หากพูดถึงหนังสยองขวัญที่มีจุดขายคือความตาย ก็คงต้องยกให้กับหนังชุด Final Destination หรือ โกงความตาย เย้ยความตาย ซึ่งหนังกำลังจะมีภาคล่าสุดให้เราได้ชมกันในปีนี้อย่าง Final Destination : Bloodlines นับเป็นภาคต่อลำดับที่ 6 ของหนังชุดนี้ หลังจากรอคอยในรอบ 14ปี แต่ก่อนที่เราจะไปชมนั้น วันนี้เรามี 10 เรื่องราวน่าสนใจของหนังชุดนี้มาฝากแฟนหนังชุดนี้เป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนไปชมภาคใหม่กันครับ
1.) จุดเริ่มต้นเป็นเพียงแค่ตอนหนึ่งในซีรีส์ดัง
หากพูดถึงจุดเริ่มต้นซีรีส์หนังชุดโกงความตายที่ครองใจผู้ชมจนวันนี้ มันเริ่มต้นมาจากไอเดียเรื่องราวที่จะใช้ในซีรีส์แนวสืบสวนลึกลับเหนือธรรมชาติอย่าง X-Files แต่ทว่ามันไม่ได้กลับมาใช้ ก่อนที่ไอเดียวแนวโกงความตายจะเข้าตา James Wong และ Glen Morgan สองมือเขียนบทของซีรีส์เห็นอะไรบางอย่างในไอเดียนี้จึงตัดสินใจต่อยอดก่อนจะเป็นหนังโกงความตายที่เรารู้จักกันดี

2.) แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง
หากใครที่ติดตามเรื่องราวเบื้องหลังของหนังชุดนี้จะพบว่า แต่ละภาคของหนังชุดโกงความตายนั้น ต่างได้รับแรงบันดาลใจมาจาเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง เริ่มจากภาคแรก โดยหนึ่งในทีมเขียนบทที่ชื่อ Jeffrey Reddick ที่ได้เล่าว่า แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์เที่ยวบิน 800 สายการบิน TWA ที่เกิดระเบิดกลางอากาศ แถมตัวเขาก็ได้บินเรื่องราวของหญิงสาวที่จะเตือนแม่ของตนว่าอย่าเพิ่งขึ้นเครื่อง ซึ่งลางสังหรณ์ของเธอเป็นจริงเพราะเครื่องบินดังกล่าวเกิดระเบิดเช่นกัน
ส่วนเหตุการณ์ภาค 2 ก็เป็นเหตุการณ์จริงในถนนสายหนึ่งในรัญจอร์เจียที่รถชน125คัน ส่วนเหตุการณ์ในภาคที่สี่ที่เป็นเหตุการณ์ในสนามแข่งรถอันเป็นฉากต้นเรื่อง ก็มาจากเหตุการณ์ร้ายแรงในการแข่งขันรายการเลอมองส์ ช่วงยุค 50’s
3.) ชื่อของตัวละครมาจากชื่อคนดังของโลกหนังสยองขวัญ
ความน่าสนใจของหนังชุดนี้นั่นคือตัวละครที่ต้องเจอกับฉากตายที่สุดแสนจะอลังการ ซึ่งชื่อของตัวละครในเรื่องต่างเป็นการตั้งเพื่อคาราวะคนดังแห่งโลกหนังสยองขวัญ อาทิ Alex Browning, Billy Hitchcock, Larry Murnau, และ Black Dreyer
ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากผู้กำกับหนังสยองขวัญชื่อดังอย่าง Tod Browning, Alfred Hitchcock, F.W. Murnau, และ Carl Theodor Dryer
นอกจากนี้ตัวละครอย่าง Terry Chaney, Agent Schreck, และ Valerie Lewton ก็ได้ชื่อมาจากนักแสดงระดับตำนานสายสยองขวัญชื่อดังอย่าง Lon Chaney, Max Schreck และ Val Lewton
3.) ตัวเลือกแรกบทอเล็กซ์กับเคลียร์
ในการคัดตัวแสดงในบทพระเอกนางเอกอย่างอเล็กซ์กับเคลียร์นั้น ในตัวเลือกแรกพวกเขาวางตัว Tobey Maguire + Kirsten Dunst มารับบทนำในหนังเรื่องนี้ ซึ่งทั้งสองได้ปฏิเสธไป แต่ภายหลังทั้งคู่ก็ได้ร่วมงานในหนังไตรภาคไอ้แมงมุม Spiderman ของ แซม ไรมี่ แทน
4.)นักวิจารณ์ดังฟันธง
