ถือเป็นหนึ่งในสัตว์ประหลาดแห่งยุค 80’s-90’s ที่ทุกวันนี้ยังเป็นที่พูดถึงสำหรับเจ้าเกรมลิน ผลงานของโจ ดันเต้ และ คริส โคลัมบัส ที่หยิบเอาเรื่องราวตำนานปีศาจแสนซนมาตีความกลายเป็นหนังตลกชวนสยองของเจ้าปีศาจปุกปุยที่มีกฎเหล็กสามข้อ ซึ่งถ้าหากละเมิดกฎก็อาจจะได้เจออสุรกายสุดแสนจะร้ายกาจ ซึ่งในปีนี้เราจะได้เห็นจุดกำเนิดเรื่องราวของเจ้าเกรมลิน ในอนิเมชั่นซีรีส์เรื่อง Gremlins: Secrets of the Mogwai ที่จะพาไปดูปฐมบทเรื่องราวของสัตว์ประหลาดปุกปุยไปพร้อมกับผจญภัยครั้งใหญ่ ซึ่งจะออกอากาศทาง HBO MAX
วันนี้เราจะย้อนไปดู 10 เกร็ดน่าสนใจของหนังเรื่อง Gremlins มาฝากกันครับ
1.) จุดเริ่มต้นไอเดียสยอง
ไอเดียของปีศาจแสนซนนั้นเริ่มต้นมจากไอเดียของ คริส โคลัมบัส ที่ได้ไอเดียมาจากขณะลงมือเขียนบทหนังเรื่องนี้แล้ได้ยินเสียงแปลกๆใต้หลังคารวมถึงจินตนาการว่าจะเกิดอะไรถ้าพวกมันเป็นปีศาจที่คล้ายกับค้างคาว ทำให้เขาสามารถเขียนบทหนังเรื่อง Gremlins เสร็จก่อนจะนำไปเสนอตามค่ายหนัง ก่อนที่ในเวลาต่อมา สตีเว่น สปิลเบิร์ก ตัดสินใจซื้อบทหนังเรื่องนี้แล้วนำไปเสนอกับทาง Warner’s Bros ก่อนที่ทางสตูดิโอจะไฟเขียว แล้วได้ โจ ดันเต้มารับหน้าที่เป็นผู้กำกับ
2.) บทร่างแรกนั้นดิบเถื่อน รุนแรงมากๆ
ในเวอร์ชั่นร่างแรกของ Gremlins นั้น คริส โคลัมบัสจัดหนักจัดเต็มกับฉากหฤโหดต่างๆมากมาย อาทิ ฉากเขมือบสุนัข, ฉากฆ่าแม่ของบิลลี่และโยนหัวลงทางบันได แล้วยังมีฉากรุนแรงอีกสารพัก ทำให้ทาง สตีเว่น สปิลเบิร์ก และ โจ ดันเต้ ผู้กำกับจึงลดทอนความรุนแรงจนหนังได้รับเรท PG ที่สามารถดูได้ทุกเพศทุกวัย
3.) สถานที่ถ่ายทำฉากหลังของ Gremlins คือที่เดียวกับ Back to The Future
ฉากหลังของเรื่องราวใน Gremlins นั่นคือ เมือง Kingston Falls ซึ่งถ้าใครตาดีจะสังเกตว่ามันคือสถานที่เดียวกับที่ใช่ถ่ายทำเมือง Hill Valley จากหนังไตรภาคชุด Back To The Future นั่นเอง
4.) พ่อมดฮอลลีวู้ดแอบไปแจมเป็น Cameo
ถ้าใครตาดีหน่อยเราจะสังเกตเห็น สตีเว่น สปิลเบิร์ก มาแจมในหนังโดยเขารับบทเป็นคนที่กำลังลองรถที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ของพ่อของบิลลี่นั่นเอง เรียกว่านานๆทีขอมาแจมในหนังซักครั้ง
5.) หุ่นเจ้า Gremlins
ในช่วงยุคที่ CGI ยังไม่พัฒนาก้าวกระโดดเหมือนสมัยนี้ ทีมผู้สร้างเลือกที่จะแต่งเติมจินตนาการเจ้าปีศาจ ด้วยการใช้วิธีการบังคับหุ่นผสมกับการถ่ายทำแบบ Stop Motion ซึ่งมีเรื่องเล่าสนุกๆว่าราคาของหุ่นที่เข้าฉากมีราคาสูงในเวลานั้นถึง 40000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ และทุกครั้งที่ถ่ายทำเสร็จก็จะมีการจัดทีมผลัดเวรเฝ้ายามเพื่อป้องกันการขโมยที่เกิดขึ้น เรียกว่าหุ่นเกรมลินสำคัญยิ่งชีพกันเลยทีเดียว
6) ฉากสู้กับ Gremlins
ในภาคแรกเราจะได้เห็นบิลลี่สู้กับเกรมลินที่มันใช้เลื่อยเป็นอาวุธวึ่งในตอนแรกไม่มีฉากนี้ในบทดั้งเดิม แต่ โจ ดันเต้ ได้เพิ่มาในภายหลังเพราะว่าเขาต้องการคาราวะหนังสยองขวัญอย่าง The Texas Chainsaw Massacre ไหนๆจะโหดแล้วเลยไปให้สุดหยุดที่เกรมลิน (ฮ่า!)
