เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หลายคนน่าจะได้พบเห็นกับข่าวกันพลาตัวใหม่ “Dictus” ที่ดีไซน์ทำเอาตะลึงกันไปถ้วนหน้าเลยว่า “ดีไซน์แบบนี้มันอยู่ในจักรวาลกันดั้มด้วยหรอ” “นี่มันมาจากภาคอะไรกัน”

Crossbone Gundam และ Victory Gundam เป็นสองภาคที่คุณจะได้พบกับโมบิลสูทดีไซน์แปลกๆ รูปร่างไม่ชินตาอยู่มากมาย ทั้งสองภาคดำเนินอยู่ในช่วงปลายของจักรวาล UC หรือที่เรียกกันว่า late U.C.นั่นเอง ( ภาคครอสโบนจะอยู่แถวช่วง U.C.133 และภาควิคตอรี่จะดำเนินอยู่ในช่วงปี U.C.153 )

ในวันนี้เราจะพาทุกคนไปชมกับโฉมหน้าของโมบิลสูทจากภาค Crossbone Gundam ที่มีดีไซน์อันแปลกแหวกแนว ไม่แพ้กันกับเจ้า Dictus เลย

1. EMS-VSX1 Quavarze

1 ใน 3 โมบิลสูทที่ประจำอยู่ใน Death Gale Team ซึ่งทำหน้าที่จัดการทำลาย Crossbone Gundam เรื่องราวมันมีอยู่ว่า Jupiter Empire นั้นไม่สามารถที่จะทุ่มงบสร้างหุ่นสักตัวหนึ่งขึ้นมาที่จะมีสเป็คแซงหน้ากันดั้มไปได้ในทุกๆด้าน พวกเขาจึงแก้ปัญหาด้วยการ สร้างหุ่น 3 ตัวที่มีความพิเศษเฉพาะทาง ตั้งเป็นทีม Death Gale สำหรับการต่อกรกับครอสโบนกันดั้มนั่นเอง สำหรับ Quaverse ตัวนี้มีความถนัดในด้านการต่อสู้ระยะประชิด อาวุธหลักที่ยื่นยาวออกมาจากแขนทั้งสองข้าง “Snake Hand” แส้โลหะหลากหลายประโยชน์ นอกจากจะใช้ฟาดได้แล้ว ที่ปลายของมัน (ปลายกลมๆ) ยังสามารถทำงานเป็น Beam Cutter และ Beam Shield ได้ด้วย

2. EMS-VSX2 Abijo

1 ใน 3 โมบิลสูทแห่ง Death Gale Team … Abijo ตัวนี้มีความโดดเด่นในเรื่องของขนาดตัวที่เล็ก น้ำหนักตัวเบา แถมเข้าไปด้วยความเร็วที่เหนือชั้น อาวุธหนึ่งเดียวของหุ่นตัวนี้คือ 2-barrel Needle Gun ที่ติดอยู่กับหัวไหล่แขนขวา ขึ้นชื่อว่าเป็นอาวุธที่พลังทำลายล้าง น้อยที่สุด เท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์โมบิลสูทเลย เนื่องจากเป็นอาวุธที่ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อใช้ทำลายศัตรู แต่เน้นใช้สร้างการรบกวน เบี่ยงเบนความสนใจมากกว่า เมื่อเทียบกับหุ่นอีก 2 ตัวในกลุ่ม Death Gale แล้วหุ่นตัวนี้เปรียบเสมือนตัวซัพพอร์ทให้หุ่นอีก 2 ตัวกำจัดหุ่นศัตรูได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

3. EMS-VSX3 Tortuga

1 ใน 3 โมบิลสูทแห่ง Death Gale Team ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของพลังป้องกันรวมไปถึงการยิงโจมตีระยะกลาง หนามแหลมๆด้านหลัง (Beam Spike) ทำหน้าที่เป็นตัวปล่อย Beam Shield สำหรับป้องกันการโจมตีของกันดั้ม ทั้งนี้ Beam Spike แต่ละอันยังมี Beam Gun ติดตั้งเหน็บเอาไว้คู่กันอีกด้วย บริเวณมือของหุ่นติดตั้ง Hammer Hand มือทุบพลังทำลายล้างสูง ที่สามารถปั่นหมุนได้อีกด้วย

