“สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” เตรียมนำทุกคนสู่สมรภูมิแอ็กชันเดือด อาคมเข้ม ตำนานความมันส์จาก “จักรวาลขุนพันธ์” จะกลับมาอีกครั้งในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปี “เสือ” กับ “6 โปสเตอร์คาแร็กเตอร์” จาก “6 นักแสดงฝีมือฉกาจ” อย่าง “เวียร์ ศุกลวัฒน์”, “มาริโอ้ เมาเร่อ”, “เป้ อารักษ์”, “โตโน่ ภาคิน”, “หลิน มชณต” และ “ท็อป ทศพล” ที่จะมาร่วมเปิดศึก “เสือล่าเสือ” สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ให้โลกต้องจับตา

ภาพยนตร์เรื่อง “เสือ” เกิดขึ้นจากแนวคิดในการขยาย “จักรวาลขุนพันธ์” โดยต้องการสร้างตัวละครฝั่งโจรให้เป็นที่จดจำ (Iconic) เช่นเดียวกับที่เคยทำกับ ขุนพันธ์ ในฝั่งตำรวจ ผู้กำกับได้รับแรงบันดาลใจจากโมเดลของ แบทแมน และต้องการสร้างตัวละครที่มีความแฟนตาซีแต่ดุดันขึ้นมา โดยเรื่องราวของฝั่งเสือจะเน้นความสนุกสนานและผ่อนคลายกว่าฝั่งขุนพันธ์ เนื่องจากเป็นตัวละครที่ถูกสมมติขึ้นและไม่จำเป็นต้องอิงประวัติศาสตร์อย่างเคร่งครัด

ผู้กำกับเลือกที่จะนำเสือทั้ง 4 ตัว (เสือใบ, เสือมเหศวร, เสือดำ, เสือฝ้าย) มารวมกันในภาคนี้ก่อนที่จะทำภาคแยกของแต่ละคน เพราะมองเห็นความสนุกและความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นเมื่อเหล่าโจรที่มีนิสัยไม่ตรงไปตรงมาและพร้อมจะหักหลังกันได้ทุกเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากัน การรวมตัวครั้งนี้เปรียบเสมือน “รวมฮิต” ที่จะสร้างความสนุกในรูปแบบมหรสพ และเป็นการสำรวจมุมมองและความคิดของเหล่าเสือที่ผู้ชมเคยเห็นมาแล้วในขุนพันธ์ แต่ยังไม่เคยเจาะลึก

ความท้าทายหลักในการเขียนบทของทีมงานคือการสร้างสมดุลให้กับตัวละครทั้ง 4 ตัว ให้แต่ละคนมีเวลาบนจอ (แอร์ไทม์) มีบทบาท และมีความลึกของตัวละครที่เท่าเทียมกันภายในเวลาสองชั่วโมงกว่า ซึ่งต้องผ่านการแก้ไขบทหลายเวอร์ชันเพื่อให้ลงตัวที่สุด

เรื่องย่อ

เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อญี่ปุ่นเคลื่อนพลผ่านไทยและได้ฝากทองคำไว้กับสยาม แต่ทองคำกลับหายไปครึ่งหนึ่ง รัฐบาลจึงใช้เหตุการณ์นี้เป็นข้ออ้างในการประกาศสงครามกับเหล่าอาชญากรและกวาดล้างชุมโจรเสือทั่วประเทศ โดยตั้งค่าหัวเสือ 4 คนไว้สูงถึง 500 บาท

ขณะเดียวกัน มีนกต่อจ้าง “เสือใบ” ให้มาสังหาร “ท่านจอมพล” ด้วยค่าหัว 1 ล้านบาท ทำให้ “เสือมเหศวร” และ “เสือดำ” ที่ได้กลิ่นเรื่องเงินรางวัลเข้ามาร่วมวงด้วย

แต่จอมพลกลับรู้ทันและได้จ้าง “เสือฝ้าย” มาเป็นผู้คุ้มกันตัวเอง ทำให้เสือทั้งสี่ต้องมาเผชิญหน้ากันด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันเพื่อเงินก้อนโต

REVIEW : โคตรเท่ โคตรเบียว โคตรมันส์

ในเรื่องคุณจะได้พบกับ…

- Dutch van der Linde RED DEAD
-สายลับ -คิงส์แมน
-มือปืน -Wanted
-และ BLADE -ที่บ้าน

