปสู่การปูเรื่องราวเพื่อมาเจอในศ฿กนี้ ซึ่งเป็นปีเดียวทีเขาได้เข้า Hall of Fame โดยศึกครั้งนี้ Rey ต้องการจะดันลูกชายให้ไปได้สูงขึ้น และเป็นความฝันที่เขาได้ทำสำเร็จนั่นคือการได้สู้ในสังเวียนศึกกระดับโลกอย่าง Wrestlemania นั่นเอง

 

 

 

39.) ปฐมบท Finish Story

และมาถึงคู่เอกที่ถูกพูดถึงนั่นคือ การเจอกันของ Cody Rhodes ที่กลับมาสู่สมาคมโดยล่าเป้าหมายที่ตำแหฟน่งแชมป์โลก Universal ของ Roman Reigns หัวหน้าเผ่าที่ครองบัลลังก์ยาวนาน ซึ่งผลงครั้งนั้นเพราะทีมหัวหน้าเผ่าช่วย ทำให้ Cody Rhodes ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ ซึ่งทั้งคู่กำลังจะมาเจอกันอีกครั้งใน Wrestlemania 40

 

 

 

40.) Wrestlemania 40: Finish Story!

Wrestlemania ครั้งที่ 40 จะจัดขึ้นในวันที่ 6-7 เมษายน ที่ฟิลาเดเฟีย โดยไฮไลต์ของปีนี้แน่นอนว่าคือภารกิจ Finish Story ของ Cody Rhodes ที่ขอท้าชิงแชมป์โลกอีกครั้ง แต่มันไม่ง่ายเพราะทางทีมหัวหน้าเผ่าได้ The Rock มาอยู่ในทีม ซึ่งสร้างกระแสตั้งแต่วันแถลงข่าว

 

แล้วก็ก่อนจะถึงค่ำคืนที่ทั้งคู่สู้กัน ทั้งสองจะมีโปรแกมปล้ำแบบแท็กทีม แน่นอนว่า Reigns จับคู่กับ The Rock ส่วน Cody จับคู่กับ Seth Rollins แชมป์ World Heavyweight โดยมีเงื่อนไขว่า ถ้าทีม Cody ชนะ ทีมหัวหน้าเผ่าจะไม่มากวนใจในแมตช์ตัวต่อตัว แตตรงกันข้ามถ้าเขาแพ้ The Rock เตรียมของขวัญนั่นคือแมตช์ชิงแชมป์โลกทีมหัวหน้าเผ่าพร้อมจะทำทุกวิถีทาง ที่ทำให้ Cody แพ้ครั้งที่สอง

 

 

ทั้งหมดนี้คือ 40 เรื่องราวของศึก Wrestlemania ต้อนรับเกม WWE 2K24 หากตกหล่น ต้องขอ อภัย มา ณ ที่นี้ด้วย ก่อนจากกัน ถามแฟนมวยปล้ำว่า WM ครั้งที่ 40 ในวันที่ 7 เมษายน 2024 คาดหวังอะไรเป็นพิเศษ ลองมาคุยกันได้ครับ

 

 

@P.PETTY

 

 

ข้อมูลอ้างอิง
https://www.wwe.com/
https://en.wikipedia.org/wiki/WrestleMania
https://whatculture.com/wwe/40-years-of-fascinating-wwe-wrestlemania-facts-part-1
https://whatculture.com/wwe/40-years-of-fascinating-wwe-wrestlemania-facts-part-2