4. RGM-122 Javelin

แมสโปรดักส์โมบิลสูท ที่พัฒนาต่อมาจาก RGM-119 JamesGun ของฝั่งสหพันธ์โลกที่ใช้งานในช่วง Zanscare War เป็นหุ่นที่สามารถปรับเปลี่ยน backpack ด้านหลังได้ ตั้งต้นจะติดแพ็คที่ชื่อ Javelin Pack ที่มี Shot Lancer เป็นอาวุธหลักตามภาพประกอบด้านบน เป็นเหมือนเครื่องยิงทวนออกไปด้วยความเร็วสูงโดยใช้แม่เหล็กไฟฟ้า

นอกจากนี้ยังมีแพ็คให้เลือกติดตั้งเพิ่มเติมอย่าง “Mega Spear Pack” และ ‘Cannon Pack” ซึ่งจะใช้ชื่อหุ่นเป็น RGM-122C Javelin Cannon แต่ถึงแม้จะมีอาวุธให้เลือกใช้หลายแบบ Javelin กลับกลายเป็นหุ่นที่สเป็คนั้นตามไม่ทันหุ่นของฝั่ง Zanscare เลย

5. EMA-04 Elefante

โมบิลอาร์เมอร์สำหรับนิวไทป์ โดดเด่นมากตรงที่มีอาวุธรูปทรงคล้าย งวงช้างที่ปลายติด Beam Cannon เอาไว้ด้วย แถมใช้จับโมบิลสูทได้ ใช้เหวี่ยงฟาดได้หลากหลายทิศทาง นอกจากงวงช้างสุดพิเศษนี้แล้ว เนื่องด้วย Elefante เป็นโมบิลอาร์เมอร์สำหรับนิวไทป์ ทำให้มีการติดตั้ง Bit ไว้ถึง 5 อันด้วยกัน ไปว่ากันที่ด้านพลังป้องกันบ้าง Elefante มีการติดตั้ง I-field Barrier Generator ไว้ถึง 5 ตัวเลยอีกต่างหาก

6. EMS-07 Erebado

โมบิลสูทตัวเทพสำหรับให้เหล่า Ace Pilot ใช้งานทำหน้าที่ Royal Guard หรือองค์รักษ์ปกป้องผู้นำของ Jupiter Empire อย่าง Crux Dogatie … ด้านหลังของหุ่นได้มีการติดตั้ง shelf nozzles (ก้านที่ยื่นๆออกมาตามภาพด้านบน) เป็นส่วนช่วยควบคุมความเร็วและความคล่องตัวของหุ่น … Shape หัวที่ใหญ่และแปลกตาถูกสร้างขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ คือเพื่อให้สามารถติดตั้งเซนเซอร์เพิ่มได้จำนวนมาก เพิ่มความสามารถด้านการรับรู้และการเก็บข้อมูล มือซ้ายของหุ่นติดตั้ง “Fighting Claw” อาวุธสำหรับต่อสู้ระยะประชิดที่มีการติดตั้ง Beam Machine Gun เอาไว้ด้วย

7. EMA-10 Divinidad

โมบิลอาร์เมอร์ขนาดบิกเบิ้ม บอสตัวฉกาจแห่งภาค Crossbone ที่เรียกได้ว่าอาวุธจัดเต็มมาก บริเวณหัวมีการติดตั้งทั้งปืนใหญ่ Mega Particle Cannon, Medium Beam Cannon ด้านซ้ายของใบหน้า ปีกขนาดใหญ่ไม่ได้มีไว้โชว์ว่าบินได้อย่างเดียวแต่ยังใช้เก็บ Feather Funnel จำนวนมากสำหรับพุ่งเข้าใส่หุ่นศัตรูอย่างไม่ปราณี แต่แต่ ช้าก่อน ที่กล่าวไปยังไม่ไช่ที่สุด เพราะหุ่นตัวนี้ยังมี “Nuclear Warhead Missile” บรรจุอยู่ถึง 16 ลูกเลยด้วยกัน