สำหรับ Final Destination ถือเป็นหนังที่มีคอนเซปต์แรง (Big Idea) ที่แข็งแรงนั่นคือ การเล่นกับความตายที่กลับมาเล่นงานตัวละครในเรื่องโดยมีจุดขายคือการตายที่พิสดาร ซึ่งตัวหนังในช่วงแรกจะมีเสียงวิจารณ์ไปในทางปานกลางจนถึงแย่ แต่แล้วนักวิจารณ์ระดับตำนานอย่าง Roger Ebert สร้างความประหลาดใจด้วยการให้หนังเรื่องนี้สามดาวและการันตีว่ามันจะต้องฮิตไม่แพ้หนังชุด Scream อย่างแน่นอน
5.) Rocky Mountain High
ฉากหนึ่งที่เหมือนจะเป็นการปูให้ผู้ชมว่าตัวละครจะเจออะไรบ้าง นั่นคือการที่อเล็กซ์พระเอกของเรื่องไปทำธุระส่วนตัวแล้วได้ยินเพลงของ John Denver นักร้องดังอย่าง Rocky Mountain High ก่อนที่พระเอกจะเห็นนิมิตว่าเครื่องบินกำลังจะเกิดระเบิด ซึ่งเรื่องจริงเขาก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางเครื่องบินเช่นกัน
6.) ตอนจบอีกแบบของภาคแรก
ในฉบับดีวีดีแบบพิเศษของภาคแรกจะมีแถมตอนจบอีกแบบของหนังนั่นคือ อเล็กซ์ยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยเคลียร์จากสายไฟฟ้า ก่อนที่หลายปีต่อมาเธอจะให้กำเนิดลูกชายโดยตั้งชื่อว่าอเล็กซ์ แล้วเราจะได้เห็นเคลียร์และคาร์เตอร์เป็นสองผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์โกงความตาย
7.) ตอนจบที่เชื่อมโยงกับภาคแรก
ในตอนจบของภาค 5 เราจะพบว่าตัวเอกจะเดินทางบนเครื่องบินเที่ยวเดียวกับตัวเอกภาคแรก ก่อนที่จะตายในไฟลท์นั้นไปด้วย ทำให้เราได้รู้ว่าหนังเรื่องนี้เป็นภาคก่อนภาคแรก เรียกว่านี่คือภาคที่เป็นต้นกำเนิดของเรื่องราวการโกงความตายที่วนเวียนไม่สิ้นสุดรวมถึงภาคใหม่ที่กำลังจะเข้าฉาย
8.) หมายเลข 180
หากหนัง Pixar จะมี Easter Egg อย่าง A113 ให้ผู้ชมตาดีได้สังเกตในหนังทุกเรื่อง สำหรับหนังชุดโกงความตายนี้ก็ได้ใส่ไปด้วยนั่นคือ หมายเลข 180 ซึ่งอ้างอิงถึงเที่ยวบิน 180ในภาคแรก หลังจากนั้นเราก็จะเห็นเลขเหล่านี้ปรากฏในหนังแทบทุกภาค มีบางภาคที่สลับตัวเลข ซึ่งใครสังเกตดีๆจะเห็นแน่นอน
9.) Tony Todd
หนึ่งในตัวละครน่าจดจำของหนังชุดนี้ คือตัวละครที่ชื่อว่า วิลเลี่ยม บลัดเวิร์ธ สัปเหร่อผู้ที่เป็นคนเตือนถึงเรื่องความตายที่ถูกเตรียมไว้ และไม่อาจหนีพ้นได้
ด้วยการแสดงของ Tony Todd ที่แม้จะโผล่ไม่มากแต๋มันก็น่าจดจำเพียงพอ ซึ่งเขาปรากฏตัวถึง 3 ภาค (ภาค3 มาเป็นเสียง)
แม้เขาจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ผลงานสุดท้ายคือ Final Destination Bloodlines ภาคใหม่ล่าสุด ก็รอดูบทบาทครั้งสุดท้ายกันได้ครับ
10.) การกลับมาในรอบ 14 ปีของหนังชุด Final Destination
Final Destination Bloodlines คือผลงานลำดับที่ 6 ของหนังชุดนี้และเป็นหนังที่รอคอยถึง 14ปี ซึ่งตัวหนังจะได้ Guy Busick และ Lori Evans Taylor รับหน้าที่เขียนบท
ซึ่งหนังจะเข้าฉายในปีนี้ และ จะมีอะไรให้เราได้ลุ้น หรือ ฉากตายใหม่ๆเว่อๆ ปนหวาดเสียว อันนี้ต้องรอดูในโรงภาพยนตร์ครับผม
@P.PETTY
ข้อมูลประกอบ
https://screenrant.com/final-destination-movie-trivia/
https://en.wikipedia.org/wiki/Final_Destination
https://whatculture.com/film/10-things-you-didnt-know-about-final-destination
https://halloweenyearround.wordpress.com/2020/03/17/20-fun-facts-about-final-destination/
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]


