มาปะทะกองทัพซอมบี้ โดยมี “ชาแมนคิง” และ “จอมพลทั่นหนึ่ง” เป็นบอส
เป็นหนังที่เล่าเรื่องจริงจัง เข้มข้น ติดตลกเลอะเทอะสไตล์ Guardian of Galaxy  + ขุนพันธ์ แต่กำกับโดยพี่โขม ที่ถูกไอ่ เจมส์ กันน์ สิงร่างอีกที

“เสือ” คือหนังไทยทำให้อะดรีนาลีนสูบฉีด มันคือหนังที่ทำให้ศรัทธาในวงการหนังไทยที่ริบหรี่ กลับมามีแสงสว่างอีกครั้ง

และเรามั่นใจมากๆว่า ตัวหนังมีศักยภาพพอที่จะถึง100 ล้านแน่ๆ

ทั้งพล๊อตย่อยง่าย แอคชั่นเยอะ ตัวละครมีสเน่ห์

กิมมิคเล่าเรื่องการบ้านการเมืองที่คมคายตบเข่าฉาดแรงๆเลยว่า พี่กล้าเล่นได้ไง

“เสือ” เล่าเรื่องภารกิจลอบสังหาร “จอมพลเลิศ” ผู้นำประเทศโคตรโกง โดยมี รสลิน (หลิน มชณต) ดาราสาวสวยเป็นนางนกต่อ ว่าจ้างสามเสือตัวท็อปอย่าง เสือใบ (เป้ อารักษ์), เสือดำ (โตโน่ ภาคิน) และ เสือมเหศวร (มาริโอ้ เมาเร่อ) ให้มาร่วมภารกิจเดือด แต่ก้างชิ้นโตคือ เสือฝ้าย (เวียร์ ศุกลวัฒน์) อดีตคู่ปรับที่ผันตัวมาเป็นมือขวาคอยคุ้มกันจอมพลเลิศอย่างใกล้ชิด

ตัวหนังยาว 140 นาที แต่แทบไม่มีวินาทีไหนให้รู้สึกเบื่อหรืออยากก้มลงไปเล่นมือถือเลยแม้แต่น้อย ตัวหนังใช้วิธีการเล่าแบบวรรณกรรม มีผู้บรรยาย มีการใส่ตัวหนังสือประกอบฉาก รวมไปถึงการเล่าเรื่องแบบไม่ยึดโยงกับหนังขุนพันธืทั้งสามภาคก่อนหน้า ใครที่มาดูเรื่องนี้เลยก็จะไม่งงครับ

โดย “จังหวะ” ของหนังถูกออกแบบมาลงล๊อกมากๆ ทั้งจังหวะที่ส่งเสริมให้เรื่องเดินหน้าไปต่อ ไปจนถึงจังหวะนรกที่ทำเอาฮาขำลั่นกันทั้งโรง (วันนี้รอบสื่อยังกะดูหนังที่อินเดีย คือหลายซีนแทบลุกขึ้นมาเชียร์ตัวละครกันแล้ว)

คิวบู๊ในเรื่องออกแบบเท่มากๆ , บทสนทนาติดตลกที่โยนมาเมื่อไหร่ก็โดนเส้นจนคิดว่า นี่มันหนังตลกชัดๆ

จุดที่ต้องชมอีกเรื่อง คือการวางบทเสือทุกตัวมีบทบาทเชิงลึกที่น่าสนใจ โตโน่ ภาคิน ในบท “เสือดำ” ที่อ่านหนังสือไม่ออก คิดอะไรไม่ทัน เน้นในกำลังล้วนๆ จนในเรื่องมักเรียกเขาว่าคนโง่ของกลุ่ม กลายเป็นตัวละครที่มีมิติ น่าเอาใจช่วย และขโมยซีนได้แทบทุกฉาก ใครว่าพี่เค้าแอ็คไม่ได้แล้ว เพราะในเรื่องระบุเลยว่า คิดไม่ทันเลยเก็บทรง 555

เป้ อารักษ์ ก็คือสายฮาที่ตลกแบบตัวตัดมุก และหล่อเท่ มีซีนเด็ดเรียกเสียงกรี๊ดไม่น้อยโดยเฉพาะการขยายแอคชั่นด้วยกระสุนคตที่เท่มากๆ