8. EMS-TC05 Galahad

Galahad เป็นโมบิลสูทที่ปรากฏในมังงะ Crossbone Gundam Ghost โมบิลสูทที่มาพร้อมกับแขนซ้ายขนาดใหญ่เบิ้ม ที่พร้อมจะบดขยี้ทุกอย่างด้วยกำปั้น แขนซ้ายของมันเป็นเหมือนกับ Dictus ขนาดเล็กฝังอยู่เลย สามารถปลดแขนออกแล้วควบคุมแบบ Wired ได้ นอกจากแขนจะมีพลังทำลายล้างที่สูงแล้ว ยังมีการติดตั้ง I-field generator และนั่นหมายความว่าแขนยักษ์นี่สามารถทำหน้าที่เป็นโล่ได้ด้วย

9. EZM-S01 Midas

โมบิลสูทสมรรถนะสูงส่งที่ถูกสร้างขึ้นอย่างลับๆ ร่างกายของหุ่นนั้นถูกเคลือบด้วยสีทองอร่ามทั้งหมด ขึ้นชื่อว่าเป็นโมบิลสูทที่ดีที่สุดของ Zanscare เลยทีเดียว ปลายนิ้วมีการติดตั้ง Beam Claw, มือขวาถือ Kaiser Staff ที่ใข้ได้ทั้งยิงระยะกลางและสู้ระยะประชิด แต่ที่เยี่ยมที่สุดเลยคือระบบ “Midas Touch Flash” ระบบในการเล่นงานบัคที่พบในระบบ OS ของ Mobile Suit ด้วยการปล่อยแสงเจิดจรัสที่ทำให้ Visual Sensor ของหุ่นที่ได้รับข้อมูลแสงนี้เข้าไป ส่งผลให้หุ่นหยุดการทำงานไปได้เลย

10. EZMA-S01 Chaosrel
โมบิลอาร์เมอร์ขนาดยักษ์อีกหนึ่งตัวในซีรีย์ครอสโบน มีลำตัวยาวกว่า 200 เมตร แถมเกราะยังหุ้มไปด้วย Beam-resistant Coating สีทอง ต้านบีมได้ชิวๆ รูปทางด้านซ้ายเรียกว่า “Cruising Mode” อธิบายง่ายๆว่ามันคือยานรบที่มีระบบของโมบิลสูทติดตั้งไว้ก็ได้ ส่วนรูปทางด้านขวาเป็น “Mobile Armor Form” ที่ใช้ในการต่อสู้ ใช้ Beam Cannon ซึ่งซ่อนอยู่ตามแขนเป็นอาวุธ แถมยังมีกรงเล็บไว้จับหุ่นศัตรูในระยะประชิด

11. Dictus

มากันถึงที่โมบิลสูทซึ่งเป็นมูลเหตุของบทความในวันนี้อย่างแท้จริง ดิคตัสเป็นโมบิลสูทที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “Most Powerful transformable MS of Jupiter Empire” เลยทีเดียว ความเฟี้ยวพิเศษของหุ่นตัวนี้คือการที่ตัวหุ่นทั้งตัวสามารถแปลงร่างเป็นมือยักษ์ได้ แขนขาของหุ่นถูกเปลี่ยนเป็นนิ้วมือที่สามารถปล่อยบีมเซเบอร์ออกมาได้ อย่างที่ทุกคนได้เห็นภาพกันพลา Dictus กันไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีของดีแฝงอยู่อีกอย่างด้วยในหุ่นตัวนี้ นั่นก็คือ “I-field generator” ที่เข้ามาช่วยเสริมเรื่องพลังป้องกันของหุ่น

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ! โมบิลสูทที่ดีไซน์หลุดไปจากกันดั้มภาคอื่นๆยังไม่หมดเพียงแค่นี้ ขอแถมให้ทิ้งท้ายบทความเอาไว้เสียหน่อยครับ

EMS-08 Diona

EMS-TC06 Banzo

EMS-TC03 Bailarina

EMS-TC04 Desphys

- บทความโดย NuthSWR