
ถือเป็นนักแสดงที่ถือว่ามีฝีมือระดับดาวค้างฟ้าสำหรับ Johnny Depp ที่ไม่ว่าบทไหนเขาจะสามารถเข้าถึงบทบาทจนหลายคนชื่นชอบบทบาทของเขา บางตัวละครก็กลายเป็นที่จดจำจนถึงทุกปัจจุบัน วันนี้เราจะย้อนไปดู 10ผลงานที่เขาได้ฝากฝีมือจนเป็นที่จดจำของแฟนหนังมาฝากกันครับ ไปดูกันว่าจะมีเรื่องอะไรบ้าง

10.) A nightmare on Elm Street (1984)
นับว่าเป็นผลงานเรื่องแรกของการก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงของ Johnny Depp โดยผลงานแรกของเขาคือหนังสยองขวัญระดับตำนาน โดยเขารับเป็น เกล็น แฟนหนุ่มของนางเอกรูปหล่อ แต่ว่าจุดจบของเขาช่างน่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง (ใครอยากรู้ลองไปหาดูกันครับ) แม้จะเป็นบทสมทบแต่ก็เป็นใบเบิกทางให้เขาได้เข้ามาวงการบันเทิงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
แม้ว่าภาพจำของเขามักจะรับบทตัวละครที่ฉูดฉาดและหวือหวาไปจนหลุดโลกบางครั้ง แต่ถ้าบทบาที่สุดแสนจะจริงจัง ดุดัน ไม่เกรงใจใครแล้วละก็ เขาก็มีเหมือนกันแปละทำได้ดีเสียด้วย ตัวอย่างชัดเจนคือหนังปี2009ที่สร้างจากเหตุการณ์จริงในช่วงยุค 30 ของโจรตัวฉกาจที่เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของ FBI นามว่า จอห์น ดิลลิงเจอร์

8.) Charlie and the Chocolate Factory (2005)
หนังที่รีเมคจากต้นฉบับเมื่อปี 1971 ว่าด้วยเรื่องราวของเด็กทั้ง 5 คน ที่ได้รับโอกาสเข้าชมโรงงานชอคโกแลตของ วิลลี่ วองก้า เจ้าของโรงงานที่ต้องการหาผู้สืบทอดคนใหม่ ซึ่งเวอร์ชั่นนี้พี่จอหน์นี่แกได้เพิ่มเติมความยียวนกวนประสาท ตลกร้าย และความเศร้าหมองจากความรทรงจำอันเจ็บปวด ทำให้วิลลี่ในแบบของเขาแตกต่างจากของเดิมอย่างสิ้นเชิง แต่แฟนหนังก็ชื่นชอบบทบาทนี้เป็นอย่างมาก
ผลงานแนวสยองขวัญที่เขาเคยฝากฝีมือ ว่าด้วยเรื่องราวของนักสืบหนุ่มที่เดินทางมายังเมือง Sleepy Hollow เพื่อทำการสืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในเมืองนี้ ก่อนที่เขาจะได้พบว่าเบื้องหลังของเหตุฆาตกรรมสุดสยองครั้งนี้คือ วิญญาณนายทหารหัวขาดที่ควบม้าตัดหัวคนเป็นว่าเล่น งานนี้เขาจึงต้องเผชิญกับวิญญาณร้ายในแบบที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
6.) Fantastic Beasts (2016-2018)
ถ้าพูดถึงผลงานที่น่าจดจำของเขาในยุคนี้คงจะต้องนึกถึงบทพ่อมดผู้ทรงอิทธิพลในจักรวาลเวทย์มนต์ จากหนังชุดสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ โดยเขารับบทเป็น กรินเดลวัลด์ เพื่อนและคู่แข่งของดัมเบิ้ลดอร์ ซึ่งเขารับบทเพียงแค่ 2 ภาค ก่อนจะมีการเปลี่ยนตัวผู้แสดงเป็น แมตส์ มิคเคลเซ่นในเวลาต่อมา
5.) Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street (2007)
อีกหนึ่งบทบาทสุดโหดที่น่าจดจำเมื่อต้องรับบทเป็นตัวเอกที่ถูกใส่ความในความผิดไม่ได้ก่อ ทำให้เขาตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองเข้าสู่ด้านมืดด้วยการเป็นฆาตกรที่มีฉากหน้าคือช่างตัดผม ซึ่งเป้าหมายของเขาคือการกำจัดคนที่ใส่ร้ายพวกเขาให้หมดไปจากโลกใบนี้
4.) Edward Scissorhands (1990)
หนึ่งในผลงานที่น่าจดจำอีกเรื่องของเขา กับบทบาทของชายประหลาดนามว่า เอ็ดเวิร์ด มือกรรไกร ชายผู้มีมือสองข้างเป็นกรรไกร ที่ต้องใช้ชีวิตแปลกประหลาดกว่าคนทั่วไปจนโชคชะตาเล่นตลกได้เจอหญิงสาวที่น่ารักที่ทำให้เขาไม่ใช่แค่ตกหลุมรัก แต่ต้องปรับตัวจนทำให้เขาต้องเปลี่ยนไป
หนังของจอห์นนี่ที่รับบทเป็น เอ็ด วู้ด ผู้กำกับที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับยอดแย่ที่สุดในโลก หนังพาไปสำรวจเรื่องราวของเขารวมถึงอุปสรรคระหว่างการถ่ายทำหนังของเขาในแต่ละเรื่อง แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็นผู้กำกับหนังห่วย แต่เขาก็ทุ่มเทกับการทำงาน แม้งบจะไม่มี หรือ หลายคนปรามาส แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป เขาได้รับการยอมรับในหมู่สาวกหนังคัลท์ โดยเฉพาะ ทิม เบอร์ตัน ผู้กำกับเรื่องนี้ที่ทำหนังออกมาเพื่อคาราวะในจิตวิญญาณของคนบันเทิงผู้นี้ให้โลกรู้
อีกหนึ่งผลงานที่เขาได้รวมแสดงกับเหล่ามากฝีมืออย่าง Gwyneth Paltrow, Paul Bettany, Ewan McGregor, Olivia Munn และ Jeff Goldblum โดยจอห์นนี่รับบทตัวเอกที่มีพ่อค้างานศิลปะที่จู่ๆได้รับงานให้สืบหางานศิลปะที่หายไปจนเกิดเรื่องราววุ่นๆตามมาไม่หยุด

1.) Pirates of the Caribbean (2003-2017)
หากพูดถึงบทที่น่าจดจำที่สุดของเขาแล้วละก็หลายเสียงส่วนใหญ่ต่างยกให้กับบทบาทโจรสลัดสุดเท่และสุดแสนจะยียวนอย่างแจ็ค สแปร์โรว์ โจรสลัดที่เก่งกาจที่สุดในแถบคาริบเบียน กลายเป็นภาพจำของเขาจนแยกออกจากกันไม่ติด
ทั้งหมดนี้คือ 10 บทบาทที่น่าจดจำของ Johnny Depp ที่มาเล่าสู่กันฟัง
@P.PETTY
ข้อมูลประกอบ
- https://screenrant.com/johnny-depp-best-movies-ranker/
- https://www.imdb.com/list/ls053215670/
- https://en.wikipedia.org/wiki/Johnny_Depp_filmography
- https://salehere.co.th/articles/johnny-depp-movie-list
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]

































