หากใครเป็นคอกีฬาคงจะเห็นกระแสไวรัลอย่าง “หมอนทองวิทยา” ในรอบชิงชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลขาสั้นที่ผ่านมา แม้การแข่งขันจะจบลงแล้วแต่กระแสนี้ก็ยังคงเป็นที่พูดถึงตั้งแต่ก่อนการแข่งขัน โดยเฉพาะเรื่องราวของโรงเรียนหมอนทองวิทยานั้น ถ้าหากเปรียบเหมือนหนัง ก็คงจะเป็นหนังแนว Underdog ที่จะเล่าถึงทีมรองบ่อน ทีมเล็กๆ หรือนักกีฬาที่ไม่โดดเด่น แต่เมื่อได้ลงสนามและโชว์ฝีมือประทับใจจนอาจมหลายคนต่างเอาใจช่วย ซึ่งเราเห็นบ่อยๆไม่ว่าจะเป็นหนังหรือซีรีส์
วันนี้เลยจะพาทุกท่านมาปลุกพลังใจรวมเป็นหนึ่งกับ 10 หนังแนว Underdog มาฝากกันครับ ไปดูกันว่ามีหนังเรื่องไหนน่าสนใจบ้าง…
**10หนังแนว Underdgog ที่เลือกนี้จะเน้นเรื่องราวเป็นทีมกีฬาครับผม***
Cool Running (1993)
เริ่มกันที่หนังตลกที่มีเค้าโรงจากเรื่องจริงของทีมกีฬาบอบสเลด ทีมจาไมก้า ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มนักกีฬาที่หมดสิทธิ์ลงแข่งขันวิ่ง จนเมื่ออดีตนักแข่งบอบสเลดเห็นแววในตังของพวกเขาจึงพาพวกเขาเข้าร่วมแข่งขัน บอบสเลดในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 1988 ที่เมืองแคลการี ประเทศแคนาดา
แม้ว่าประเทศจาไมก้าจะไม่ใช่ประเทศเมืองหนาว และไม่เคยเห็นหิมะ ทำให้ทีมของพวกเขาเหมือนเป็นตัวตลกในสายตาของทุกคนรวมถึงผู้คนบ้านเดียวกัน แต่ด้วยพลังใจและความเป็นทีม รวมถึงความมุ่งมั่น ที่ทำให้พวกเขาสามารถพิสูจน์ตัวเองจนกลายเป็นตำนานจนปัจจุบัน
ฮักบี้ บ้านบาก (2019)
หากพูดถึงกระแส “หมอนทองวิทยา” ก็ชวนให้นึกถึงหนังเรื่องนี้ที่สร้างจากเหตุการณ์จริงคล้ายๆกัน ตัวหนังว่าด้วยเรื่องราวของทีมรักบี้จากโรงเรียนบ้านบาก จังหวัดอุบลราชธานี ที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดในการสื่อสารของระบบราชการ ทำให้ครูพละที่เคยเป็นนักกีฬาฮอกกี้ ต้องสร้างทีมรักบี้กับเด็กที่ไม่มีประสบการณ์ ด้วยข้อจำกัดทั้งอุปกรณ์และทุนทรัพย์ พวกเขาต้องพึ่งพาความมุ่งมั่นและความช่วยเหลือจากประชาชน จนสามารถสร้างผลงานเหนือความคาดหมายด้วยการเข้าแข่งขันในระดับประเทศ
Rebound (2005)
หนังกีฬาสุดฮาแต่พลังใจเต็มเปี่ยมที่ได้นักแสดงตลกอย่าง Martin Lawrence มารับบทเป็นโค้ชบาสเกตบอลที่ถูกแบนจากลีกมหาวิทยาลัยด้วยนิสัยเลือดร้อนของตน ทำให้เขาต้องประกาศหาโรงเรียนที่สนใจจะดึงเขามาเป็นโค้ช จนมีโรงเรียนหนึ่งซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นนักกีฬาที่นี่ ติดต่อให้เขามาคุมทีม ซึ่งจากทีมที่ไม่เคยชนะใครเลยกลายเป็นทีมม้ามืดในรอบชิงชนะเลิศ แล้วเป็นโอกาสที่เขาได้พิสูจน์ฝีมือในฐ่านะโค้ชมืออาชีพ
หมากเตะ รีเทิร์นส (2006)
หนังฟุตบอลจากค่ายหนังอารมณ์ดี GTH (GDH ปัจจุบัน) ที่แม้จะมีอุปสรรคและเหตุการณ์ดราม่าจนต้องเลื่อนฉาย หนังเล่าถึงโค้ชทีมฟุตบอลนามมว่า พงศ์นรินทร์ ที่จู่ๆน้าของเขาถูกรางวัลใหญ่จำนวนมหาศาลจึงสานฝันหลานชายด้วยการนำเงินก้อนนี้ไปช่วยทีมชาติไทยและหวังให้หลานชายก้าวมาคุมทีม แต่ท้ายสุดทีมชาติกลับเลือกโค้ชต่างชาติมาคุมทีม ทำให้สองน้าหลานจึงตัดสินใจหอบเงินไปช่วยทีมราชรัฐอาวี (ประเทศสมมุติ) ที่ได้สิทธิ์เข้าแข่งขันคัดเลือกฟุตบอลโลก งานนี้เขาจะพาทีมเล็กๆไปให้ถึงรอบชิงฟุตบอลโลกให้ได้