7) นักวาด Looney Tunes มารับเชิญ
นอกจาก พ่อมดฮอลลีวู้ด สปิลเบิร์กจะมารับเชิญแล้ว อีกคนที่มาด้วยนั่นคือ ชัค โจนส์ ซึ่งเขาอยู่เบื้องหลังการ์ตูนดังอย่าง Looney Tunes และ Tom and Jerry ถือว่าเป็นลูกรักของค่าย WB ก็ว่าได้ ซึ่งโจ ดันเต้ ผู้กำกับขอให้เขามารับเชิญเพราะว่าเป็นแฟนตัวยงของนักเขียนการ์ตูนในตำนานผู้นี้นี่เอง
8.) Hulkamania in Gremlins
ภาค 2 มีความน่าสนใจคือพวกเขาล้อเลียนและคาราวะโลกบันเทิงใส่กันเต็มที่ และแน่นอนว่าวงการมวยปล้ำก็ยังมีเมื่อ Hulk Hogan ในเวลานั้นเขาคือสตาร์แห่งวงการมวยปล้ำก็ได้มารับเชิญในหนังเรื่องนี้แล้วเล่นเป็นตัวเองเสียด้วย แต่ในเวลาต่อมาเขาก็พยายามโลดแล่นในวงการบันเทิงแต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ
9.) ต้นแบบตัวละครของ Mr.Clamp
ตัวละครมิสเตอร์ แคลมป์ เจ้าของตึกระฟ้าที่เป็นจุดชนวนเรื่องราวของภาค 2 มีบันทึกว่า โจ ดันเต้ และทีมเขียนบทสร้างตัวละครตัวนี้โดยอ้างอิงมาจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ในตอนนั้นเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆและเป็นเซเลปคนดังด้วย ซึ่งภายหลังก็กลายเป็นประธานาธิบดีในเวลาต่อมา เหตุผลที่ผู้กำกับเลือกทรัมป์มาเป็นต้นแบบเพราะตีโจทย์ง่ายนั่นเอง (ฮ่า)
10.) ฉากอธิบายกฎของเกรมลิน
ในฉากที่บิลลี่กำลังอธิบายให้คนในที่ทำงานถึงกฎของเกรมลิน ซึ่งมีทั้งเชื่อและไม่เชิ่อนั้น ผู้กำกับได้มาจากตอนที่หลายคนบอกว่ามันเป็นกฎที่ไร้เหตุผลและตามด้วยคำถามต่างๆมากมายและมีช่องโหว่จนคนดูกลับสงสัย ก็เลยนำตรงนี้มาขยี้ในฉษกภาคสองไปเลยเรียกว่าเอาข้อสงสัยมาขยี้เป็นหนึ่งในฉากก็ยังได้
และทั้งหมดนี้คือ 10 เรื่องราวน่าสนใจของ Gremlins ก่อนจะไปรับชม Gremlins: Secrets of the Mogwai ที่จะฉายในปีนี้ทาง HBO MAX
@P.PETTY
ข้อมูลอ้างอิง
- https://www.imdb.com/title/tt0087363/trivia/?ref_=tt_trv_trv
- https://www.ranker.com/list/interesting-details-about-gremlins/rmach
- https://screenrant.com/gremlins-movie-easter-eggs/
- https://www.mentalfloss.com/article/57137/21-things-you-might-not-know-about-gremlins
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]





































