28 Years Later
ประเภท: สยองขวัญ / หลังวันสิ้นโลก
กำกับโดย: Danny Boyle
เขียนบทโดย: Alex Garland
นำแสดงโดย: Jodie Comer, Aaron Taylor-Johnson, Ralph Fiennes, Jack O’Connell, Alfie Williams
วันฉายไทย : 19 มิถุนายน 2025
จัดจำหน่ายโดย: Columbia Pictures / Sony Pictures Releasing
นับเป็นเวลานานเกือบสามทศวรรษหลังจาก 28 Days Later (2002) จุดประกายแนวหนังซอมบี้-ไวรัสสยองขวัญให้เฟื่องฟูขึ้นมา ล่าสุดผู้กำกับเจ้าของรางวัลออสการ์ Danny Boyle และนักเขียนบทชื่อดัง Alex Garland กลับมาจับมือกันอีกครั้งในภาคต่อเรื่อง 28 Years Later ที่จะพาผู้ชมกลับสู่โลกอันน่าสะพรึงที่ถูกกักกันอย่างเคร่งครัดจากการระบาดของไวรัส “Rage”
เรื่องราวครั้งนี้เกิดขึ้นบนเกาะเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ด้วยถนนเพียงเส้นเดียว ซึ่งได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนา กลุ่มผู้รอดชีวิตที่อาศัยอยู่บนเกาะต้องดิ้นรนอยู่ท่ามกลางการคุกคามจากผู้ติดเชื้อ จนเมื่อพ่อและลูกชายคู่หนึ่งตัดสินใจเดินทางสู่แผ่นดินใหญ่เพื่อภารกิจบางอย่าง พวกเขากลับค้นพบความลับ และความสยองขวัญที่ไม่เพียงเปลี่ยนแปลงผู้ติดเชื้อ แต่ยังเปลี่ยนแปลงมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วย
28 Years Later ได้นักแสดงนำอย่าง Jodie Comer รับบทเป็น “Isla” หญิงตั้งครรภ์ผู้พยายามปกป้องครอบครัว, Aaron Taylor-Johnson ในบท “Jamie” สามีของ Isla ผู้ทำหน้าที่เป็นนักเก็บของจากโลกภายนอก, และ Ralph Fiennes ในบท “Dr. Kelson” ผู้รอดชีวิตปริศนา ขณะที่ Jack O’Connell รับบทผู้นำลัทธิสุดคลั่ง และ Alfie Williams รับบท “Spike” ลูกชายวัย 12 ปีของ Isla และ Jamie

เบื้องหลังการสร้างยังเป็นการรวมตัวของทีมงานจากภาคแรก ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ Danny Boyle, มือเขียนบท Alex Garland, ผู้กำกับภาพ Anthony Dod Mantle และผู้ควบคุมงานสร้าง Cillian Murphy พระเอกจากภาคแรกที่แม้จะไม่ได้กลับมารับบท แต่มีส่วนร่วมในฐานะ Executive Producer