มาริโอ้ กลายเป็นอีกตัวละครที่เราได้รู้แบ็คกราวด์คร่าวๆแล้วจะเข้าใจเลยว่าทำไมตัวละครนี้ถูกออกแบบมาให้ดูเนิร์ด ยิ่งไฟนอลซีนนี่ยังกะสายลับคิงส์แมนเลย ของเล่นเยอะมาก

และ เวียร์ ศุกลวัฒน์ ในบทเสือฝ้าย ที่หลายคนหวั่นใจว่าจะมาแทนผู้พันเบิร์ดได้หรือไม่ ถ้าด้วยโทนหนังในเรื่องเสือ ถือว่าเหมาะสมมาก

เพราะเราคงนึกภาพไม่ออกว่าถ้าผู้พันเบิร์ดจะมาแสดงปล่อยมุก ตบมุก มีจังหวะนรกเอาฮามีไม่น้อย ก็คงแปลกๆ แถมพาร์ทดราม่าก็ทำได้ดี ไม่ได้พูดเยอะ แต่สีหน้าท่าทางคือรู้เลยว่ามีอะไรในใจอยู่ด้วย…ถือว่าเหมาะสมครับ

รวมไปถึงตัวร้ายระดับบอสอย่าง คุณท๊อป ทศพล ในบทคุณหลวงประสาน จอมอาคม ตัวตึงระดับชาแมนคิงของจักรวาลนี้เลย ฤทฑธิ์เดชเสกซอมบี้แบบไม่มีลิมิตด้วย เสกได้เรื่อยๆ แล้วสี่เสือจะเอาชนะได้ยังไง ต้องตามไปดูครับ!

ลายเซ็นของพี่โขมแก ก็ยังคงเป็นการเสียดสีสังคม และการเมือง อย่างเจ็บแสบ ซึ่งใน “เสือ” มันถูกยกระดับให้ชัดเจนและกล้าหาญที่สุด หนังโยงบรรยากาศทางการเมืองยุคจอมพล ป. และช่วงรัชกาลที่ 8 มาจิกกัดสังคมปัจจุบันได้อย่างตรงไปตรงมา จนรู้สึกว่า บางจังหวะ “พี่แกกล้าเล่นเว้ย”

โดยรวมเราอยากเชียร์จริงๆ เพราะตัวหนังมันแทบไร้ที่ติเลยก็ว่าได้

“เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ” รับบท “เสือฝ้าย”

จ่าฝูงในหมู่เสือ เด็ดขาด น่าเกรงขาม กุมอำนาจทุกด้านทั้งการปกครอง เงิน และการต่อรอง เขาเคยเชื่อในระบบแต่โดนระบบหักหลัง มีความชำนาญปืนยาว และอาคมตวาดหิมพานต์ “วา โธ โน อะ มะ มะ วา วา” ที่หยุดได้ทุกอย่าง สร้างความพินาศในพริบตา

“มาริโอ้ เมาเร่อ” รับบท “เสือมเหศวร”

เสือนักประดิษฐ์ นักวางแผนและปลอมตัว เชี่ยวชาญการหลบหลีกหลอกล่อหาตัวจับยาก ไม่ว่าเรื่องรัฐ โจร การเมือง หรือบันเทิง ทุกความลับ ทุกความเคลื่อนไหวล้วนอยู่ในสายตา เขามีวิชาลิงลม ปราดเปรียวว่องไว รอดตายด้วยพระมเหศวร

‘มเหศวร’ ในภาคนี้จะเล่าเรื่องราวด้านลึกที่ทำไมเขาถึงต้องก้าวเข้าสู่การเป็นโจร ทักษะหลายอย่างที่เคยเห็นกันมาก่อน ภาคนี้จะเยอะกว่าเดิม มีการปลอมตัว ประดิษฐ์อุปกรณ์การต่อสู้ อุปกรณ์ลับซ่อนกลไก ดัดแปลง พัฒนาต่อยอด เพิ่มออปชันสิ่งของได้ตลอด อะไรที่เขาหยิบจับมาสามารถดัดแปลงเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตหรือเป็นอาวุธลับได้ เราจะเห็นมันสมองของเขามากกว่าเดิม เห็นอาวุธที่ซ่อนอยู่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า 

“เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ” รับบท “เสือใบ”

จอมโจรเจ้าสำราญ หล่อ กวน คารมดี เก่งฉกาจ แม่นยำ โด่งดังทั้งเรื่องปล้นและวงดนตรี กระสุนคตจากลูกโม่พุ่งตรงสู่ทุกเป้าหมาย แค่ร่าย “นะ โม พุท ธา ยะ”

เสือใบ ในเวอร์ชั่นนี้จะเด็กลง มีแก๊งคนเสเพล มีวงดนตรี แต่ก็ออกปล้นไปด้วย ใครจ้างให้ทำอะไรก็ทำ เป็นเสือผู้หญิงตัวฉกาจและเจ้าชู้เหมือนเดิม รอบจัดวางแผนเก่ง มีอุดมการณ์แต่ก็มีเงินเป็นตัวแปรได้เหมือนกัน ไม่ค่อยพูดอะไรจริงจัง จะกวนๆ เสียดสีประชดประชันไปเรื่อย ไม่ถูกกับใครสักคน มีความคิดแบบกร้านโลก คิดแบบโจรไปหมด

“โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” รับบท “เสือดำ”

เสือหนุ่มเลือดร้อน ดุ ดิบ พร้อมลุยไม่เลือกหน้า หมัดหนัก ซัดแหลก เรื่องชั้นเชิงมวยไม่เคยเป็นรองใคร เจ้าของคาถามนตร์ซัดฝุ่น “สารพัดศัตรู วินาศสันตุ” ปล่อยอาคมเล็กเท่าเม็ดทราย เข้าสลายทุกอาวุธแหลกเป็นผุยผง

ภาคนี้จะเล่าที่มาที่ไปของ ‘เสือดำ’ ว่ามีวิชามวย มีอาคมหลายอย่างมาจากไหน จะเห็นวิถีชีวิตจากที่จนตรอก สู่การเป็นเสือ ที่ยังมีความคิดแบบวัยรุ่น มีความรัก ความซื่อของก่อนจะเป็นเสือดำขั้นมืดมนใน ‘ขุนพันธ์ 3’ 

“หลิน-มชณต สุวรรณมาศ” รับบท “รสริน”

ดาราดาวรุ่งแห่งยุค สาวเดียวในหมู่โจร สวยสยบเสือ กุมทั้งความรักและความลับ หลังโลกมายาเธอคือสายลับสองหน้าที่ไม่เคยเปิดเผยตัว เก่งการต่อรอง ต่อสู้เพื่ออำนาจ ไม่เชื่อใจใคร เธอจะล่อลวงทั้งสี่เสือ และลากทั้งหมดลงสู่สนามล่าเดียวกัน แต่มีเบื้องหลังชีวิตที่ลึกลับ มีภารกิจที่ต้องไปข้องเกี่ยวกับเสือทุกคน 

“ท็อป ทศพล หมายสุข” รับบท “หลวงประสาน”

ทหารนักฆ่าตัวฉกาจบริวารของจอมพล จะชี้เป็นหรือสั่งตาย รับคำสั่งนายทำได้ทุกข้อ บารมียิ่งใหญ่ ใครต่อต้าน ตายสถานเดียว ถูกส่งมาปราบเสือ จะพลิกชะตาชีวิต ยุติความคงกระพัน ปลดเขี้ยวเล็บและอาคม พร้อมล้างโคตรเสือให้สิ้นซาก

เป็นมือเป็นเท้าให้รัฐบาลจอมพลในการต่อกรกับสี่เสือ  เป็นตัวร้ายที่แตกต่างจากที่เคยมีมา

ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงได้ทีมงานชุดเดิมจาก “ขุนพันธ์” กลับมาร่วมงานกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับคิวบู๊ (“พี่ท็อป” วีระพล ภูมาตย์ฝน)

Magic Director “ขึก” สิทธิชัย สิงหฬ ผู้เชี่ยวชาญด้านคาถาอาคม

ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย “บั๊วะ” นิรชรา วรรณาลัย

และผู้ออกแบบงานสร้าง “เดอ” ธนะ เมฆาอัมพุท

เปิดศึก “เสือล่าเสือ” ให้เป็นตำนานความมันส์บทใหม่ในภาพยนตร์แอ็กชั่นเรื่องยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี

“เสือ” 23 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