ซาไกยูไนเต็ด (2004)
อีกหนึ่งหนังฟุตบอลในความทรงจำอีกเรื่อง ว่าด้วยทีมฟุตบอลที่สมาชิกผู้เล่นแต่ละคนเป็นชนเผ่าซาไก ซึ่งการเล่นของพวกเขาเรียกว่าแปลกและน่าสนใจ จนเข้าตาเปาตุ๊ อดีตกรรมการฟุตบอลที่กำลังหนีหนี้ซึ่งได้เห็นฝีเท้าของพวกเขาจึง จึงตัดสินใจพาเผ่าซาไกไปแสดงฝีมือในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานที่กรุงเทพฯ
The Longest Yard (2005)
หนังแนวคนชนคนรีเมคจากหนังในชื่อเดียวกันปี 1974 นำทีมโดย Adam Sadler ว่าด้วยเรื่องราวของตัวเอกที่เป็นนักอมเริกันฟุตบอลที่อยู่ในช่วงโรยรา จนไปก่อคดีเข้า ส่งผลให้เขาต้องเข้ามาอยู่ในคุก แต่เมื่อพัศดีเห็นว่าชื่อของเขาขายได้ เลยจัดศึกคนชนคนระหว่างทีมผู้คุมปะทะทีมนักโทษ โดยที่มีตัวเอกต้องไปรวมเหล่าโคนโฉดมาฟอร์มทีมแข่งกัน
ตัวหนังยังมีฉบับรีเมคในชื่อ Mean Machine ในปี 2001 ที่ได้อดีตผู้เล่นขาโฉดอย่าง Vinnie Jones มาเป็นพระเอก พร้อมฉากหลังเป็นการแข่งฟุตบอลในคุก แต่กลิ่นอายยังคงใกล้เคียงกับต้นฉบับ
Gridiron Gang (2006)
หนังอเมริกันฟุตบอลที่มีความเป็นดราม่าหยิบเรื่องราวจริงๆของ ฌอน (Dwyane Johnson) เจ้าหน้าที่ควบคุมความประพฤติในศูนย์กักกันเยาวชนที่แคลิฟอร์เนีย สถานที่เต็มไปด้วยเหล่าเด็กๆที่หลงทางเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมและยาเสพติด เขาจึงสร้างทีมอเมริกันฟุตบอลขึ้นมาเพื่อมอบโอกาสและสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง ซึ่งในเวลาต่อมาผู้เล่นหลายคนต่างประสบความสำเร็จในเส้นทางของตัวเองเป็นจำนวนมาก
Dodgeball: A True Underdog Story (2004)
เรื่องราวของ ปีเตอร์ ลาเฟลอร์ เจ้าของยิมขนาดเล็ก Average Joe’s ที่กำลังจะถูกยึดกิจการโดย ไวท์ กู้ดแมน เจ้าของยิม Globo Gym ที่ใหญ่กว่าและประสบความสำเร็จกว่า ทางเดียวที่ปีเตอร์จะรักษา “Average Joe’s” ไว้ได้คือการเข้าร่วมและชนะการแข่งขันดอดจ์บอลประจำปีที่ลาสเวกัส เพื่อนำเงินรางวัล 50,000 ดอลลาร์มาใช้หนี้
Blades of Glory (2007)
เรื่องราวของสองนักสเก็ตน้ำแข็งที่มีฝีมือแพรวพราวทั้งคู่ แต่ด้วยความเป็นคู่ปรับของทั้งคู่ทำให้ในการแข่งครั้งหนึ่งพวกเขาทำเรื่องน่าอับอาย จนส่งผลให้ทั้งคู่ถูกแบนการแข่งเดี่ยวตลอดชีวิต แต่ทว่าพวกเขาเจอช่องโหว่ของกติกาที่ทำให้พวกเขากลับสู่ลานสเก็ตน้ำแข็งอีกครั้ง ด้วยเงื่อนไขว่า ‘ทั้งคู่จะต้องแข่งเป็นทีมเดียวกัน!’
Shaolin Soccer (2001)
ปิดท้ายกับหนังฟุตบอลสุดฮาของสองดาราตลกอย่าง โจซิงฉือ และ อู๋ม่งต๊ะ กับเรื่องราวของตัวเอกที่เป็นอดีตศิษย์วัดเส้าหลินที่อยากจะให้กังฟูยังคงอยู่ จนได้เจอกับ ฟง อดีตผู้เล่นตกอับจากการกระทำของตัวเองในอดีตจึงสร้างทีมฟุตบอลเส้าหลินโดยรวบรวมจากเหล่าเพื่อนๆตัวเอกฟอร์มทีมลงแข่งขันโดยมีเป้าหมายคือ รายการใหญ่อย่าง Super Cup นั่นเอง
ทั้งหมดนี้คือ 10 หนังกีฬาแนว Underdog ที่ดูจบทำให้ใจรวมเป็นหนึ่งแน่นอน ใครมีหนังแนวนี้แล้วอยากแนะนำก็สามารถแชร์พูดคุยกันได้ครับ…
@P.PETTY
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]






