28 Years Later ไม่ใช่แค่การหวนคืนของแฟรนไชส์ในตำนาน แต่ยังเป็นก้าวแรกของไตรภาคใหม่ โดยมีแผนถ่ายทำภาคต่อทันทีในชื่อ 28 Years Later: The Bone Temple กำกับโดย Nia DaCosta ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนหลังการถ่ายทำ ทั้งหมดเขียนบทโดย Garland และอำนวยการสร้างโดย Boyle เช่นเดิม
การถ่ายทำภาพยนตร์ภาคนี้ใช้โลเคชั่นหลากหลายทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ เช่น เกาะลินดิสฟาร์น, ป่า Kielder, เมือง Bradford และแม้แต่ในช่องเขา Cheddar Gorge ที่มีความสวยงามลึกลับ ทั้งยังมีการทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่อย่างการถ่ายทำด้วย iPhone 15 Pro Max ผสมผสานกับกล้องฟิล์มและโดรน เพื่อสร้างภาพที่สมจริงและกดดันมากยิ่งขึ้น
**เดิมทีภาคต่อของแฟรนไชส์นี้จะใช้ชื่อว่า 28 Months Later เพื่อคงแนวคิด “จำนวนเวลาหลังการระบาด” ตามชื่อภาคก่อนหน้า แต่เนื่องจากเวลาผ่านไปร่วมสองทศวรรษนับจาก 28 Weeks Later (2007) ทีมงานจึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อเป็น 28 Years Later เพื่อให้สมจริงยิ่งขึ้นกับช่วงเวลาที่ห่างจากเหตุการณ์ในภาพยนตร์ต้นฉบับ
**หลังจากความสำเร็จของ 28 Weeks Later ในปี 2007 ผู้กำกับ Danny Boyle และนักเขียนบท Alex Garland เคยวางแผนสำหรับภาคที่สามแล้วในชื่อ 28 Months Later แต่ติดปัญหาด้านสิทธิ์การสร้างที่ซับซ้อน จนต้องพักโครงการไว้ยาวนานหลายปี ก่อนที่ทั้งคู่จะกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในปี 2019 และประกาศเดินหน้าภาคใหม่อย่างเป็นทางการในปี 2024

**Cillian Murphy พระเอกจาก 28 Days Later ก็เคยแสดงความสนใจมาร่วมแสดง แม้สุดท้ายเขาจะไม่ได้ปรากฏตัวใน 28 YEARS LATER แต่ยังมีบทบาทอยู่เบื้องหลังในฐานะ Executive Producer
ส่วนของบทบาทของ Cillian Murphy นั้น คาดว่า “อาจจะ” มีบทบาทในภาพยนตร์ภาคต่อ 28 Days Later: The Bone Temple (2026) ที่วางกำหนดการสร้างไว้เรียบร้อยแล้ว แอนดรูว์ แมคโดนัลด์ นักออกแบบงานสร้าง ออกมาให้สัมภาษณ์กับทางเว็บไซต์ Empire ว่า
“กับสิ่งนี้ พวกเราอยากให้เขามีส่วนร่วม และเขาเองก็อยากมีส่วนร่วม เขาไม่ได้อยู่ในหนังภาคแรก แต่ผมหวังว่า จิม จะมีบทบาทที่ไหนสักแห่งตลอดเส้นทางนี้ ในตอนนี้เขามีส่วนร่วมในฐานะผู้อำนวยการสร้าง และผมก็หวังว่าเราจะสามารถทำงานร่วมกับเขาในทางใดสักทางหนึ่งในหนังไตรภาค”
**นี่คือไทม์ไลน์ที่ถูก “รีเซ็ต”… แม้ตอนจบของ 28 Weeks Later จะเผยให้เห็นว่าเชื้อ Rage Virus แพร่ข้ามพรมแดนอังกฤษไปยังฝรั่งเศส
แต่ใน 28 Years Later ผู้สร้างเลือกที่จะ “ไม่ยึดตาม” เหตุการณ์นั้น โดยคงสถานการณ์การระบาดไว้ภายในสหราชอาณาจักร และเน้นไปที่มาตรการกักกันอันเข้มงวดของประเทศมากกว่า

แฟน ๆ ที่ติดตามแฟรนไชส์ 28 Days Later และ 28 Weeks Later มาตลอดสองทศวรรษสามารถเตรียมตัวต้อนรับการกลับมาของไวรัส Rage ที่คราวนี้อาจไม่ใช่แค่ภัยจากผู้ติดเชื้อเท่านั้น แต่อาจเป็นการเปิดเผยด้านมืดของมนุษย์ในยุคแห่งความสิ้นหวังอย่างแท้จริง
28 Years Later มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 20 มิถุนายน 2025 พร้อมกันในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา
#28YearsLater #DannyBoyle #AlexGarland #PostApocalyptic #RageVirus #HorrorMovies2025 #หนังสยองขวัญ #ข่าวหนังใหม่ #JodieComer #AaronTaylorJohnson #RalphFiennes
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]



































